อัปเดต สูตรจัดตั้งรัฐบาลก้าวไกล 310 เสียง ท่าทีจาก 5 พรรคล่าสุด พร้อมเงื่อนไข

อัปเดต สูตรจัดตั้งรัฐบาลก้าวไกล 310 เสียง ท่าทีจาก 5 พรรคล่าสุด พร้อมเงื่อนไข

อัปเดต สูตรจัดตั้งรัฐบาลก้าวไกล 310 เสียง จากคะแนนเลือกตั้ง 66 ท่าทีจาก 5 พรรคล่าสุดประกอบด้วย พรรคเพื่อไทย พรรคประชาชาติ พรรคไทยสร้างไทย พรรคเสรีรวมไทย และพรรคเป็นธรรม

อัปเดต สูตรจัดตั้งรัฐบาล ล่าสุด รัฐบาลนำโดย พรรคก้าวไกล โดยคะแนนเลือกตั้ง 2566 (นับแล้ว 99%) จากเว็บไซต์ กกต. พรรคก้าวไกล นำมาเป็นอันดับ 1 ได้คะแนนบัญชีรายชื่อรวม 14,233,895 คะแนน โดยมี พรรคเพื่อไทย อันดับ 2 ได้ 10,865,836 คะแนน

สูตรจัดตั้งรัฐบาล ซึ่งพรรคร่วมโดยเฉพาะ พรรคเพื่อไทย ที่ได้อันดับ 2 ก็ได้แถลงยอมรับที่ พรรคก้าวไกล เสนอตัวเป็นแกนนำในการจัดตั้งรัฐบาลโดยยึดหลักประชาธิปไตย พรรคที่ได้คะแนนเป็นอันดับ 1 จะได้เป็นแกนนำในการจัดตั้งรัฐบาล และพรรคเพื่อไทยยืนยันว่า ไม่มีแนวความคิดที่จะจัดตั้งรัฐบาลแข่งกับพรรคก้าวไกล ซึ่ง 'สูตรจัดตั้งรัฐบาล' ณ ขณะนี้สามารถรวบรวมได้แล้วล่าสุด 310 เสียงจาก 6 พรรค ประกอบด้วย พรรคก้าวไกล พรรคเพื่อไทย พรรคประชาชาติ พรรคไทยสร้างไทย พรรคเสรีรวมไทย และพรรคเป็นธรรม โดยแบ่งที่นั่งรวมได้ดังนี้

1.พรรคก้าวไกล 152 ที่นั่ง

2.พรรคเพื่อไทย 141 ที่นั่ง 

3.พรรคประชาชาติ 9 ที่นั่ง 

4.พรรคไทยสร้างไทย 6 ที่นั่ง 

5.พรรคเสรีรวมไทย 1 ที่นั่ง 

6.พรรคเป็นธรรม 1 ที่นั่ง

นายพิธา ลิ้มเจริญรัตน์ หัวหน้าพรรคก้าวไกล ระบุว่า ได้โทรศัพท์ไปหาแกนนำ 5 พรรค คือ พรรคเพื่อไทย พรรคไทยสร้างไทย  พรรคประชาชาติ พรรคเสรีรวมไทย และพรรคเป็นธรรม โดยได้แสดงความยินดีที่มีความมุ่งมั่นหาเสียงพร้อมเชิญชวนร่วมจัดตั้งรัฐบาลพรรคก้าวไกล

ด้าน “ปิติพงศ์ เต็มเจริญ” หัวหน้าพรรคเป็นธรรม ทวิตข้อความผ่านทวิตเตอร์ ระบุว่า “ขอบคุณคุณพิธา ที่แสดงเจตจำนงเชิญ #พรรคเป็นธรรม ร่วมรัฐบาล พรรคเป็นธรรม มีความยินดีเป็นอย่างยิ่งที่จะร่วมจัดตั้งรัฐบาลแห่งความหวังกับพรรคก้าวไกล และยกมือสนับสนุนคุณพิธาเป็นนายกรัฐมนตรีคนต่อไป สร้างประเทศไทยที่เราฝันถึงร่วมกันไปด้วยกันครับ”

