"จุรินทร์"เปิดทีมเศรษฐกิจ เดินหน้ายุทธศาสตร์ "สร้างเงิน สร้างคน สร้างชาติ"

"จุรินทร์"เปิดทีมเศรษฐกิจ เดินหน้ายุทธศาสตร์ "สร้างเงิน สร้างคน สร้างชาติ"

"ปชป."ไม่รอช้าเรียกประชุม"ทีมเศรษฐกิจ" เดินหน้ายุทธศาสตร์ "สร้างเงิน สร้างคน สร้างชาติ" ขับเคลื่อน เศรษฐกิจ การเมือง สังคม พร้อมอัดฉีดเม็ดเงินกว่า 1 ล้านล้านบาท ไม่กระทบหนี้สาธารณะ

 26 มีนาคม 2566  พรรคประชาธิปัตย์ "นายจุรินทร์ ลักษณวิศิษฏ์" หัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ ได้เรียกประชุมทีมเศรษฐกิจบางส่วน เพื่อหารือถึงนโยบายเพิ่มเติมในเรื่องการขับเคลื่อนเศรษฐกิจของประเทศ หากประชาธิปัตย์ได้มีโอกาสเป็นแกนตั้งรัฐบาล ซึ่งมีผู้เข้าร่วมประชุมประกอบด้วย "ดร.พิสิฐ  ลี้อาธรรม" "ม.ร.ว.ศศิพฤนท์  จันทรทัต" "นายเกียรติ สิทธีอมร "ดร.สามารถ  ราชพลสิทธิ์" "คุณวทันยา บุนนาค" "ดร.อิสระ  เสรีวัฒนวุฒิ" "ดร.สรรเสริญ สมะลาภา" และ"นายอลงกรณ์  พลบุตร" เป็นต้น 

 "นายจุรินทร์" ได้กล่าวถึงภาพรวมของการกำหนดทิศทางขับเคลื่อนประเทศว่า พรรคจะเดินหน้ายุทธศาสตร์ "สร้างเงิน สร้างคน สร้างชาติ" เป็นกรอบใหญ่ของการขับเคลื่อนเศรษฐกิจ การเมือง และสังคมของประเทศ สำหรับด้านเศรษฐกิจนั้น ประชาธิปัตย์จะให้ความสำคัญกับการขับเคลื่อนเศรษฐกิจฐานราก เศรษฐกิจมหภาค และเศรษฐกิจทันสมัย ซึ่งจะมีเศรษฐกิจอนาคตรวมอยู่ด้วย 

\"จุรินทร์\"เปิดทีมเศรษฐกิจ เดินหน้ายุทธศาสตร์ \"สร้างเงิน สร้างคน สร้างชาติ\"

เศรษฐกิจมหภาค จะมุ่งเน้นเรื่องการสร้างความเจริญเติบโตทางเศรษฐกิจ การสร้างเสถียรภาพทางเศรษฐกิจ และการลดความเหลื่อมล้ำทางเศรษฐกิจ เป็นเป้าหมายหลัก 

ส่วนเศรษฐกิจทันสมัย รวมถึงเศรษฐกิจอนาคตนั้น จะได้เน้นเรื่องการพัฒนานวัตกรรมเทคโนโลยีด้านเศรษฐกิจ โดยให้ความสำคัญกับความยั่งยืน ควบคู่กันไป อาทิ Silver Economy ที่จะเป็นการเปิดโอกาสให้ผู้สูงอายุเข้ามามีบทบาทสำคัญในการร่วมขับเคลื่อนเศรษฐกิจของประเทศ เศรษฐกิจสร้างสรรค์ ซอฟต์พาวเวอร์ Renew Economy, Social Economy, Digital Economy เป็นต้น

ทั้งนี้ที่ประชุมได้มีความเห็นตรงกันว่า ในภาพรวมเราจะอัดฉีดเม็ดเงินเข้าสู่ระบบเศรษฐกิจ ถ้าเรามีโอกาสได้เป็นแกนตั้งรัฐบาล ไม่ต่ำกว่า 1 ล้านล้านบาท เพื่อให้เศรษฐกิจสามารถขับเคลื่อนต่อไปได้

 นอกจากนี้ "นายจุรินทร์" ยังได้ตอบคำถามสื่อมวลชน ถึงนโยบายสำหรับกรุงเทพมหานครว่า พรรคได้มีการแถลงนโยบายไปแล้ว และยังไม่มีอะไรเปลี่ยนแปลง กรุงเทพมหานครเป็นพื้นที่ที่ประชาธิปัตย์ให้ความสำคัญ และนโยบายกรุงเทพฯ จะมี 2 ส่วน ส่วนที่ 1 นโยบายรวมของพรรค ส่วนที่ 2 นโยบายเฉพาะในส่วนทีมกรุงเทพมหานคร 

