ปฏิวัติติดลบ "ผบ.ทบ." เอาออกจากพจนานุกรมกองทัพ ไม่หวั่น ก้าวไกล เป็นรัฐบาล

ปฏิวัติติดลบ "ผบ.ทบ." เอาออกจากพจนานุกรมกองทัพ  ไม่หวั่น ก้าวไกล เป็นรัฐบาล

ผบ.ทบ. ลบ ปฏิวัติ ออกจากพจนานุกรมกองทัพ ย้ำ หลังเลือกตั้ง เป็นศูนย์ ไม่หวั่น ก้าวไกล เป็นรัฐบาล เพราะเป็นเรื่องการเมืองจับขั้ว พร้อมดึงสติประชาชน บ้านเมืองต้องการความสงบ หากวุ่นวายจะเดือดร้อน

พลเอกณรงค์พันธ์ จิตแก้วแท้ ผู้บัญชาการทหารบก (ผบ.ทบ.)ให้สัมภาษณ์  เชิญชวนให้กำลังพลไปใช้สิทธิ์เลือกตั้งในวันที่ 14 พ.คนี้ เพราะเป็นหน้าที่ ในการสนับสนุนการปกครองในระบอบประชาธิปไตยอันมีพระมหากษัตริย์เป็นประมุข กองทัพบกโดยผู้บังคับบัญชาทุกระดับชั้นได้เน้นย้ำมาตลอด นอกจากนี้ยังใช้สื่อของกองทัพบกในทุกช่องทาง เพื่อสื่อสารกับกำลังพลและครอบครัวให้ออกไปใช้สิทธิ์ เพราะหน้าที่ของพลเมืองที่ดีคือการไปเลือกตั้ง ไปใช้สิทธิ์ของตัวเองให้ดีที่สุด

เมื่อถามว่าอยากเตือนกำลังพลถึงแนวทางปฏิบัติการไปใช้สิทธิ์เลือกตั้งหรือไม่ พลเอกณรงค์พันธ์ กล่าวว่า เรื่องแนวทางการปฏิบัติแล้ว ก็ให้ระมัดระวังอย่าทำผิดกฎหมายไม่ว่าจะในด้านใด ซึ่งในวัน 12 พ.ค. ถือเป็นวันราชการวันสุดท้ายก่อนเลือกตั้ง ก็จะเน้นย้ำกันอีกครั้งโดยเฉพาะข้อกฎหมายเช่นกัน เช่นการสวมเสื้อมีชื่อพรรคการเมือง เข้าไปในพื้นที่หน่วยเลือกตั้ง รวมถึงหลังเวลา 18.00 น.ของวันที่ 13 พ.ค.งดการหาเสียง

เมื่อถามว่าการเลือกตั้งครั้งนี้ทหารตกเป็นเป้าเป็นการยกเลิกเกณฑ์ทหารและมองว่าทหารไม่จำเป็น มีความรู้สึกอย่างไรบ้าง พลเอกณรงค์พันธ์ กล่าวว่า ไม่เป็นไร เป็นเรื่องของฝ่ายบริหาร ใครจะเข้ามาเขาก็มีสิทธิ์ที่จะทำตามนโยบายของเขา ในส่วนของเราที่เป็นทหาร ก็มีสิทธิ์ทำข้อมูลชี้แจง ถึงความจำเป็นในการมีทหาร หรือจำเป็นในการเกณฑ์ทหาร 

" เป็นเรื่องที่นายทหารจะต้องพูดคุยกัน ซึ่งมีทั้งเรื่องที่คนเห็นด้วยและไม่เห็นด้วยคือเป็นเรื่องปกติและเป็นสิทธิ ที่ทุกคนจะมีแนวคิดหรือมุมมองด้านใดก็ได้"

ถามว่ามีความเป็นห่วงสถานการณ์หลังเลือกตั้ง เพราะมองว่าจะมีความวุ่นวายจะเดือดร้อนทหารอีก หรือไม่ พลเอกณรงค์พันธ์ กล่าวว่า
 " ผมไม่ห่วง เพราะเชื่อว่าเรามีบทเรียนมามากแล้วในอดีต เพราะฉะนั้นทุกคนมาถึงจุดนี้ การเมืองในระบอบประชาธิปไตย ก็ต้องเดินไป แต่ทุกคนก็ต้องมีสติ ว่าอะไรควร ไม่ควร สำหรับบ้านเมืองเราและบ้านเมืองต้องการอะไร ซึ่งต้องการความสงบเรียบร้อย บ้านเมืองจะได้เจริญเศรษฐกิจจะได้ดี แต่ถ้าเราคิดจะขัดแย้ง ก่อความวุ่นวาย บ้านเมืองและคนส่วนใหญ่ก็จะได้รับความเดือดร้อน จึงเป็นเรื่องที่ทุกคนต้องร่วมมือกันไม่ใช่ฝ่ายใดฝ่ายหนึ่งที่จะต้องกังวล แต่ทุกคนควรมีสติ"

