“ธรรมรักษ์” ตั้งเป้า พา พปชร.กวาด ส.ส.อีสาน จังหวัดละคน

“ธรรมรักษ์” ตั้งเป้า พา พปชร.กวาด ส.ส.อีสาน จังหวัดละคน

“ธรรมรักษ์" เผย รับไม่ได้ โพลให้ พปชร. ได้ ส.ส.อีสาน แค่ 4 ที่นั่ง ชี้ เป็นไปไม่ได้ รับ เวลาเหลือน้อย ไม่มีสิทธิ์วางตัวผู้สมัคร เหมือนสมัยไทยรักไทย โว สร้างมาเอง พท. ถึงมีฐาน ตั้งเป้า ปักธงจังหวัดละคน

พลเอกธรรมรักษ์ อิศรางกูร ณ อยุธยา ที่ปรึกษาหัวหน้าพรรคพลังประชารัฐ ให้สัมภาษณ์พิเศษกับเนชั่นทีวี โดยเล่าถึงการรับหน้าที่ดูแลพื้นที่ภาคอีสาน ว่า เมื่อตนรับปาก พลเอกประวิตร วงษ์สุวรรณ หัวหน้าพรรค ว่าจะมาช่วย แต่ต้องยอมรับว่าเวลาเหลือน้อย ใกล้จะเลือกตั้งแล้ว ทางพรรคก็เลือกผู้สมัครครบทุกเขตแล้ว ซึ่งตนไม่มีสิทธิ์เลือก ไม่เหมือนสมัยพรรคไทยรักไทย ที่อดีตนายกฯ ทักษิณ ชินวัตร ให้ตนเป็นคนตัดสินใจเลือกผู้สมัครทั้งหมด ดังนั้นตนจึงทำได้แค่ไปผลักดันให้มันดีขึ้น ส่วนที่โพลบอกว่าภาคอีสาน พรรคพลังประชารัฐ จะได้ประมาณ 4 ที่นั่งนั้นตนรับไม่ได้ 4 ที่เป็นไปไม่ได้ 

“วิธีการของผม ผมก็จะลงไปทุกเขต เขตไหนที่เราผลักดันได้ เราก็จะผลักดัน เขตไหนที่คะแนนเสียงไม่ค่อยดี ก็พยายามผลักดันให้มันมีคะแนนเสียงมากขึ้นเท่านั้น”

พลเอกธรรมรักษ์ ยังบอกด้วยว่า หลังเข้ามารับผิดชอบดูแลภาคอีสาน ตนก็ลงพื้นที่ทันที ในภาพรวมถือว่าคะแนนของพรรคดีขึ้น เพราะมีผู้ใหญ่ของพรรคไปให้นโยบาย ให้กำลังใจ ทำให้ผู้สมัครกระชับกระเฉง แกนนำต่างๆก็กระฉับกระเฉงขึ้นกว่าที่เป็นอยู่ ดังนั้นหน้าที่ตนคือเดินสายเขตไหนที่มีโอกาสก็จะลงไปมากขึ้น

“อีสานสู้ดุเดือดหลายพรรค แล้วมันเป็นพื้นที่ของเพื่อไทยเดิม เพราะผมสร้างไว้เอง ผมก็ต้องไปสู้กับลูกน้องเก่าผม และผมยังไม่ทราบว่าหัวหน้าพรรคเขาจะว่างมาลงพื้นที่ด้วยหรือเปล่า แต่ผมรับหน้าที่ดูอีสาน ผมก็ไปลุยของผม เพราะหัวหน้าพรรคเขามั่นใจในตัวผมว่าลุยได้ คือเป้าหมายผมพยายามจะดันให้เฉลี่ยจังหวัดละคน เฉลี่ยนะ 20 จังหวัด คิดว่ามีโอกาสจะถึง เท่าที่ผมสำรวจของผม  ขณะนี้ก็ใกล้เคียง”