โดยนโยบายรวมที่เกี่ยวพันกับคนกรุงเทพมหานคร เช่น การจัดตั้งธนาคารชุมชน 2,800 กว่าชุมชนทั่วกรุงเทพมหานคร ชุมชนละ 2 ล้านบาท รวมถึงการจัดให้มีอินเทอร์เน็ตฟรี 1 ล้านจุดทั่วประเทศ โดย 1 แสนจุด จะเป็นของกรุงเทพฯ เพื่อให้อินเทอร์เน็ตมีส่วนในการขับเคลื่อน หรือใช้ประโยชน์ในการ "สร้างเงิน" ให้กับทั้งชาวกรุงเทพฯ และกลุ่ม SMEs ต่างๆ ในชุมชนของกรุงเทพมหานคร รวมไปถึงการใช้ประโยชน์สำหรับการเข้าถึงองค์ความรู้ต่างๆ ด้วย

 


 

 นอกจากนี้ยังมีนโยบายเรียนฟรีถึงปริญญาตรี สาขาที่ตลาดต้องการ ตรวจสุขภาพฟรี รักษาฟรี ใช้บัตรประชาชนใบเดียว ชมรมผู้สูงอายุรับ 30,000 บาท ทุกชุมชน/หมู่บ้าน SMEs ต้องมีแต้มต่ออย่างน้อย 3 แสนล้านบาท ปลดล็อค กบข. และกองทุนสำรองเลี้ยงชีพให้สามารถซื้อบ้านได้ สามารถลดหนี้ได้ในทันที และสามารถนำเงินที่จะต้องไปใช้หนี้นั้นไปสร้างเงินให้กับข้าราชการ และผู้ใช้แรงงานได้ รวมถึงนโยบายอื่นๆ เช่น นมโรงเรียนฟรี 365 วัน ด้วย

ส่วนที่ผู้สื่อข่าวถามถึงที่มาของงบประมาณในการดำเนินนโยบายนั้น หัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ตอบว่า เรื่องนี้จะมีเงินแต่ละแหล่งของนโยบาย ทั้งในส่วนของงบประมาณแผ่นดิน และแหล่งเงินอื่นๆ ที่มีอยู่ในจุดต่างๆ ซึ่งเราได้ดูอย่างรอบคอบทั้งหมดแล้ว โดยมีหลักใหญ่ว่าจะไม่เน้นการสร้างหนี้สาธารณะเพิ่มโดยไม่จำเป็น 

ผู้สื่อข่าวตั้งข้อสังเกตว่าจากผลสำรวจที่ผ่านมา พรรคประชาธิปัตย์ยังไม่อยู่ในอันดับต้นๆ "นายจุรินทร์"กล่าวว่า ในการเลือกตั้งเที่ยวหน้า มีบัตร 2 ใบ คือบัตรเลือกผู้สมัคร และบัตรเลือกพรรค ซึ่งตนมั่นใจว่าสำหรับผู้สมัครของเรา พรรคได้คัดคนที่มีคุณภาพ ศักยภาพที่ดีที่สุดยุคหนึ่ง ที่นำเสนอให้คนกรุงเทพฯ แล้ว

ส่วนพรรค เราก็มั่นใจว่าเสียงตอบรับพรรคประชาธิปัตย์ดีขึ้นเป็นลำดับ ส่วนโพลนั้นก็อยู่ที่ว่าเป็นโพลสำนักไหน และอยู่ที่การสำรวจในแต่ละช่วงเวลา ขอไม่ไปวิจารณ์โพล แต่เราก็มีความมั่นใจ จากการลงพื้นที่อย่างต่อเนื่อง ทุกเสียงได้สะท้อนมาในลักษณะใกล้เคียงกันว่า เสียงตอบรับประชาธิปัตย์ดีขึ้น 

"เรามั่นใจของเราว่าเสียงตอบรับใน กทม. ดีขึ้นเป็นลำดับ และจะต้องทำงานหนักไปจนกระทั่งวันสุดท้ายที่สามารถจะหาเสียงได้ แต่ไม่ได้จบเท่านี้ หลังจากนั้นก็ยังต้องทำต่อไป เพราะประชาธิปัตย์ กับ กทม. ผูกพันกันมายาวนาน และยามทุกข์ยามสุขเราก็ไม่เคยทิ้งคนกรุงเทพฯ ตอนโควิดมีกี่พรรคก็นับนิ้วได้ที่ลงไปช่วยดูแลคนกรุงเทพฯ ประชาธิปัตย์ก็เป็นหนึ่งในนั้นที่ทำอย่างต่อเนื่อง" นายจุรินทร์กล่าว 

พร้อมกับเพิ่มเติมเรื่องการจัดสรรผู้สมัครของพรรคทั่วประเทศว่า ตอนนี้ในเบื้องต้นได้จัดสรรไว้ครบ 400 เขตแล้ว และบัญชีรายชื่อก็ครบ 100 คนแล้ว เพียงแต่ต้องรอการทำไพรมารี ซึ่งพรรคจะทำ 3 วัน ระหว่างวันที่ 25-27 มี.ค. เมื่อผลการทำไพรมารี 77 จังหวัดจบเมื่อไหร่ และเห็นชอบผู้สมัครเขตครบ 400 คน บัญชีรายชื่อครบ 100 คน จะประกาศให้ทราบต่อไป  ดังนั้นก็ถือว่าประชาธิปัตย์พร้อมแล้ว สำหรับการลงสนามการเลือกตั้งที่จะมาถึง