“ยงยุทธ” ถาม “ประยุทธ์” อยู่ 8 ปี ไม่พอหรือ ลั่นนำ "เพื่อชาติ" กู้วิกฤตประเทศ

“ยงยุทธ” ถาม “ประยุทธ์” อยู่ 8 ปี ไม่พอหรือ ลั่นนำ "เพื่อชาติ" กู้วิกฤตประเทศ

“ยงยุทธ” ถาม “ประยุทธ์” อยู่มา 8 ปี ยังไม่พออีกหรือ ประกาศ นำเพื่อชาติ กู้วิกฤตประเทศ ผ่านนโยบายกินได้ ทำได้จริง ด้าน "หัวหน้าพรรคเพื่อชาติ” ย้ำ ลดความเหลื่อมล้ำ เปิดโอกาสทางการศึกษา 

 พรรคเพื่อชาติ ได้จัดปราศรัยใหญ่เพื่อประกาศความพร้อมสู้ศึกเลือกตั้งปี 66 โดยภายในงานหัวหน้าพรรคเพื่อชาติ นางสาวปวิศรัฐฐ์ ติยะไพรัช ได้ประกาศนโยบายของพรรคเพื่อชาติบนเวที โดยระบุว่า ประเทศไทยตอนนี้ติดอันดับต้นๆว่าเป็นประเทศที่มีปัญหาเรื่องความเหลื่อมล้ำทั้งทางสังคมและทางด้านโอกาส ซึ่งการลดช่องว่างความเหลื่อมล้ำในสังคมได้ดีที่สุดก็คือเรื่องของการศึกษา แต่น่าเสียดายที่วันนี้การศึกษาในประเทศไทยเป็นแค่การเรียนในห้องเรียนจึงยังไม่สามารถตอบโจทย์เรื่องการแก้ปัญหาความเหลื่อมล้ำได้

แต่สำหรับพรรคเพื่อชาติฝันใหญ่กว่านั้นและพรรคเพื่อชาติต้องการจะเปลี่ยนแปลงให้การศึกษาสามารถลดความเหลื่อมล้ำได้จริงและพรรคเพื่อชาติจะเปลี่ยนการศึกษาให้เป็นการศึกษาระบบแบบรวมทุกระบบทั้งในและนอกห้องเรียนและเป็นการศึกษาที่ไม่จำกัดอายุผู้เรียนในแบบที่เรียกว่าเป็นการเรียนรู้ตลอดชีวิต ซึ่งทุกวันนี้ปัญหาแรกของเรื่องการศึกษาก็คือการเรียนฟรีตามรัฐธรรมนูญที่ไม่มีอยู่จริง เพราะว่าแม้จะมีการบอกว่าเด็กๆสามารถเรียนฟรีได้แต่ความจริงแล้วยังมีค่าใช้จ่ายแฝงอยู่มากมาย

 อาทิ ค่าเสื้อผ้า ค่าธรรมเนียมต่างๆที่ทางโรงเรียนเรียกเก็บจากผู้ปกครองซึ่งก็ยังคงเป็นภาระที่ผู้ปกครองต้องแบบรับ ซึ่งเรื่องเหล่านี้เป็นเรื่องที่ประชาชนรู้ดีว่า คำว่าเรียนฟรีจากนโยบายของรัฐบาลนั้นไม่มีอยู่จริง ดังนั้นพรรคเพื่อชาติจึงตั้งใจที่จะเข้ามาเปลี่ยนแปลงรูปแบบการศึกษาเพื่อให้สามารถช่วยลดความเหลื่อมล้ำในสังคมและเปิดโอกาสการเข้าถึงการศึกษาได้จริง

ขณะที่ ร้อยตำรวจเอกนิติภูมิธณัฐ มิ่งรุจิราลัย ที่ปรึกษาหัวหน้าพรรคเพื่อชาติ ได้ขึ้นปราศรัยบนเวทีโดยระบุว่า การวางแผนชีวิตของตนตั้งใจว่าจะเป็น ส.ส. เป็น ส.ว. แล้วก็จะหยุดเมื่ออายุ 60 ปี แต่ตอนนี้อายุเลย 60 ปีมาแล้วและได้มีโอกาสมานั่งดูนโยบายของพรรคการเมืองต่างๆแล้วก็รู้สึกว่าประทับใจนโยบายของพรรคเพื่อชาติ ที่ประทับใจก็คือแม้แต่เรื่องเล็กๆอย่างเรื่องแว่นตา
พรรคเพื่อชาติก็ใส่ใจประชาชน ท้ายที่สุดจึงอยากจะรู้ถึงนโยบายของพรรคเพื่อชาติให้มากขึ้นจึงโทรศัพท์มาปรึกษาหารือกับที่ปรึกษาพรรคเพื่อชาติ นายยงยุทธ ติยะไพรัช และได้มีการพูดคุยกันถึงเรื่องนโยบายของพรรคจนกระทั่งวันนี้ตนก็ได้สวมเสื้อพรรคเพื่อชาติอย่างสมบูรณ์ แล้ววันนี้ตนก็ยอมรับว่าที่นี่จะเป็นบ้านและตนจะเข้ามาช่วยขับเคลื่อนประเทศต่อไป แต่สิ่งที่ยังเป็นเรื่องที่ติดใจก็คือนโยบายของพรรคเพื่อชาติเกี่ยวกับเรื่องการศึกษาเพราะตนต้องการให้พรรคเพื่อชาติเน้นไปที่การศึกษาที่จะต้องไม่พรากคนออกจากท้องถิ่นเมื่อเรียนจบแล้วต้องการให้กลับบ้านเกิดเพื่อพัฒนาบ้านตัวเอง ทุกวันนี้ประเทศพัฒนาไปอย่างรวดเร็วอีกสัก 2 ปีโลกก็เปลี่ยนไป
เราสามารถอยู่ที่ไหนในโลก ในประเทศก็ได้เพราะสามารถเชื่อมโยงถึงกันได้หมด และเพราะสามารถเชื่อมโยงกันได้หมดแบบนี้ตนจึงมั่นใจว่าศักยภาพของพรรคเพื่อชาติสามารถทำเรื่องพวกนี้ได้เพราะดูจากประวัติดูจากการทำงานของสมาชิกพรรค เราสามารถพึ่งพาพรรคเพื่อชาติได้ ว่าคนกลุ่มนี้ที่เพิ่งอายุ 30 กว่าๆยังมีแรงยังมีพลังที่จะทำเพื่อชาติบ้านเมืองได้อีกหลายสิบปีพวกเขายังมีเวลาลองผิดลองถูกและนำประสบการณ์ในชีวิตมาทำให้ทุกอย่างในประเทศดีขึ้นได้