เมื่อถามว่า ถ้าจบเลือกตั้งแล้ว จำนวน ส.ส ได้ตามเป้าที่ตั้งไว้ จะไปทางไหนต่อ จะกลับมาการเมืองหรือไม่ หรือถ้าไม่ได้ตามเป้า วางแผนตัวเองยังไงต่อ พลเอกธรรมรักษ์ กล่าวว่า ตนไม่ได้วางแผนทางการเมืองเลย ครั้งนี้ตนจะช่วยให้สำเร็จเฉยๆ ปาร์ตี้ลิสตนก็ไม่มี ได้มาช่วยงานนี้เท่านั้น ไม่ได้หวังว่าจะต้องมีตำแหน่งทางการเมืองอะไร ตนไม่สนใจแล้ว

เมื่อถามย้ำว่า จะไม่เอาตำแหน่งรัฐมนตรีหรือ พลเอกธรรมรักษ์ บอกว่า อันนี้ยังไม่ได้คุยกัน ตนไม่ได้หวังตำแหน่งทางการเมืองอะไรทั้งสิ้น

เมื่อถามว่า มีอะไรอยากฝากถึงผู้สมัครภาคอีสานบ้าง พลเอกธรรมรักษ์ กล่าวว่า ขอให้ทุกคนพยายามเข้าหามวลชน จัดตั้งมวลชนให้มาก การที่จะได้เป็นผู้แทนมันต้องมีการจัดตั้ง สมัยที่ตนทำ ตนหาสมาชิกพรรคเยอะมาก การที่ไปหาเสียงทางกว้างธรรมดามันไม่ได้ มันต้องเจาะลึก 

“ปัจจุบันนี้การเลือกตั้งมันใช้เงินกันมาก ผมก็ไปแนะนำคนว่า ถ้าพรรคไหนให้เงินให้รับให้หมดแต่ว่าเราเลือกให้เป็น เลือกคนที่เรารักพรรคที่เราชอบ ผมก็ไปแนะนำชาวบ้านแบบนั้น ใครให้เงินมาให้รับให้หมด มันสู้กัน 3 พรรค รับ 3 ทางได้เงินเยอะ”

พลเอกธรรมรักษ์ กล่าวถึงมุมมองที่คนส่วนใหญ่เห็นว่า ทหารที่ผันตัวมาเล่นการเมือง มักไม่ค่อยประสบความสำเร็จ ว่า ทหารถ้าเกี่ยวข้องกับมวลชนมา ก็จะเป็นทหารที่มีคุณสมบัติที่จะมาเกี่ยวข้องกับการเมืองได้ แต่ถ้าทหารมียศใหญ่ คิดจะเล่นการเมือง มันไปไม่ได้

“ถ้าเราทำงานในพื้นที่นี้ เราได้ประสานกับมวลชน ประสานกับฝ่ายปกครอง ผู้ว่าฯ นายอำเภออะไรต่ออะไร ก็จะเป็นทหารที่มีคุณสมบัติที่จะมาเกี่ยวข้องกับการเมืองได้ แล้วผมโตมาจากข่าวผมเป็นผู้บัญชาการหน่วยข่าวกรองเป็นหัวหน้ากองข่าวกองทัพ เป็นผู้บัญชาการศูนย์รักษาความปลอดภัย มันไปเกี่ยวข้องกับมวลชนมาก เพราะฉะนั้นผมถึงประสบผลสำเร็จ แต่ทหารถ้าเผื่ออยู่ตามหน่วยเป็นผู้พัน ผู้การ ผบ.พล มา แล้วไม่ได้เกี่ยวข้องกับมวลชนเลย อย่างนี้มันก็ไม่สำเร็จอยู่ๆมียศใหญ่คิดจะเล่นการเมืองมันไปไม่ได้”

เมื่อถามว่า คิดว่าตัวเองคือทหารคนนึงที่ประสบความสำเร็จในทางการเมือง ใช่หรือไม่ พลเอกธรรมรักษ์ ตอบว่า ใช่ ก็ประสบความสำเร็จ ตนเป็นรัฐมนตรี รองนายกฯ มา 5 ปี ก็ถือว่าสำเร็จแล้ว ตนถึงได้หยุด