เมื่อถามว่า การเปลี่ยนแปลงและการคงไว้ของเดิมอันไหนดีกว่ากัน พลเอกณรงค์พันธ์ กล่าวว่า เรื่องคงเดิมหรือเปลี่ยนใหม่ เป็นเรื่องของวันเวลา ที่เปลี่ยนใหม่ แต่การเปลี่ยนแปลง  ต้องดูว่าเปลี่ยนแปลงในทางที่ดีขึ้นหรือไม่ดี ซึ่งมี 2 ทาง เพราะฉะนั้นทุกคน ถ้ามีสติ และมีข้อมูลอย่างรอบด้าน จะพิจารณาได้ว่า ทุกอย่างมีการเปลี่ยนแปลงอยู่แล้ว ตามกาลเวลาและสถานการณ์โลกใบนี้ เช่นเดียวกับชีวิตพวกเราก็เปลี่ยนแปลงไปตามกาลเวลา ดังนั้นความเปลี่ยนแปลงมีอยู่แล้ว เพียงแต่ให้เปลี่ยนแปลงไปในทางที่ดีขึ้น อย่าเปลี่ยนแปลงไปในทางที่ไม่ดี

เมื่อถามว่า 5 เดือนที่เหลือในตำแหน่ง ผบ. ทบ. ยืนยันได้หรือไม่ว่าสถานการณ์จะเรียบร้อยไม่มีทหารออกไปทำอะไรให้ประชาชนหวาดวิตก พลเอกณรงค์พันธ์ กล่าวว่า 
" ผมยืนยันไม่ได้ หมายถึงว่า ในส่วนของบ้านเมืองจะเรียบร้อยหรือไม่ ทุกฝ่ายต้องร่วมมือกัน แต่ในสิ่งที่ผมยืนยันได้ในเรื่องของสิ่งที่เกิดขึ้นในอดีต ผมบอกแล้วว่ามันติดลบ ติดศูนย์ ผมยืนยันเรื่องนั้นแน่นอน"

เมื่อถามย้ำว่า ไม่มีการปฏิวัติหลังการเลือกตั้งใช่หรือไม่ พลเอกณรงค์พันธ์ กล่าวว่า คำพวกนี้บอกนักข่าวไปหลายครั้งแล้วว่าไม่ควรพูดไม่ควรถาม และไม่ควรเขียน เพราะจะเป็นการปลุกความคิดที่ขัดแย้งต่อเนื่อง ซึ่งมันควรจะไม่มีแล้ว เพราะคำพวกนี้ มันควรไม่มีแล้ว คำพวกนี้ที่คิดว่าไม่ดีไม่เหมาะสม กลับประเทศ ตนจึงขอร้อง ผู้สื่อข่าว ควรลบออกไปจากพจนานุกรมของผู้สื่อข่าว

เมื่อถามย้ำว่า ต้องลบออกจากพจนานุกรมของกองทัพด้วยหรือไม่ พลเอกณรงค์พันธ์ พยักหน้า พร้อมกล่าวว่า ลบแน่นอนสำหรับผม

เมื่อถามว่า ไม่ควรจะมี แต่ใช่ว่าจะไม่มีใช่หรือไม่ พลเอกณรงค์พันธ์ กล่าวตอบว่าก็ยังคงถามอยู่ ก็คือสิ่งที่เราสื่อสารกัน ตนก็เข้าใจนักข่าวพี่ต้องถามเรื่องพวกนี้ตนจึงบอกว่าให้เห็นแก่ชาติบ้านเมือง ไม่ควรมีคำพวกนี้

เมื่อถามว่ามีคนไปปลุกกระแส หากมีคนไปเลือกพรรคโน้นแล้วทหารจะออกมา พลเอกณรงค์พันธ์กล่าวว่าไม่รู้

ถามว่าหากพรรคก้าวไกลได้เป็นรัฐบาล พลเอกณรงค์พันธ์ กล่าวว่าก็เป็นเรื่องของสถานการณ์ในอนาคต ไม่มีใครตอบได้ จนกว่าจะถึงวันที่ 14 พฤษภาคม หรืออะไรก็ว่ากันไป ซึ่งถือเป็นเรื่องของนักการเมืองที่จะไปจับขั้วกันเองว่าจะจัดตั้งรัฐบาลอย่างไรทหารเป็นเพียงข้าราชการประจำ ไม่ใช่ข้าราชการการเมือง