โพธสุธน VS เที่ยงธรรม ศึกศักดิ์ศรี ชิงดำ“เมืองขุนแผน”

โพธสุธน VS เที่ยงธรรม ศึกศักดิ์ศรี ชิงดำ“เมืองขุนแผน”

ศึกนี้ต่างฝ่ายต่างไม่มีใครกลัวใคร เมื่อแต่ละคนมีดีคนละแบบ และด้วยสถานะความเป็นบ้านใหญ่ ศักดิ์ศรีค้ำคอ สองตระกูลจึงสะกดคำว่าแพ้ไม่ได้โดยเด็ดขาด เพราะดุลอำนาจอาจแปรเปลี่ยน

สนามเลือกตั้งเมืองสุพรรณบุรี ปี 66 คอการเมืองคงได้เห็นศึกช้างชนช้าง ในเขตเลือกตั้งที่ 4 ประกอบด้วย อ.ด่านช้าง อ.เดิมบางนางบวช อ.หนองหญ้าไซ เฉพาะ ต.แจงขาม ต.หนองขามต.ทัพหลวง และ ต.หนองโพธิ์ เมื่อ 2 บ้านใหญ่ กำลังโคจรมาพบกันในศึก 2 ตระกูล

หลังจากพลังประชารัฐ เปิดตัวผู้สมัคร ส.ส.ครบ 400 เขต หนึ่งในคนที่ถูกจับตาอย่างมากคือกำนันโอ๋ ยุทธนา โพธสุธน หลานชายประภัตร โพธสุธน รมช.เกษตรและสหกรณ์ ในฐานะเลขาธิการพรรคชาติไทยพัฒนา ที่ความตั้งใจลงท้าชิงเก้าอี้ส.ส.จากแชมป์เก่าอย่าง เดอะป๊อบ เสมอกัน เที่ยงธรรม ลูกชายจองชัย เที่ยงธรรม จากชาติไทยฯ ยังไม่เปลี่ยนแปลง

เรื่องนี้เคยเป็นประเด็นระหว่าง 2 ตระกูลมาแล้ว เมื่อการเลือกตั้ง ปี 62 กำนันโอ๋ ที่อยากโลดแล่นในการเมืองใหญ่ ผู้หลักผู้ใหญ่จึงประสานจนมาอยู่กับพลังป้อม ด้วยคอนเน็กชั่นของ บิ๊กป.4 และหมายตาจะลงชิง ส.ส.สุพรรณฯ เขต 4 มาครั้งหนึ่งแล้ว จนกลายเป็นประเด็นพื้นที่ทับซ้อน จนต้องเคลียร์กันยกใหญ่ กระทั่งหลานประภัตร ยอมขยับไปลงปาร์ตี้ลิสต์พลังประชารัฐ

แต่ผู้เป็นเจ้าของสโลแกน คิดอะไรไม่ออก บอกจองชัย ก็ยังไม่พอใจอย่างหนัก ที่หลานประภัตรจะมาแข่งกับลูกชายตัวเอง ถึงขนาดตัดสินใจออกจากชาติไทยฯ ไปอยู่กับภูมิใจไทย ลงแข่งกับประภัตรโดยตรง ที่เขต3 แต่ก็ไม่ประสบความสำเร็จ สุดท้ายก็ต้องกลับบ้านหลังเดิม คือ ชาติไทยฯ ก็ด้วยบารมีของผู้ใหญ่คนสำคัญที่ทุกฝ่ายให้ความเคารพนับถือ

มาเที่ยวนี้ ดูเหมือน เสมอกัน เลี่ยงไม่พ้นที่จะต้องทำศึกกับยุทธนา เข้าจนได้ กำนันโอ๋ ดูหมายมั่นปั้นมือพอสมควร ส่งสัญญาณผ่านการทำพื้นที่อย่างจริงจัง ซึ่งเห็นได้ชัดในช่วงไม่กี่เดือนที่ผ่านมา

ขณะที่ คีย์แมนพลังประชารัฐอย่าง ธรรมนัส พรหมเผ่า หัวหน้ามุ้งที่กำนันโอ๋สังกัด ดูจะยังไม่ได้ขยับ หรือเข้ามาสยายปีกแผ่อิทธิพลใดๆ ในสุพรรณฯ เขต4 มีก็แต่เครือข่ายโพธสุธน เป็นหลัก

งานนี้แชมป์เก่าก็เตรียมตัวพร้อมอยู่แล้ว เห็นคู่แข่งคนสำคัญที่จะมาท้าชิงทุกฝีก้าว ก็ไม่ได้มีท่าทีหวั่นไหวใดๆ เลือกจะนิ่งไม่ขยับอะไรแบบที่ผ่านมา ขอโฟกัสปักหลักสู้อยู่ในฐานที่มั่น

ศึกนี้ต่างฝ่ายต่างไม่มีใครกลัวใคร เมื่อแต่ละคนมีดีคนละแบบ และด้วยสถานะความเป็นบ้านใหญ่ ศักดิ์ศรีค้ำคอ สองตระกูลจึงสะกดคำว่าแพ้ไม่ได้โดยเด็ดขาด เพราะดุลอำนาจอาจแปรเปลี่ยน