"กนก" แนะทางออกการศึกษา 3จว.ชายแดนใต้ "โรงเรียน-รัฐ" เป็นหุ้นส่วนการศึกษา

"กนก" แนะทางออกการศึกษา 3จว.ชายแดนใต้  "โรงเรียน-รัฐ" เป็นหุ้นส่วนการศึกษา

"กนก" แนะทางออกการศึกษา 3 จังหวัดชายแดนใต้ ย้ำโรงเรียน-รัฐ ต้องเป็นหุ้นส่วนการศึกษา ดึงศักยภาพนักเรียน-ปรับคุณภาพครู ชู "วราวุธ" เหมาะสมที่สุดยามนี้ แนะ ศธ. ปรับหลักสูตรสอดรับกับพื้นที่ ระบุตัวชี้วัดนโนบายการศึกษาที่ดีคือ เรียนจบแล้วต้องมีงานทำ รายได้มั่นคง

นายกนก วงษ์ตระหง่าน รองหัวหน้าพรรคชาติไทยพัฒนา ผู้สมัครส.ส.บัญชีรายชื่อ กล่าวถึงแนวคิดการจัดการศึกษาใน 3 จังหวัดชายแดนภาคใต้ ว่าสิ่งแรกที่เราต้องทำคือดึงศักยภาพของนักเรียนออกมาให้สำเร็จ ให้กล้าแสดงออก ซึ่งถือเป็นเรื่องใหญ่มาก ดังนั้น กระบวนการเรียนรู้ในโรงเรียน ไม่ว่าจะเป็นโรงเรียนอะไรก็ตาม จะต้องเน้นปฏิสัมพันธ์ระหว่างครูกับนักเรียน การโต้ตอบ การตั้งคำถาม และที่สำคัญ ครูจะต้องไม่ตัดสินว่าผิดหรือถูก ครูต้องบอกว่าคำตอบของนักเรียนน่าสนใจ แล้วมีใครคิดอะไรได้อีกบ้าง ทุกคนรู้ว่าเขาสามารถที่จะคิดแตกต่างได้

ผมว่าอันนี้เป็นเรื่องที่หนึ่งที่ผมคิดว่าสำคัญ และเรื่องต่อมาคือการหางานหลังเรียนจบ ตนคิดว่านักเรียนจาก 3 จังหวัดชายแดนใต้ ที่ไปเรียนมหาวิทยาลัยที่ดีในกรุงเทพฯ เราต้องคิดว่าจะมาสร้างงานใน 3 จังหวัดชายแดนใต้อย่างไร หรืออยากจะทำงานในกรุงเทพก็ไม่เป็นไร แต่จิตใจที่อยากทำงานให้บ้านเกิดต้องไม่ลืม

นายกนกกล่าวว่า วันนี้ประเทศไทยอยู่โดดเดี่ยวไม่ได้ การเชื่อมต่อกับนานาชาติเป็นสิ่งที่สำคัญมาก ดังนั้น สิ่งที่จำเป็นต้องมีคือ 'ภาวะผู้นำ' ตนพูดตามตรงว่า หากเอาหัวหน้าพรรคการเมืองทุกพรรคมาเรียงดู แล้วถามว่าใครบ้างที่ทำงานกับประชาชน และพาประชาชนเหล่านี้ไปยังโลกภายนอก ยืนอยู่บนเวทีโลกได้สง่างาม

"เราเห็นไม่กี่คน หนึ่งในนั้นคือนายวราวุธ ศิลปอาชา (หัวหน้าพรรคชาติไทยพัฒนา) หากเราจะออกสู่เวทีโลก คนของเราจะต้องมีหลักการมากพอ กล้าที่จะยืนยัน กล้าที่จะต่อสู้ ขณะเดียวกันตอนอยู่กับประชาชนต้องอ่อนน้อมถ่อมตน นั่งลงกับพื้น รับฟัง เปิดใจ ยอมรับผิดได้ว่าตรงนี้ผมไม่เข้าใจ ขอความรู้ใหม่ได้หรือไม่ ทัศนคติแบบนี้คือภาวะผู้นำที่เราต้องการที่จะเกิดขึ้นในบ้านเมืองของเรา หากนายกรัฐมนตรีของเราเป็นแบบนี้ ผมเชื่อว่าครูของเราก็จะเป็นแบบนี้ นักเรียนของเราก็จะเป็นแบบนี้"