พรรคเสรีรวมไทย โดย เสรีพิศุทธ์ เตมียเวส ยอมรับผลการเลือกตั้ง และขอแสดงความยินดีกับพรรคฝ่ายประชาธิปไตย โดยหวังว่าพรรคเพื่อไทยและก้าวไกลจะจับมือกันตั้งรัฐบาล โดยไม่จำเป็นต้องจับมือกับพรรครัฐบาลเดิม

พรรคประชาชาติ ระบุ หากพรรคได้เข้าร่วมรัฐบาลกับพรรคก้าวไกลก็อยากจะช่วยแก้ปัญหาในพื้นที่ 3 จังหวัดชายแดนภาคใต้ เพราะ ส.ส.ทุกคนในพรรคมีความเข้าใจปัญหาในพื้นที่เป็นอย่างดี ดีกว่าเอาคนนอกมาแก้ปัญหาโดยไม่มีประสบการณ์อะไรเลย และควรให้โอกาสพรรคที่ได้เสียงข้างมากจัดตั้งรัฐบาล ไม่ควรมีฝ่ายเสียงข้างน้อยหรือพรรคการเมืองไหนแอบไปจัดตั้งรัฐบาล โดยอาศัยเสียง ส.ว.ในการช่วยโหวตนายกฯ ควรให้โอกาสผู้ที่ประชาชนทั้งประเทศไว้วางใจ นี่คือระบอบประชาธิปไตยที่เป็นของประชาชน

พรรคไทยสร้างไทย คุณหญิงสุดารัตน์ เกยุราพันธุ์ หัวหน้าพรรคไทยสร้างไทย ระบุว่า ขณะนี้ยังไม่ได้มีการพูดคุยใดๆกัน แต่โดยหลักการที่ได้ประกาศไว้ตั้งแต่ก่อนเลือกตั้งพรรคการเมืองที่ได้รับเสียงมากที่สุดควรได้สิทธิในการจัดตั้งรัฐบาลก่อน ส่วนการที่จะเข้าร่วมรัฐบาลกับพรรคก้าวไกลหรือไม่นั้น คงต้องดูหลักการทำงานก่อน เพราะโจทย์ใหญ่ของพรรคคือต้องการทำให้ประเทศเดินไปข้างหน้า

น.ต.ศิธา ทิวารี ก็ได้ทวิตฯข้อความ ระบุว่า "อยากเห็นการเมืองในอุดมคติ และเฝ้ารออยู่ทุกนาทีว่าพรรคประชาธิปัตย์, พรรคภูมิใจไทย และพรรคชาติไทยพัฒนา ใครจะเป็น #สุภาพบุรุษประชาธิปไตย ก่อนกันด้วยการออกมาประกาศปิดสวิตซ์ สว. ร่วมโหวตให้พรรคที่รวมกันได้เกิน 300 เสียง ได้มีเสียงครบ 376 ตามรัฐธรรมนูญ สามารถจัดตั้งรัฐบาลให้ประเทศไทยเดินหน้าได้ โดยไม่เอาการเข้าร่วมรัฐบาลมาเป็นเครื่องมือต่อรอง 

พรรคใดประกาศก่อน จะได้ใจประชาชน และสามารถกลับมายืนบนถนนการเมืองอย่างสง่าผ่าเผยได้อีกครั้ง 

 

ข่าวที่เกี่ยวข้อง

- "พิธา" ผนึก 6 พรรค "309 เสียง" ตั้งรัฐบาล พร้อมควบ รมว.กลาโหม ไม่กังวล ส.ว.

