ผู้สมัคร ส.ส.ก้าวไกล ได้เบอร์ 3 ต้องชู 3 นิ้ว หลังโดน ตร.ห้าม อ้างเขตพระราชฐาน

ผู้สมัคร ส.ส.ก้าวไกล ได้เบอร์ 3 ต้องชู 3 นิ้ว หลังโดน ตร.ห้าม อ้างเขตพระราชฐาน

ได้เบอร์สามก็ต้องชูสามนิ้ว “ทนายแจม” แจงหลังตำรวจขออย่าชูสามนิ้ว อ้างเขตพระราชฐาน ยืนยันสิทธิรณรงค์หาเสียง เผยเสียงตอบรับดี แม้แต่ทหารยังชูสามนิ้ว หนุนนโยบายก้าวไกลปฏิรูปกองทัพ

จากกรณี น.ส.ศศินันท์ ธรรมนิฐินันท์ หรือ ทนายแจม ผู้สมัคร ส.ส.กทม. เขต 11 (เขตสายไหม ยกเว้นแขวงออเงิน) พรรคก้าวไกล เบอร์ 3 โพสต์ภาพขณะลงพื้นที่หาเสียง บริเวณแยกกรมควบคุมการปฏิบัติทางอากาศ (คปอ.) โดยระบุข้อความ ‘พี่ตำรวจที่อยู่ในป้อม บอกน้องในทีมว่า “ขอความร่วมมือผู้สมัคร ไม่ให้ชูสามนิ้ว เพราะเป็นเขตทหารและเขตพระราชฐาน” ก็ขออภัยจริงๆ พอดีจับได้เบอร์สามค่ะ’

น.ส.ศศินันท์ กล่าวว่า เหตุการณ์ดังกล่าวเกิดขึ้นระหว่างที่ตนปราศรัยหาเสียงพร้อมชูสามนิ้วเพื่อสื่อถึงเบอร์ 3 มีตำรวจนายหนึ่งที่ปฏิบัติหน้าที่ภายในป้อมตำรวจแยก คปอ. ได้ขอความร่วมมือผ่านทีมงานของตนว่าไม่อยากให้ชู 3 นิ้ว เพราะพื้นที่บริเวณนั้นเป็นเขตพระราชฐาน อาจถูกตีความว่าเกี่ยวข้องกับการชุมนุม อีกทั้งอ้างว่าตนไม่ได้ขออนุญาตใช้พื้นที่ อย่างไรก็ตาม ตนยืนยันว่าสี่แยก คปอ. เป็นพื้นที่สาธารณะ การใช้พื้นที่ดังกล่าวไม่ได้รบกวนเบียดบังสิทธิใคร เป็นการใช้สิทธิทางการเมืองในการรณรงค์หาเสียง ถึงอย่างนั้น ตนไม่ต้องการให้สถานการณ์ตึงเครียด และเข้าใจว่าตำรวจคนดังกล่าวเป็นระดับปฏิบัติการ อาจมีความกังวลเกี่ยวกับประเด็นการเมือง จึงเข้าไปพูดคุยและชี้แจงว่าที่ต้องชูสามนิ้วเพราะได้เบอร์สามจริงๆ ซึ่งเหตุการณ์ก็ผ่านพ้นไปด้วยดี

ผู้สมัคร ส.ส.ก้าวไกล ได้เบอร์ 3 ต้องชู 3 นิ้ว หลังโดน ตร.ห้าม อ้างเขตพระราชฐาน

น.ส.ศศินันท์ กล่าวเพิ่มเติมว่า แยก คปอ. เป็นพื้นที่ที่ระยะเวลาติดไฟแดงค่อนข้างนานเมื่อเทียบกับแยกอื่นๆ ทำให้มีเวลาแนะนำตัวและสื่อสารนโยบายต่อประชาชนอย่างเต็มที่ ที่ผ่านมาประชาชนให้การตอบรับดี บางคนอยู่ในรถก็เปิดกระจกฟังเรา บางคนถ่ายคลิป บางคนชูสามนิ้วให้กำลังใจ รวมถึงเจ้าหน้าที่ทหารที่เดินทางผ่านบริเวณนั้นเพื่อไปทำงาน ก็ชูสามนิ้วด้วย ทหารบางคนเมื่อทราบข่าวว่าตนถูกขอความร่วมมือไม่ให้ชูสามนิ้ว ก็ส่งข้อความมาให้กำลังใจ บอกว่าพวกเขาสนับสนุนนโยบายของพรรคก้าวไกลในการปฏิรูปกองทัพ โดยเฉพาะการเพิ่มความคุ้มครองแก่ทหารชั้นผู้น้อยใน 3 ด้านคือ สิทธิมนุษยชน สวัสดิการ และความก้าวหน้าทางอาชีพ เพราะเชื่อว่านโยบายดังกล่าวจะทำให้คุณภาพชีวิตของทหารชั้นผู้น้อยดีขึ้น ซึ่งจะส่งผลดีต่อการปฏิบัติภารกิจของกองทัพในภาพรวมด้วย