ทร. เปิดอาคารพักอาศัยส่วนกลางกองทัพเรือให้ 5 พรรคการเมืองหาเสียง 7 พ.ค.นี้

ทร. เปิดอาคารพักอาศัยส่วนกลางกองทัพเรือให้ 5 พรรคการเมืองหาเสียง 7 พ.ค.นี้

ทร. เปิดอาคารพักอาศัยส่วนกลางกองทัพเรือ เขตบางนา ให้ 5 พรรคการเมืองหาเสียง พร้อมเชิญชวนกำลังพล-ประชาชนฟังการปราศรัย

6 พฤษภาคม 2566 พลเรือเอก ปกครอง  มนธาตุผลิน โฆษกกองทัพเรือ  เปิดเผยว่า  ในช่วงเย็นวันพรุ่งนี้ (7 พฤษภาคม 2566)  กองทัพเรือได้เปิดพื้นที่ อาคารพักอาศัยส่วนกลางกองทัพเรือ เขตบางนา ให้พรรคการเมืองต่างๆจัดกิจกรรมปราศรัยรวม  บริเวณลานกีฬาระหว่างเวลา 16.00-18.30 น. โดยพรรคการเมืองต่างๆที่ได้แจ้งความประสงค์จะเข้ามาปราศรัยประกอบด้วย พรรคภูมิใจไทย พรรคเพื่อไทย  พรรครวมไทยสร้างชาติ พรรคไทยสร้างไทย และพรรคประชาธิปัตย์ โดยได้จัดให้มีลำดับการปราศรัย ดังนี้

กองทัพเรือ เปิดอาคารพักอาศัยส่วนกลางบางนา ให้พรรคการเมืองจัดปราศรัยรวม

เวลา  16.00-16.30 น. พรรคภูมิใจไทย

เวลา 16.30-17.00 น.  พรรคเพื่อไทย

เวลา 17.00-17.30 น.  พรรครวมไทยสร้างชาติ 

เวลา 17.30-18.00 น.  พรรคไทยสร้างไทย

เวลา 18.00-18.30 น. พรรคประชาธิปัตย์

โฆษกกองทัพเรือ กล่าวว่า  กองทัพเรือ มีนโยบายที่ชัดเจนในการสนับสนุนการเลือกตั้งที่จะเกิดขึัน   โดยการจัดให้มีการปราศรัยในวันนี้ ได้มีการเชิญกกต.ประจำพื้นที่เข้าร่วมสังเกตการณ์  ซึ่งการสนับสนุนพื้นที่หน่วยในการปราศรัยหาเสียง รวมถึงการปิดประกาศของผู้สมัคร  จะคำนึงถึงความโปร่งใส เท่าเทียม และเป็นกลาง และขอเชิญชวนกำลังพลกองทัพเรือตลอดจนพี่น้องประชาชนที่อาศัยอยู่ในบริเวณใกล้เคียง เข้าร่วมฟังการปราศรัยดังกล่าว

 โฆษกกองทัพเรือ กล่าวต่อไปว่า   สำหรับการเลือกตั้งที่จะเกิดขึ้นในครั้งนี้ พลเรือเอก เชิงชาย  ชมเชิงแพทย์  ผู้บัญชาการทหารเรือ ได้เน้นย้ำกำลังพลให้วางตัวเป็นกลางทางการเมือง  พร้อมทั้งเปิดกว้างให้ทุกคนมีสิทธิในการตัดสินใจของตัวเอง  และหากพบว่ากำลังพลนายใดเข้าไปมีส่วนเกี่ยวข้องกับกระบวนการเลือกตั้ง หรือการดำเนินการในส่วนบุคคลที่ทำให้การเลือกตั้งไม่เป็นไปตามความยุติธรรม   หากพบว่าผิดจากระเบียบของกองทัพก็จะมีโทษทางวินัยของกองทัพนอกเหนือจากโทษทางกฎหมายที่จะได้รับตามไปด้วย  ทั้งนี้ กองทัพเรือดำรงความเป็นกลางการเมือง ยึดหลักสามัคคี ไม่ขัดแย้ง เป็นทหารอาชีพ พร้อมทำงานและสนับสนุนรัฐบาลที่มาจากการเลือกตั้งของประชาชน เพื่อดำรงไว้ซึ่งการปกครองระบอบประชาธิปไตยอันมีพระมหากษัตริย์เป็นประมุข