ส่องเขตไหน ใต้-กทม. “ค่ายสะตอ” หนีสูญพันธุ์

เดิมพันครั้งสำคัญ"ค่ายสีฟ้า" พรรคประชาธิปัตย์ ตัวเลข52+ กำลังจะรู้ผลในอีกราว1เดือนข้างหน้า
สมรภูมิเลือกตั้ง2566 ที่ใกล้ถึงวันชี้ชะตาเข้ามาทุกขณะ ถือเป็นเดิมพันครั้งสำคัญของบรรดาพรรคการเมืองไม่เว้นแม้แต่ “ค่ายสีฟ้า” ประชาธิปัตย์ ที่รอบนี้วางเดิมพันในการกู้ศักดิ์ศรี77ปีสถาบันการเมืองที่เก่าแก่ที่สุดในประเทศไทยกลับคืนมา
อย่างที่รู้กันว่าการเลือกตั้งเมื่อปี2562 เกิดจุดพลิกครั้งสำคัญภายใน“ค่ายสีฟ้า”เมื่อปชป.ภายใต้การนำของ “อภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ” กวาดส.ส.เข้าสภาได้เพียง53ที่นั่ง หล่นวูบจากการเลือกตั้งเมื่อมี2554 ที่ได้ส.ส.115ที่นั่ง กว่าครึ่ง โดยเฉพาะสนามกทม.อันถือเป็นขุมกำลังของ “ค่ายสีฟ้า” ที่สูญพันธุ์ไร้ที่นั่งผู้แทนเมืองหลวง
ผลเลือกตั้งเมื่อปี2562 ท่ามกลางจุดพลิกครั้งสำคัญของ “ค่ายสีฟ้า” มีการวิเคราะห์ว่า เกิดจากปรากฎการณ์ชิงแต้มกันเองภายในขั้วอนุรักษ์นิยม โดยเฉพาะพรรคคู่แข่งอย่างพรรคพลังประชารัฐยามนั้นมีกระแส“ลุงตู่”เป็นตัวหนุน ซ้ำกติกาเลือกตั้งที่ใช้“บัตรใบเดียว”บีบให้ต้องเลือกแบบ“เหมาเข่ง”ทั้งคนและพรรคไปโดยปริยาย
ทว่าการเลือกตั้งรอบนี้ภายใต้กติกา “บัตร2ใบ” ใบหนึ่งเลือกคนที่รัก-อีกใบเลือกพรรคที่ชอบจุดนี้เองที่ทำให้ปชป.ออกอาการมั่นอกมั่นใจว่า รอบนี้สนามกทม.ปชปช.จะไม่สูญพันธุ์อย่างแน่นอน
ศึกรอบนี้ปชป. อ้างอิงตัวเลข 254,723 เสียงที่เลือก“ดร.เอ้”สุชัชวีร์ สุวรรณสวัสดิ์ เมื่อครั้งศึกเลือกตั้งพ่อเมืองกทม.เมื่อช่วงต้นปี2565 อีกส่วนคือ 348,852 เสียงที่เลือกสมาชิกสภากรุงเทพมหานคร(ส.ก.) ซึ่งยามนั้นปชป.กวาดสก.มาได้9คน ยังไม่นับรวมอีก7เขตที่คะแนนตีตึ้นขึ้นมาอยู่ในลำดับที่2
จุดนี้เองที่อาจแปรเปลี่ยนมาเป็นคะแนนผู้แทนเมืองหลวงซึ่งปชป.ตั้งเป้าไว้ที่6-9ที่นั่ง โดยเขตที่อยู่ในลิสต์รายชื่อที่ปชป.ประเมินว่า “มีโอกาสชนะ” ประกอบด้วย
เขต1 เขตพระนคร ป้อมปราบฯ สัมพันธวงศ์ ดุสิต ส่ง "เจิมมาศ จึงเลิศศิ"ริ อดีตส.ส. ซึ่งมีคะแนนสก.ในเขตป้อมปราบศัตรูพ่าย ของ "นิภาพรรณ จึงเลิศศิริ" กว่า 5,690 คะแนน บวก4,613 คะแนนในเขตสัมพันธวงศ์ของ "พินิจ กาญจนชูศักดิ์" ตุนไว้ในมือ เชื่อมต่อไปที่เขต2 สาทร เขตปทุมวัน เขตราชเทวี ส่ง "อรอนงค์ กาญจนชูศักดิ์" อดีตส.ส. ซึ่งมีฐานเสียงใกล้เคียงกัน
