‘สาธิต’ชู‘มาร์ค’นั่งหัวหน้าปชป.-จ่อประชุมใหญ่ตั้งกก.บห.ชุุดใหม่

‘สาธิต’ชู‘มาร์ค’นั่งหัวหน้าปชป.-จ่อประชุมใหญ่ตั้งกก.บห.ชุุดใหม่

‘สาธิต’ยอมรับปชป.พ่ายแพ้ชู‘มาร์ค’กลับมานั่งหัวหน้า เร่งกอบกู้สถานการณ์ ยุโหวต ‘พิธา’ โชว์จุดยืนปิดสวิตซ์ ส.ว. จ่อประชุมใหญ่ตั้ง กก.บห. ชุดใหม่

นายสาธิต ปิตุเตชะ รัฐมนตรีช่วยกระทรวงสาธารณสุข ในฐานะรักษาการรองหัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ กล่าวถึงการเลือกตั้งที่พรรคประชาธิปัตย์ได้คะแนนมาน้อยกว่าที่คาดว่า ต้องยอมรับเสียงของประชาชนที่กำหนดทิศทางประเทศ แต่ในส่วนของพรรคประชาธิปัตย์คงต้องไปหารือกันว่า จะเดินหน้าทำให้เป็นพรรคการเมืองเป็นที่เชื่อใจของประชาชนได้อย่างไรต่อไป

เมื่อถามว่า หมายความว่าพรรคประชาธิปัตย์ต้องไปเป็นฝ่ายค้านใช่หรือไม่ นายสาธิต กล่าวว่า ทั้งหมด ต้องมีการกำหนดยุทธศาสตร์ให้ชัดเจนว่า จะกำหนดทิศทาง เป้าหมาย จุดยืน ทางการเมือง อย่างไร เพราะต้องมีการถอดบทเรียนจากการเลือกตั้งครั้งนี้ ประชาชนมีหลายกลุ่มที่เป็นทั้งกลุ่มสวิงโหวต กลุ่มที่ไม่ได้ติดตามข่าวสาร ซึ่งเป็นกลุ่มที่เราต้องสื่อสารให้เข้าถึงเขา ทั้งหมดเป็นมิติการกำหนดยุทธศาสตร์ที่จะเดินต่อไปทางการเมืองหลังจากนี้

เมื่อถามว่า ผลการเลือกตั้งของพรรคประชาธิปัตย์ที่ออกมาเช่นนี้ เป็นเพราะปัญหาการจัดการภายในหรือเพราะกระแสภายนอก นายสาธิต กล่าวว่า ทั้งหมด มาจากทุกปัจจัย รวมถึงประชาชนที่รู้สึกว่า ถูกกดมานานจนทำให้อยากเปลี่ยนแปลง และถ้าย้อนกลับไปได้ ก็ไม่ควรให้ประชาชนรู้สึกแบบนั้น อย่างไรก็ตามทุกวันนี้มีความยากในการเข้าถึงกลุ่มคนที่เลือกรับข้อมูลเพียงด้านใดด้านหนึ่ง
 

นายสาธิต กล่าวต่อว่า เราจึงต้องนำเรื่องนี้มาคิดและปรับแนวทางการทำงานว่า จะทำอย่างไรให้ประชาชนหันมาดูข้อมูลของเรา เพราะไม่ได้หมายความว่า ข้อมูลที่ถูกต้องจะถูกส่งไปถึงคนที่เราต้องการสื่อสาร จึงต้องทำให้ประชาชนหันมาสนใจเสียก่อน แล้วเราค่อยนำข้อมูลที่ถูกต้องสื่อสารออกไป เพราะข้อมูลที่อยู่ในสื่อต่างๆมีความหลากหลาย จะทำอย่างไรให้เขามาสนใจข้อมูลจากเรา เป็นโจทย์สำคัญในการทำพรรคการเมืองใหม่

“เวลาแพ้สงคราม ก็ต้องไปรวบรวมไพร่พลที่ยังไม่ได้ หรือได้รับบาดเจ็บเอาไปรักษา และต้องรวบรวมยุทโธปกรณ์ที่มีอยู่ให้ได้มากที่สุด แล้วมาตั้งหลัก จากนั้นก็ค่อยๆฟื้นขึ้นมา การทำการเมืองนั้นมีทั้งคนอยู่ข้างหน้าและข้างหลัง โดยคนที่อยู่ข้างหลังทำหน้าที่เป็นคลังสมองที่อาจไม่ต้องมีบทบาท แต่ทั้งหมดร่วมกันทำในเป้าหมายเดียวกัน คือการสร้างผลประโยชน์สูงสุดให้ประชาชน ที่จริงเราอาจทำตรงนี้อยู่แล้วแต่ประชาชนไม่เห็น หลังจากนี้ต้องทำให้เขาเห็นว่า เราเป็นสถาบันการเมืองแล้วทำประโยชน์ให้ประชาชน” นายสาธิต กล่าว
 

เมื่อถามว่า คนที่จะเข้ามากอบกู้พรรคประชาธิปัตย์ ด้วยการขึ้นเป็นหัวหน้าพรรค จะต้องเป็น นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ อดีตหัวหน้าพรรคหรือไม่ นายสาธิต กล่าวว่า นายอภิสิทธิ์มีความเหมาะสมที่จะเข้ามากอบกู้ แต่ก็ต้องมีการหารือกันภายในพรรค และตนคิดว่าถึงเวลาแล้ว ที่คนซึ่งเคยอยู่พรรคประชาธิปัตย์แล้วย้ายออกไปอยู่พรรคอื่นๆ ควรกลับมาร่วมกันทำให้พรรคประชาธิปัตย์กลับมาเป็นสถาบันทางการเมืองที่ทันสมัยและยึดหลักการอุดมการณ์