- รู้จัก “พรรคเป็นธรรม” มี 1 ส.ส. ทำไม “ก้าวไกล” ชวนร่วมตั้งรัฐบาล

- “เศรษฐา” เรียกร้องทุกพรรคแสดงสปิริต หนุนพรรคอันดับ 1 โหวต ”พิธา”นายกฯ

การจับขั้วจัดตั้งรัฐบาลจาก 6 พรรคการเมืองที่ล่าสุดมีทั้งหมด 310 เสียง ถือว่าให้เป็นรัฐบาลที่แข็งแกร่งด้วยจำนวนเสียงเกินกึ่งหนึ่งของสถา หรือ 250 เสียง อย่างไรก็ตามกติกาที่ว่า นายกรัฐมนตรีคนที่ 30 ของประเทศไทยต้องได้เสียง 376 เสียงขึ้นไป ซึ่งจะอยู่ที่การฝ่าด่าน ส.ว.ที่มี 250 เสียง ซึ่งต้องติดตามกันว่าจะยังไงต่อไป จะมี ส.ว. 66 จาก 250 เสียง ยกมือสนับสนุนให้ นายพิธา ลิ้มเจริญรัตน์ หัวหน้าพรรคก้าวไกล ได้เป็นนายกรัฐมนตรีคนที่ 30 ของประเทศไทยหรือไม่ 

หรือจะพรรคการเมืองอื่นๆที่จะแสดงสปิริตในการหนุนพรรคที่ได้คะแนนเสียงจากประชาชนเป็นอันดับ 1 ให้ได้เป็นนายกรัฐมนตรีคนที่ 30 ตามกติการะบอบประชาธิปไตยอย่างแท้จริง ไม่ต้องรอให้ ส.ว. 250 คนออกเสียง

ซึ่งนายเศรษฐา ทวีสิน แคนดิเดตนายกรัฐมนตรีพรรคเพื่อไทยก็ได้มีการทวีตฯ ข้อความเรียกร้องให้พรรคการเมืองพรรคอื่นๆที่เคยแสดงจุดยืนไม่สนับสนุน รธน. ปี 60 ที่ให้อำนาจ ส.ว.ในการโหวตเลือกนายก ได้แสดงสปิริตและทำหน้าที่ของพรรคและนักการเมืองได้อย่างมีความสง่า มีความภาคภูมิ และพูดได้เต็มปากว่า Represent ประชาธิปไตยได้อย่างเต็มตัว ทำให้ประเทศได้ผู้นำที่พร้อมจะนำพาประเทศพัฒนาไปข้างหน้าได้อย่างรวดเร็ว สร้างความสุขและการเปลี่ยนแปลงให้กับประชาชนทุกคน

ขณะที่ องค์การนักศึกษามหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ ออกแถลงการณ์ร่วมขององค์การนักศึกษามหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ ร่วมกับสภานักศึกษามหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ และคณะกรรมการนักศึกษา 24 คณะ/หลักสูตร โดยระบุว่า ขอให้ทุกพรรคการเมือง และวุฒิสภาทั้ง 250 คน เคารพเจตนารมณ์ของประชาชน และปฏิบัติตามที่ได้ให้คำมั่นสัญญาไว้กับประชาชน เราหวังว่าจะได้เห็นรัฐบาลใหม่ที่สง่างาม มีที่มาอย่างถูกต้อง"

สำหรับเนื้อหาในแถลงการณ์ร่วมฉบับดังกล่าว ระบุว่า "การเลือกตั้งสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรไทยเป็นการทั่วไป พ.ศ. 2566 นับเป็นการเลือกตั้งครั้งที่ 2 ภายใต้การบังคับใช้รัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทยปีพุทธศักราช 2560 และเป็นการเลือกตั้งครั้งที่ 2 ภายหลังการรัฐประหารในประเทศไทยเมื่อปี พ.ศ. 2557 ผ่านพ้นมาแล้วเป็นเวลาเกือบทศวรรษ