นายกนกกล่าวว่า ตัวชี้วัดนโนบายการศึกษาที่ดีคือ เรียนจบแล้วต้องมีอาชีพ มีงานทำ มีรายได้ มีความมั่นคง และมีความสุข นอกจากนี้ยังต้องมีศีลธรรมและรักษาความเป็นมุสลิมที่ดีให้ได้ พรรคชาติไทยพัฒนา มองว่าการปฎิบัติเป็นเรื่องสำคัญมาก

สิ่งที่ต้องแก้ไขคือหลักสูตรและวิธีการประเมินผล สำนักงานคณะกรรมการการศึกษาขั้นพื้นฐาน (สพฐ.) สำนักบริหารการอาชีวศึกษาเอกชน (สอช.) ไม่ได้คำนึงถึงการปรับหลักสูตรการเรียนการสอนให้สอดคล้องกับพื้นที่ จึงเป็นจุดที่พรรคชาติไทยพัฒนาจะแก้ไขให้หลักสูตรมีความยืดหยุ่นมากขึ้น การวัดผลจะต้องสอดคล้องกับเป้าหมายในการเรียนรู้ระหว่างครูกับนักเรียน

นอกจากนี้ยังต้องมีการปรับเรื่องคุณภาพครู ขณะนี้ครูแต่ละโรงเรียนมีปัญหามาก ทั้งจำนวนไม่เพียงพอ วุฒิการศึกษาไม่ตรง เงินเดือนน้อย สิ่งเหล่านี้เป็นเรื่องที่พรรคชาติไทยพัฒนาจะแก้ไข โดยมองว่าโรงเรียนและรัฐเป็นหุ้นส่วนทางการศึกษาที่ต้องร่วมมือช่วยเหลือกัน รับผิดชอบต่อกันและกัน

"นักเรียนทั้ง 600,000 คนที่อยู่ใน 3 จังหวัดชายแดนภาคใต้ เรามีเป้าหมายคือต้องทำให้พวกเขาประสบความสำเร็จ คือมีอาชีพ มีงานทำ เป็นคนดี และรักษาอัตลักษณ์ของตนเองไว้ได้ รักษาความเชื่อความศรัทธาของตนเองที่ถูกต้องไว้ได้ นี่คือหุ้นส่วนที่ต้องร่วมมือกัน เป็นเรื่องที่สำคัญมากในการบริหารและปฏิบัติเชิงนโยบาย" ศาสตราจารย์ ดร. กนก กล่าว

นายกนก ย้ำว่า การพัฒนาครูเป็นหน้าที่ของรัฐ แล้วถ้าเกิดผลสำเร็จขึ้นกับนักเรียน ที่สำคัญ สอช. ต้องคลายกฎระเบียบของตัวเองออกไป ไม่ใช่เอากฎระเบียบที่ใช้ในกรุงเทพฯ ที่ใช้บนเขาของชนเผ่า เอามาใช้กับพื้นที่ 3 จังหวัดชายแดนใต้ ซึ่งเป็นคนละประเด็น

นายกนก ยังกล่าวกับนักเรียนมุสลิมว่าแม้ตนจะเป็นชาวพุทธ แต่มาทำงานในพื้นที่ 3 จังหวัดชายแดนใต้ได้ 10 กว่าปีในด้านการศึกษา มองว่าพี่น้องชาวมุสลิมต้องการสร้างให้ลูกหลานเป็นชาวมุสลิมที่ดี ตนหวังว่าในพื้นที่จะมีโรงเรียนมุสลิมที่ดีควบคู่ไปกับการเรียนการสอนวิชาสามัญที่ดีด้วย ซึ่งในปัจจุบันไม่มีโรงเรียนแบบนี้หรือมีน้อย

"ภาพที่ผมมองเห็นถ้ามองลึกลงไปจะเห็นความยากจนเยอะมาก และถ้ามองลึกลงไปอีก โอกาสทางการศึกษาของทุกหลานของเรายังมีน้อยมาก 2 เรื่องนี้ เป็นเรื่องใหญ่มากที่ทำให้พี่น้องชาวมุสลิมไม่เติบโตและแข่งขันได้ พวกเราจึงจำเป็นต้องเร่งในการยกระดับคุณภาพการศึกษา และขณะเดียวกันก็ต้องรักษาความเป็นมุสลิมที่ดีไว้ด้วย" นายกนกกล่าว