เมื่อถามว่า หัวหน้าพรรคและกรรมการบริหารพรรคต้องเป็นคนรุ่นใหม่ทั้งหมดหรือไม่ นายสาธิต กล่าวว่า หลักการของประเทศไม่ใช่แค่ต้องมีคนรุ่นใหม่อย่างเดียว คนทุกรุ่นมีความสำคัญเหมือนกันหมด เพียงแต่เราจะสื่อสารอย่างไรให้คนที่เป็นคนรุ่นเก่าไปอยู่เบื้องหลังเป็นคลังสมองที่มีประสบการณ์

"ส่วนคนรุ่นกลาง คนรุ่นใหม่ ที่มีความคิดแหลมคมก็ออกมามีบทบาท แต่ถ้าปล่อยให้คนส่วนนี้ทำอย่างเดียว ก็อาจเกิดข้อผิดพลาด ดังนั้นการทำงานต้องผสานคนทุกรุ่นแล้วนำคนเหล่านี้ไปสื่อสารในรูปแบบใหม่ที่มีความชัดเจน แต่การสื่อสารกับประชาชนต้องเข้ากับบริบทนั้นด้วย ดังนั้นพรรคการเมืองต้องมียืดหยุ่นต่อการเปลี่ยนแปลง"

เมื่อถามว่า จะต้องจัดประชุมใหญ่สมัยวิสามัญ เพื่อเลือกกรรมการบริหารพรรคเร็วแค่ไหน นายสาธิต กล่าวว่า ข้อบังคับพรรคกำหนดไว้ภายใน 60 วัน แต่ส่วนตัวอยากให้จัดเร็วที่สุด ก็ต้องไปหารือกันในพรรคอีกครั้ง

เมื่อถามว่า จะเชิญนายอภิสิทธิ์มาชิงตำแหน่งหัวหน้าพรรคหรือไม่ นายสาธิต กล่าวว่า ต้องหารือกับส.ส. และคนอื่นๆที่อยู่ในพรรคให้มีความชัดเจน แต่ส่วนตัวคิดว่านายอภิสิทธิ์มีความเหมาะสม และตอนนี้ในพรรคไม่มีอำนาจเก่า มีแต่อำนาจเริ่มต้นนับหนึ่งที่ทำให้พรรคไปสู่การได้รับการยอมรับจากประชาชน

เมื่อถามว่า นายจุรินทร์ ลักษณวิศิษฏ์ อดีตหัวหน้าพรรค จะต้องลาออกจากการเป็นส.ส.บัญชีรายชื่อหรือไม่ เพราะการเป็นส.ส.มากับการเป็นหัวหน้าพรรค นายสาธิต กล่าวว่า มันเป็นเรื่องส่วนตัว ตนตอบแทนไม่ได้

เมื่อถามว่า ขณะนี้มีกระแสเรียกร้องให้พรรคประชาธิปัตย์ เลือกนายพิธา ลิ้มเจริญรัตน์ หัวหน้าพรรคก้าวไกล เป็นนายกฯ เพื่อเป็นการปิดสวิตซ์ส.ว.ในการเลือกนายกฯ นายสาธิต กล่าวว่า เรื่องนี้เป็นแนวทางเชิงอุดมการณ์อย่างหนึ่งของการปิดสวิตซ์ ส.ว. ซึ่งเป็นเรื่องหนึ่งที่พรรคประชาธิปัตย์พูดมาตลอด

"แต่ส่วนผมเป็นส.ส.สอบตก น้ำหนักในการพูดก็น้อยลง แต่ด้วยอุดมการณ์ส่วนตัวคิดว่า พรรคประชาธิปัตย์น่าจะเดินไปในแนวทางที่ทำให้ประชาชนมีความเชื่อมั่น และเรื่องดังกล่าวคงมีการนำไปหารือกันในพรรค"

ขณะเดียวกัน น.ต.สุธรรม ระหงษ์ ผู้อำนวยการ พรรคประชาธิปัตย์ เปิดเผยว่า พรรคเตรียมจัดประชุมใหญ่วิสามัญเพื่อเลือกกรรมการบริหารพรรคชุดใหม่ หลังจากที่ นายจุรินทร์ ลักษณวิศิษฏ์ ลาออกจากตำแหน่งหัวหน้าพรรค ภายใน 60 วันนับตั้งแต่ 14  พฤษภาคม โดยกรรมการบริหารที่สิ้นสภาพต้องรักษาการต่อไป

อย่างไรก็ดีการกำหนดวันต้องรอให้ คณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) ประกาศรับรองผู้สมัคร ส.ส.ก่อน หาก กกต.ประกาศภายใน 1 เดือน สามารถเรียกประชุมได้ ขณะที่สัดส่วนการโหวตเลือกกรรมการบริหารพรรค จะใช้สัดส่วนของ ส.ส. และสมาชิกพรรค

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า สำหรับวาระการดำรงตำแหน่งของนายจุรินทร์ หมดวาระลงในวันที่ 15 พฤษภาคม  2566 ทั้งนี้ นายจุรินทร์ ชิงลาออก เมื่อ14 พฤษภาคม ในเวลา 23.48 น. ผ่านทางไลน์ของกลุ่มพรรคประชาธิปัตย์ เพื่อรับผิดชอบต่อผลการเลือกตั้งที่พลาดเป้า โดยถือว่าเป็นการลาออกก่อนอยู่ครบวาระหัวหน้าพรรคไม่กี่นาที