แต่ประเทศไทยยังคงมีมรดกของการก่ออาชญากรรมรัฐประหาร หลงเหลืออยู่กับระบอบประชาธิปไตย ทั้งการมีอยู่ของสมาชิกวุฒิสภา (ส.ว.) จำนวน 250 คน และการควบคุม แทรกแซงองค์กรอิสระ รวมไปถึงการละเมิดสิทธิมนุษยชน ทั้งหมดนี้ยังคงสร้างปัญหาให้การเมืองไทยในรอบหลายปีที่ผ่านมา ที่ทำให้ประเทศไทยเต็มไปด้วยความวุ่นวาย และไม่สามารถทำให้ประชาชนมองเห็นความหวังที่จะใช้ชีวิตต่อไปในประเทศแห่งนี้

การเลือกตั้งจึงนับว่าเป็นเครื่องมือแห่งความหวังเพียงอย่างเดียวในเวลานี้ที่ทุกคนต่างก็ให้การยอมรับ แม้ระหว่างทางจะเต็มไปด้วยอุปสรรคมากมาย โดยเฉพาะการทำงานที่ไม่เป็นมืออาชีพของคณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) แต่เราต่างก็เข้าคูหากันด้วยความหวังที่ว่า เสียงของเราจะสามารถเปลี่ยนแปลงประเทศนี้ได้ 

สุดท้ายนี้ เมื่อการเลือกตั้งได้สิ้นสุดลงแล้ว พวกเราหวังว่านักการเมือง และพรรคการเมืองจะปฏิบัติตนตามที่ได้ให้คำมั่นสัญญาไว้กับประชาชน โดยเฉพาะอย่างยิ่งการจัดตั้งรัฐบาลที่จะเกิดขึ้นหลังจากนี้ ขอให้ท่านยึดมั่นเจตนารมณ์ ฟังเสียงส่วนใหญ่ของประชาชนตามวิถีทางในระบอบประชาธิปไตย 

พวกเราหวังเป็นอย่างยิ่งว่าจะเห็นสมาชิกวุฒิสภาที่เคารพมติของประชาชน และเชื่อเช่นกันว่าจะได้เห็นรัฐบาลชุดใหม่ที่สง่างาม มีที่มาอย่างถูกต้อง ไม่ฝืนธรรมชาติหรือใช้กลไกพิสดารเพียงเพื่อให้ตนเองได้ดำรงตำแหน่งต่อไป
เรื่องราวเหล่านี้ควรยุติลง และเริ่มกระบวนการฟื้นฟูระบอบประชาธิปไตยให้อำนาจหวนคืนสู่ประชาชนอย่างแท้จริง"

 

อัปเดต สูตรจัดตั้งรัฐบาลก้าวไกล 310 เสียง ท่าทีจาก 5 พรรคล่าสุด พร้อมเงื่อนไข

 

อัปเดต สูตรจัดตั้งรัฐบาลก้าวไกล 310 เสียง ท่าทีจาก 5 พรรคล่าสุด พร้อมเงื่อนไข

 

ด้านสื่อมวลชนที่เข้าร่วมเป็นพันธมิตรในการเปิดโหวตครั้งนี้คือ Nation , THE STANDARD, ไทยรัฐทีวี, PPTV, Workpoint, The Momentum, The MATTER, The Reporters, ทีมข่าวช่อง one และมติชน

การเปิดโหวตของเครือข่ายนักวิชาการฯ และสื่อ เพื่อให้ ส.ว. ฟังเสียงประชาชน จะเริ่มตั้งแต่วันที่ 15 พฤษภาคม ถึงเวลา 12.00 น. ของวันที่ 18 พฤษภาคม โดยใช้เวลา 3 วัน ผ่านช่องทาง QR Code และ https://peoplevoiceth.survey.fm/เสียงประชาชน-3

โดยจะประกาศผลเวลา 13.30 น. ของวันที่ 18 พฤษภาคม 2566 ว่าประชาชนมีความต้องการให้เจตจำนงของตนเองเป็นไปในทิศทางใดต่อไป

 

อัปเดต สูตรจัดตั้งรัฐบาลก้าวไกล 310 เสียง ท่าทีจาก 5 พรรคล่าสุด พร้อมเงื่อนไข