เขต4 คลองเตย เขตวัฒนา ส่ง“เอิร์ธ” พงศกร ขวัญเมือง ที่มีฐานเสียง “สก.ต่าย” สุชัย พงษ์เพียรชอบ สก.เขตคลองเตยตุนไว้ 13,871 คะแนน
เขต21ประเวศ-สะพานสูง ส่ง "กิตพล เชิดชูกิจกุล" อดีตสก.หลายสมัย โดยเขตนี้มี คะแนนสก.จาก นวัฒน์ เชิดชูกิจกุล น้องชาย ตุนไว้ 22,971 คะแนน
เขต33 บางพลัด เขตบางกอกน้อย (ยกเว้นแขวงศิริราช) ส่ง "ชนินทร์ รุ่งแสง" อดีตส.ส.ลงชิง โดยเขตนี้ถือเป็นเขตที่ปชป.มั่นใจมากที่สุดเพราะแต้มสก. ทั้งในส่วนของ บางกอกน้อยของ "นภาพล จีระกุล" 14,573 คะแนน รวมกับ เขตบางพลัดของภิญโญ ป้อมสถิตย์อีก12,575 คะแนน ตุนไว้ในมือ
ทว่าปชป.เองก็ใช้ว่าจะประมาทได้จำต้องปรับแผนหาเสียงให้รัดกุมยิ่งขึ้น โดยเฉพาะการจัดวางขุนพล ที่นอกเหนือจะมี“องอาจ คล้ามไพบูลย์” รองหัวหน้าพรรคคุมพื้นที่กทม. เป็นแม่ทัพใหญ่แล้ว ช่วงที่ผ่านมายังเห็นภาพของการผนึกกำลังลงพื้นที่ของบรรดาขุนพลกทม. โดยเฉพาะ “เดอะมาร์ค” อภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ อดีตหัวหน้าพรรค ลงพื้นที่แบบถี่ยิบหวังเจาะพื้นที่ที่เคยเป็นของปชป.กลับคืนมา
นอกเหนือจากการชิงแต้มภายในขั้วเดียวกันแล้ว ศึกรอบนี้ปชป.ยังมีอีกหนึ่ง “ด่านหิน” นั่นคือ การฝ่ากระแส "ขั้วประชาธิปไตย" ในพื้นที่เมืองหลวงที่นับวันจะยิ่งมาแรง ตอกย้ำชัดจากการเลือกตั้งผู้ว่ากทม.เมื่อช่วงต้นปี2565 ที่เกิดปรากฎการณ์ “ชัชชาติแลนด์สไลด์” ฝั่งประชาธิปไตยได้รับคะแนนเสียงอย่างถล่มทลาย
ไม่ต่างจากอีกหนึ่งจุดยุทธศาสตร์สำคัญคือ “สนามภาคใต้” ที่รอบนี้จะมีส.ส.เพิ่มจาก50 เป็น58 ที่นั่ง รอบนี้“ขุนพลใต้ค่ายสะตอ” วางเดิมพันไว้สูง30-40 ที่นั่งผู้แทนจากเดิม23 ที่นั่ง
ศึกรอบนี้ต้องยอมรับว่า ปชป.เจอโจทย์หินทั้ง ทั้งคะแนนความนิยมของ “ลุงตู่”ที่ยังสูงเป็นลำดับหนึ่ง ไม่เว้นแม้แต่คู่แข่งต่างขั้วอย่าง “อุ๊งอิ๊ง” แพทองธาร ชินวัตร หัวหน้าครอบครัวและแคนดิเดตนายกฯพรรคเพื่อไทย ที่ยามนี้กระแสตีตื้นขึ้นมาอยู่ในระดับสูงอย่างน่าตกใจ
ตอกย้ำชัดจากผลสำรวจ “นิด้าโพล” ที่เปิดเผยผลสำรวจคะแนนนิยมคนภาคใต้เมื่อวันที่25 ต.ค.2565ที่ผ่านมา
นั่นย่อมเป็นการตอกย้ำยุทธศาสตร์ปชป.รอบนี้ที่ต้องเปลี่ยนไป โดยนอกเหนือจากทัพหลวงที่มีจุรินทร์ เป็นแม่ทัพร่วมกับขุนพลภาคใต้ทั้งนิพนธ์ บุญญามณี รองหัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ และผอ.เลือกตั้งปชป. รวมถึง เดชอิศม์ ขาวทอง รองหัวหน้าพรรค ภาคใต้
