‘เศรษฐา’ปล่อยคลิปแจงกระเป๋าดิจิทัล1หมื่นบาทปั๊มหัวใจเศรษฐกิจไทย

‘เศรษฐา’ปล่อยคลิปแจงกระเป๋าดิจิทัล1หมื่นบาทปั๊มหัวใจเศรษฐกิจไทย

‘เศรษฐา’ปล่อยคลิปแจงกระเป๋าดิจิทัล1หมื่นบาท ปั๊มหัวใจเศรษฐกิจไทยให้พลิกฟื้นกลับมายิ่งใหญ่ มั่นใจสร้างงาน สร้างโอกาส สร้างรายได้

นายเศรษฐา ทวีสิน แคนดิเดตนายกรัฐมนตรี b และประธานที่ปรึกษาหัวหน้าครอบครัวเพื่อไทย โพสต์วิดีโอผ่านโซเชียลมีเดีย โดยพูดถึงนโยบายเงินดิจิทัล 10,000 บาท เปรียบเทียบให้เห็นเศรษฐกิจไทยที่กำลังวิกฤต  ไม่ต่างจากคนไข้ที่เข้าขั้นโคม่า ถ้าเราต้องการกระตุ้นเศรษฐกิจอย่างทั่วถึงและยั่งยืน จำเป็นต้องอัดฉีดเงินจำนวนมากเพียงพอให้เข้าไปหมุนเวียนในระบบอย่างครบวงจร ตั้งแต่ต้นทางจนถึงปลายทางของห่วงโซ่เศรษฐกิจ 

“ซึ่งทางเลือกหนึ่งที่น่าสนใจของการส่งผ่านมูลค่าเงินเพื่อกระตุ้นเศรษฐกิจ สามารถทำได้ผ่านกระเป๋าเงินดิจิตอล เพราะสามารถตั้งโปรแกรมกำหนดพื้นที่ใช้จ่าย และระยะการใช้ที่เหมาะสม เพื่อกระตุ้นเศรษฐกิจระดับชุมชน และสามารถหมุนเวียนกระจายความเจริญออกไปทุกหัวระแหงของประเทศไทย” 
 

ทั้งนี้ คนไทยที่มีอายุ 16 ปีขึ้นไป ก็สามารถรับสิทธิ์ในการใช้เงินดิจิตอล 10,000 บาทได้ทันที โดยมีเงื่อนไขดังนี้ 1. ต้องเปิดกระเป๋าเงินดิจิทัล เพื่อได้สิทธิในการใช้เงินดังกล่าว 2. ใช้ซื้อของที่จำเป็นเท่านั้น เช่น อาหาร ของใช้ประจำวันหรือวัตถุดิบอุปกรณ์ประกอบสัมมาชีพ 3. ใช้ได้กับร้านค้าที่อยู่ในระยะ 4 กิโลเมตรตามที่อยู่บัตรประชาชน 4. เงินดิจิทัลนี้มีอายุจำกัดต้องใช้ภายใน 6 เดือน

โดยที่ผ่านมา การได้เงินสนับสนุนในรูปแบบเดิมนั้น เงินที่ได้เป็นเงินที่ไม่มีวันหมดอายุ ทำให้หลายคนไม่ยอมนำมาใช้ แล้วนำไปเก็บเป็นเงินออม ทำให้เป็นเงินเหล่านั้นไม่ถูกกระจายออกไป จึงไม่เป็นการกระตุ้นเศรษฐกิจที่ตรงจุด แต่การกระตุ้นเศรษฐกิจผ่านกระเป๋าเงินดิจิทัลจะเป็นการกระตุ้นตั้งแต่ฐานราก โดยเริ่มต้นจากคนในชุมชนให้จับจ่ายของกินของใช้ในชีวิตประจำวัน หรือซื้ออุปกรณ์สำหรับการประกอบอาชีพจากร้านค้าในชุมชน เมื่อยอดสั่งซื้อมากขึ้น ร้านค้าก็ต้องสั่งของจากโรงงานเพิ่ม และแน่นอนว่าโรงงานก็ต้องสั่งวัตถุดิบจากแหล่งผลิตมากขึ้นเช่นกัน เกิดการผลิตและการจ้างงานหมุนเวียนในระบบเศรษฐกิจ

นอกจากนี้ เงินดิจิทัลจะไม่ถูกใช้เฉพาะในเมืองใหญ่อย่างเดียว แต่จะเป็นการกระตุ้นในระดับชุมชนก่อนที่จะกระจายออกไปทั่วประเทศ เกิดการหมุนเวียนของเงินอย่างเหมาะสมและมีประสิทธิภาพมากกว่า เมื่อเศรษฐกิจดีขึ้น ประชาชนก็จะมีงานทมีรายได้ และรัฐก็สามารถเรียกเก็บ VAT และภาษีเงินได้จากเม็ดเงินที่กระตุ้นกลับมา พร้อมทำการปั๊มหัวใจเศรษฐกิจที่กำลังจะหยุดทำงานให้กลับมาเต้นได้เหมือนเดิม เพื่อให้พี่น้องคนไทยกลับมายิ้มและอยู่ดีกินดีอย่างยั่งยืน