สุวัจน์ นำชาติพัฒนากล้าปราศรัยใหญ่ ชูนโยบายโคราชโนมิกซ์

สุวัจน์ นำชาติพัฒนากล้าปราศรัยใหญ่ ชูนโยบายโคราชโนมิกซ์

สุวัจน์ ลิปตพัลลภ นำพรรคชาติพัฒนากล้า ปราศรัยใหญ่นครราชสีมา ชูนโยบาย โคราชโนมิกซ์ งานดี มีเงิน ของไม่แพง เพื่อให้ประชาชนพิจารณาก่อนตัดสินใจเลือกลงคะแนนเลือกตั้ง 14พ.ค.66

นายสุวัจน์ ลิปตพัลลภ ประธานพรรคชาติพัฒนากล้า และนายเทวัญ ลิปตพัลลภ เลขาธิการพรรคชาติพัฒนากล้า ผู้สมัคร ส.ส. เขต 1 พร้อมด้วยผู้บริหารพรรคชาติพัฒนากล้า และ ผู้สมัคร ส.ส.จังหวัดนครราชสีมา ทั้ง 16 เขต ขึ้นเวทีปราศรัยใหญ่ ที่สนามหน้าศาลากลางจังหวัดนครราชสีมา 

นายสุวัจน์ กล่าวว่าการปราศรัยใหญ่ที่สนามหน้าศาลากลางจังหวัดนครราชสีมา เพื่อนำเสนอนโยบายทุกด้านให้ประชาชนพิจารณาอย่างละเอียดเพื่อให้ชาวโคราชจะนำไปตัดสินใจในการเลือกส.ส.ในวันที่ 14 พฤษภาคม 2566 นี้

ทั้งนี้พรรคชาติพัฒนากล้าจัดให้มีการถ่ายทอดสดการปราศรัยผ่านทางเฟซบุ๊กด้วย

นายสุวัจน์ นำเสนอนโยบายของพรรคชาติพัฒนากล้า”งานดี มีเงิน ของไม่แพง” โดยเฉพาะของจังหวัดนครราชสีมา มีนโยบาย”โคราชโนมิกส์”ซึ่งเป็นนโยบายเฉพาะในการพัฒนาโคราชและภาคอีสาน เอาเศรษฐกิจยุคทองกลับมา ประกอบด้วยนโยบาย 5 ด้าน คือ 

1.นโยบายการสร้างภาคอีสานให้เป็นระเบียงเศรษฐกิจใหม่ของโคราช

 2.นโยบายการสร้างระบบคมนาคมที่เข้มแข็งและทันสมัย

3.นโยบายการสร้างให้โคราชอีสานเป็นดินแดนแห่งเมืองท่องเที่ยวที่เป็นอินเตอร์

4.นโยบายโคราชอีสานเป็นเมืองผลิตอาหารให้กับโลก

5.นโยบายการแก้ไขปัญหาที่พี่น้องประชาชนประสบมากๆ คือ น้ำท่วม น้ำแล้ง และน้ำประปาไม่เพียงพอ หรือนโยบายโคราชเมืองน้ำไม่ท่วม น้ำไม่แล้ง ประปาเพียงพอ รวมทั้งเรื่องกัญชาเสรีไม่ 100% ต้องมีการควบคุมดูแล

ส่วนนโยบายภาพรวม”งานดี มีเงิน ของไม่แพง”สร้างแพลตฟอร์มเศรษฐกิจใหม่ โดยเปิดนโยบายทั้งหมด 12 เรื่อง อันดับแรก คือ 1.ปรับโครงสร้างราคาน้ำมัน เพื่อจะทำให้แก๊ส ค่าไฟ ถูกลง น้ำมันแพงมาจากปัจจัย 3 อย่าง

1.การกําหนดราคาน้ํามันดิบ คือ น้ํามันดิบ เราไปซื้อจากต่างประเทศอันนี้เราควบคุมไม่ได้

2.ค่าการตลาด คือ ปั๊มน้ํามัน จะมีค่าเด็กปั้ม  มีค่าใช้จ่าย

3.ที่เราสามารถควบคุมได้คือ ค่าการกลั้น หมายความว่าโรงกลั่นในประเทศไทย มีอยู่ 6 โรงทั่วประเทศ สมัยก่อนโรงกลั่นน้ํามันในประเทศ กำไรปีประมาณ 3,000 ล้าน แต่ช่วงที่น้ำมันแพงๆ ไม่ใช่ปีนะ 6 เดือนกำไรหมื่น 5,000 ล้าน เพราะราคาที่ตั้งเป็นราคาที่เราไปอิงจากสิงคโปร์ ดังนั้น ถ้าวันนี้พรรคชาติพัฒนากล้าได้มีโอกาสไปดูแลพี่น้องเราจะบอกเลิกไปอิงราคาสิงคโปร์ ต้องอิงราคาเมืองไทย