รอบนี้จะเห็นชัดว่า ปชป.เลือกปรับเกมใช้ยุทธศาสตร์ “แตกทัพ” แยกกันเดินรวมกันตี โดยเฉพาะการดึงอดีตหัวหน้าพรรคทั้ง “ชวน หลีกภัย” รวมถึง “บัญญัติ บรรทัดฐาน” ในการเดินสายเก็บแต้มปาร์ตี้ลิสต์อีกทางหนึ่ง
เจาะลึกไปที่พื้นที่เป้าหมายปชป.รอบนี้น่าจะยังอยู่ที่7เขตในจ.สุราษฎร์ธานี บ้านเกิดบัญญัติ ซึ่งรอบที่แล้วปชป.สร้างปรากฎการณ์“แลนด์สไลด์” กวาดยกจังหวัด6ที่นั่งได้เพียงจังหวัดเดียว
รอบนี้7ที่นั่ง เมืองร้อยเกาะจึงยังคงเป็นจุดยุทธศาสตร์สำคัญของค่ายสีฟ้า ที่จะต้องไปวัดพลังกับอดีตคนคุ้นเคยอย่าง “ชุมพล กาญจนะ” บ้านใหญ่เมืองร้อยเกาะและบ้านใหญ่ “กำนันศักดิ์” พงษ์ศักดิ์ จ่าแก้ว นายกอบจ.สุราษฎร์ธานี ภายใต้ชายคารวมไทยสร้างชาติของลุงตู่
ขณะที่จ.นครศรีธรรมราช ภายใต้การนำของบ้านใหญ่ “นายกต้อย” กนกพร เดชเดโช นายกอบจ.นครศรีธรรมราช แม่ทัพบ้านใหญ่เมืองคอนส่ง 2 ลูกชาย “แทน ชัยชนะ” และ “เท่ห์ พิทักษ์เดช”รวมถึง“ลูกหมี”ศิลป์ชัย สุนทรมัฏฐ์ เลขานุการนายก อบจ.
นอกจากนี้ยังมีในส่วนของ ราชิต สุดพุ่ม, อวยพรศรี เชาวลิต ,ยุทธการ รัตนมาศ ,ประกอบ รัตนพันธ์ ,ชินวรณ์ บุณยเกียรติ อดีตส.ส.หลายสมัย รวมถึงปุณณ์สิริ บุณยเกียรติ ลูกชินวรณ์ที่ลงสู้ศึกเมืองคอนรอบนี้
ขณะเดียวกันศึกเมืองคอนรอบนี้ถือเป็นศึกศักดิ์ศรีของบ้านใหญ่เดชเดโชภายใต้เดิมพันที่“แพ้ไม่ได้”
ไม่ต่างจาก9ที่นั่งจ.สงขลา ซึ่งถือเป็นฐานที่มั่นของ “บิ๊กปชป.” ทั้งนิพนธ์ บุญญามณี รวมถึง เดชอิศม์ ขาวทอง แม่ทัพภาคใต้หมายมั่นปักธงให้ได้อย่างน้อย5ที่นั่งโดยเฉพาะ เขต 1 สรรญเพชญ บุญญามณี ลูกชายนิพนธ์ เขต 5 เดชอิศม์ เขต 6 สุภาพร กำเนิดผล (น้ำหอม) ภรรยาเดชอิศม์ เขต 8 พลตำรวจตรีสุรินทร์ ปาลาเร่ อดีตส.ส. และเลขาธิการคณะกรรมการกลางอิสลามแห่งประเทศไทยเจ้าของพื้นที่เดิม และเขต9 ศักดิ์สิทธิ์ ขาวทอง หรือ “สิงโต” ลูกชายเดชอิศม์
ยังไม่นับรวม4ที่นั่งจ.ตรัง บ้านเกิดชวน หลีกภัย กับอีก2ที่นั่งจ.พังงา บ้านเกิด “จุรินทร์ ลักษณวิศิษฏ์” หัวหน้าพรรค
ตัวเลขต่างๆเหล่านี้ถือเป็นเดิมพันครั้งสำคัญของ"ค่ายสีฟ้า" ภายใต้สมการ52+ ที่แม้แต่ "จุรินทร์" หัวหน้าพรรคยังปลุกลูกพรรคช่วยกันถือยางลบเพื่อลบคำปรามาสพรรคต่ำเป้าในการเลือกตั้งรอบที่แล้วลงให้จงได้!