ด้าน นายยงยุทธ ติยะไพรัช ที่ปรึกษาพรรคเพื่อชาติได้กล่าวบนเวทีว่า ข่าวร้ายข่าวแรกที่ตนจะพูดก็คือประชาชนไม่สามารถเลือกตนได้เพราะตนไม่ได้อยู่ในสถานะผู้สมัครลงรับเลือกตั้งแต่ข่าวดีคือประชาชนสามารถเลือกพรรคเพื่อชาติได้ แต่ส่วนตัวที่อยากพูดวันนี้ก็คืออยากบอกไปถึงคนที่อยู่มาแล้ว 8 ปีที่อาศัยอยู่ในทำเนียบว่า ผ่านมา 8 ปีแล้วยังไม่พออีกหรือ วันนี้คนที่อยู่ในกรุงเทพฯรับรู้ไว้ด้วยว่าภาระหนี้สินที่คนที่อยู่ในทำเนียบทำไว้ 11 ล้านๆ เงินค่าจ้างต่างๆตลอด 8 ปีจำนวน 28 ล้านล้าน ถ้าเอาเงินพวกนี้ไปแจกจ่ายให้กับประชาชนเพื่อนำไปทำมาหากินหรือเอาไปทำประโยชน์ก็คงจะดีกว่านี้ แต่วันนี้มีนายกเอาเงิน 28 ล้านล้านไปบริหารประเทศ 8 ปีทุกอย่างก็พังหมดเจ๊งหมด ไม่มีอะไรดีขึ้นเลย 

วันนี้เราต้องออกมาเดินตามหลังคนหนุ่มคนสาวเพราะเราจะอยู่ได้อีกไม่นานแต่ถ้าเราปล่อยให้บ้านเมืองอยู่กับคนแบบนี้ก็พังหมด ดูง่ายๆอย่างตึกในกรุงเทพฯที่มีปัญหาฟ้องร้องกันอยู่จนตอนนี้กลายเป็นตึกร้างไม่เคยมีพรรคการเมืองพรรคไหนพูดเรื่องนี้หลังจากที่มีการประกาศกฎหมายว่าถ้าไม่ใช้ประโยชน์ตึกก็จะเสียภาษีแพง คนมีอำนาจก็เอาตึกไปปลูกกล้วยแล้วก็มาแจกกันในสภา นโยบายของพรรคเพื่อชาติจึงต้องการที่จะเอาตึกร้างไปเป็นที่ทำมาหากินเพื่อช่วยชาวบ้าน ส่งคนไปเจรจาตกลงกับนายทุนแต่ก็ถูกขัดขวางทุกทางจากผู้มีอำนาจจึงอยากถามกลับไปว่าก่อนหน้านี้คนที่มีอำนาจอยู่ทำไมไม่ทำ ทำไมไม่ให้โอกาสกับประชาชนได้เอาที่รกร้างว่างเปล่าไปทำประโยชน์ 

ส่วนกรณีน้ำท่วมแก้ไขปัญหาไม่ได้ก็บอกว่าน้ำรอระบายบอกกับคนในประเทศว่าคนจนจะหมดประเทศสุดท้ายคนจนก็เต็มบ้านเต็มเมือง แจกบัตรสวัสดิการให้คนที่ไม่จนจริงพอถูกวิจารณ์ก็บอกว่าบัตรคนจนทำออกมาเพื่อตอบสนองให้กับกลุ่มคนเปราะบาง ในสังคม 

วันนี้เรามีพรรคเพื่อชาติแล้วและพรรคเพื่อชาติจะออกแบบประเทศใหม่ เพื่อให้ประชาชนมีความเป็นอยู่ที่ดีขึ้นมีที่ดินทำกินไม่ใช่เอาที่ดินไปยกให้ต่างชาติหรือให้กับนายทุน ที่ผ่านมาประชาชนอาจจะไม่มีโอกาสโวยวายทั้งเรื่อง ค่าไฟแพง ไม่มีเงิน ไม่มีที่ดินทำกิน แต่วันที่ 14 พฤษภาคมนี้พี่น้องสามารถโวยวายได้ ด้วยการไปลงคะแนนเลือกพรรคเพื่อชาติเพื่อให้พรรคเพื่อชาติไปทวงค่าไฟคืน