สุวัจน์ นำชาติพัฒนากล้าปราศรัยใหญ่ ชูนโยบายโคราชโนมิกซ์

 

ฉะนั้น น้ำมันจะราคาถูกลงแน่นอน จะถูกลงขนาดไหนจะว่ากันอีกที แต่ไม่มีทางที่จะถึง 33-35 บาท ต้องต่ำกว่า 30 แน่นอนพอน้ำมันถูกแก๊สก็จะถูกก็จะทำให้ต้นทุนลดลง ก็จะทำให้ค่าไฟ ที่พวกเราเสียทุกวันนี้ลดลงเหมือนกัน

2. มอเตอร์เวย์ทั่วไทย 4 ทิศ 2,000 กม.

3.ท่องเที่ยวนำไทย เพิ่มนักท่องเที่ยว 2 เท่า 80 ล้านล้านคน

4.หาเงินใหม่ให้ประเทศ 5 ล้านล้าน

5.ลดภาษีบุคคล เงินเดือน 40,000 บาทแรกไม่ต้องเสียภาษี  

6.ยกเลิกแบล็กลิสต์บูโร รื้อระบบสินเชื่อ

7. Gov-Tech ราชการในมือถือ รวดเร็ว ปลอดคอร์รัปชั่น รื้อระบบราชการ

8.เกษตรสร้างชาติ เพิ่มมูลค่าด้วยเทคโนโลยี-อุตสาหกรรม

9.สร้างเด็กไทย 3 ภาษา ไทย-ต่างประเทศ-Coding

10.ทุนธุรกิจสร้างสรรค์ สูงสุดรายละ 1,000,000 บาท ไม่จำกัดวุฒิและวัย

11.สูงวัยไฟแรง งานใหม่ 5 แสนตำแหน่ง

12.อารยสถาปัตย์ ปรับปรุงบ้าน 50,000 ให้ผู้สูงวัยและผู้พิการ

สุวัจน์ นำชาติพัฒนากล้าปราศรัยใหญ่ ชูนโยบายโคราชโนมิกซ์

นายสุวัจน์ กล่าวว่า ในส่วนของจุดยืนของพรรคชาติพัฒนากล้า ตอนนี้เรายังไม่ได้พูดถึงเรื่องของการไปจับมือกับพรรคใดพรรคหนึ่งในการจัดตั้งรัฐบาล เพราะยังไม่ได้มีการเลือกตั้ง แต่ภายหลังจากการเลือกตั้งเสร็จสิ้นแล้วถ้าหากพรรคการเมืองใดมีคะแนนมาเป็นอันดับที่ 1 ก็ถือว่าเป็นพรรคการเมืองที่มีความชอบธรรมในการเป็นแกนนำจัดตั้งรัฐบาล เพราะถือว่าเป็นฉันทามติ ของประชาชนส่วนใหญ่แล้ว ซึ่งพรรคชาติพัฒนากล้าก็พร้อมที่จะสนับสนุนพรรคนั้นเพื่อทำให้รัฐบาลมีเสถียรภาพและสามารถบริหารประเทศชาติ ด้วยความราบรื่น ต่อไป

สำหรับจุดแข็งของการหาเสียงของพรรคชาติพัฒนากล้านั้น นายสุวัจน์ ย้ำว่าเราพยายามที่จะตอกย้ําความเป็นไปได้แล้วการเกิดขึ้นจริงและสิ่งที่จะเป็นประโยชน์ต่อการพัฒนาเศรษฐกิจที่อยู่ภายใต้นโยบายเศรษฐกิจของพรรค ในเรื่องนโยบายในการที่จะสร้างงานใหม่ๆ เพื่อให้งานไปสร้างเงินให้กับพี่น้องประชาชน หรือว่านโยบายที่จะลดค่าครองชีพ ค่าไฟ ค่าน้ํามัน โดยเฉพาะเรื่องโคราชโนมิกส์ เราได้รับการขานรับซึ่งจะนำไปสู่การลงทุนครั้งใหญ่ของภาคอีสาน เรามีอุตสาหกรรมเกิดขึ้นพี่น้องแรงงานก็ไม่ต้องย้ายถิ่น และโครงสร้างพื้นฐานที่รัฐสร้างไว้แล้วก็ไปเร่งให้เสร็จโดยเร็วทุกอย่างก็จะเกิดขึ้นจริงๆ ก็จะชูเรื่องของนโยบายสร้างความชัดเจนของนโยบาย และจะต้องเน้นในเรื่องของการปราศรัยพบกับพี่น้องประชาชน ให้มากขึ้น เพื่อให้พี่น้องประชาชนที่ยังไม่ทราบได้ความชัดเจนมากขึ้น