"ธนาธร-ช่อ" ลุยอีสานช่วยก้าวไกลหาเสียง หั่นงบกองทัพมาสร้างรัฐสวัสดิการ 

"ธนาธร-ช่อ" ลุยอีสานช่วยก้าวไกลหาเสียง หั่นงบกองทัพมาสร้างรัฐสวัสดิการ 

"ธนาธร-พรรณิการ์" ลุยช่วยก้าวไกลหาเสียง กาฬสินธุ์-ขอนแก่น ชี้ รัฐสวัสดิการ ทางรอดเดียวสังคมไทย ออกจากวิกฤติความเหลื่อมล้ำ ย้ำทำได้ แต่ต้องกล้าตัดงบกองทัพ-นโยบายเอื้อทุนใหญ่ 

ธนาธร จึงรุ่งเรืองกิจ ประธานคณะก้าวหน้า และผู้ช่วยหาเสียงของพรรคก้าวไกล พร้อมด้วย ช่อ พรรณิการ์ วานิช กรรมการบริหารคณะก้าวหน้า และผู้ช่วยหาเสียงของพรรคก้าวไกล ร่วมกิจกรรมช่วยว่าที่ผู้สมัคร ส.ส.พรรคก้าวไกลหาเสียงในช่วงสุดสัปดาห์ 

โดยเริ่มต้นที่ จ.กาฬสินธุ์ ช่วย ชวลิต กงเพชร ว่าที่ผู้สมัคร ส.ส.เขต 1 จ.กาฬสินธุ์ และ สุพัตรา วันตุ้ม ว่าที่ผู้สมัคร ส.ส.เขต 2 จ.กาฬสินธุ์ ร่วมขบวนแห่ไปรอบเมืองกาฬสินธุ์ เปิดปราศรัยที่สวนสาธารณะกุดน้ำกิน ก่อนร่วมเดินแจกเอกสารแนะนำตัวผู้สมัครและนโยบาย และขึ้นปราศรัยร่วมกับว่าที่ผู้สมัครในทั้งสองเขตที่ตลาดโต้รุ่งกาฬสินธุ์ ส่วนวันรุ่งขึ้น ได้เดินสายต่อมายัง อ.น้ำพอง จ.ขอนแก่น ร่วมเดินหาเสียงกับ วุฒิรักษ์ แพงตาแก้ว ว่าที่ผู้สมัคร ส.ส.เขต 4 จ.ขอนแก่น ที่ตลาดน้ำพอง ก่อนร่วมเปิดเวทีปราศรัยที่วัดโพธิ์ศรีโคกสูง ต.โคกสูง อ.อุบลรัตน์ จ.ขอนแก่น

โดยเนื้อหาของการปราศรัยของธนาธรรอบนี้ เน้นย้ำถึงปัญหาสภาพทางเศรษฐกิจของประชาชนในปัจจุบัน ที่เป็นสาเหตุความจำเป็นของการมีรัฐสวัสดิการ โดยธนาธรระบุว่า ช่องว่างความเหลื่อมล้ำทางเศรษฐกิจของประเทศไทยมีแต่ห่างขึ้นทุกวัน สถานการณ์โควิดในรอบสามปีที่ผ่านมายิ่งทำให้สถานการณ์เลวร้ายลง ประชาชนหมดสิ้นความหวัง ในสถานการณ์แบบนี้สังคมไทยต้องมีรัฐสวัสดิการรองรับคนที่พ่ายแพ้ไม่ให้ถูกบดขยี้จากสภาพสังคมปัจจุบัน

 

.
ประเทศไทยวันนี้ต้องเผชิญหน้ากับปัญหาสังคมสูงวัย เด็กเกิดใหม่ลดจำนวนลงเหลือปีละ 5 แสนคน คนไม่อยากมีลูกเพราะการมีลูกมีค่าใช้จ่ายที่สูงมาก ยิ่งในสภาวะเศรษฐกิจแบบนี้ยิ่งทำให้คนมีลูกน้อยลง จะแก้ปัญหานี้ได้ต้องมีรัฐสวัสดิการเท่านั้น เพื่อเป็นกลไกให้คนยืนอยู่ในสังคมได้อย่างมั่นคง ไขว่คว้าหาความฝันในชีวิต เลือกเส้นทางชีวิตเดินได้

ธนาธรยังกล่าวต่อไป ว่าแต่ทั้งหมดจะเป็นไปไม่ได้ถ้าไม่มีเจตจำนงทางการเมืองที่แน่วแน่ ในการหางบประมาณมาสร้างรัฐสวัสดิการ เช่น การปฏิรูปกองทัพ ลดงบประมาณกองทัพที่ไม่เกี่ยวกับความมั่นคงของประเทศ ทุกวันนี้กองทัพเข้ามาทำเรื่องที่ไม่ใช่หน้าที่มากมาย ทั้งหวย มวย ม้า สนามกอล์ฟ รีสอร์ต หากเราสามารถยกเลิกธุรกิจกองทัพได้ ประเทศเราจะมีเงินประมาณคืนกลับมาได้ถึง 5 หมื่นล้านบาทต่อปี

รวมทั้งเก็บภาษีคนรวยมาดูแลคนจน เช่น ภาษีนิติบุคคลที่เรียกเก็บจากบริษัทขนาดใหญ่ ยกเลิกสิทธิ BOI ที่ให้กับบริษัทขนาดใหญ่ระดับร้อยล้านพันล้านขึ้นไป ถ้าทำสำเร็จจะได้อีก 8 พันล้านบาทต่อปี รวมถึงการเก็บภาษีความมั่งคั่ง จากคนรวยที่มีทรัพย์สินเกิน 300 ล้านบาท จะทำให้เรามีรายได้เพิ่มขึ้นอีก 6 หมื่นล้านบาทต่อปี

 


 ธนาธรกล่าวต่อไป ว่าหากเพียงสามารถดึงงบประมาณเหล่านี้ออกมาจากมือของกองทัพ ระบบราชการ และนโยบายที่เอื้อประโยชน์ให้กลุ่มทุนขนาดใหญ่ได้ การทำรัฐสวัสดิการก็ไม่ใช่เรื่องยาก เรื่องเดียวที่ยากคือการมีเจตจำนงทางการเมืองที่แน่วแน่ในการปฏิรูปกองทัพ ระบบราชการ และระบบภาษี ซึ่งประเทศไทยไม่เคยมีใครกล้าพอที่จะแก้ปัญหาเรื่องยากๆ เหล่านี้ มีแต่เพียงนโยบายปะผุไปเป็นครั้งๆ วันนี้สังคมไทยยิ่งต้องการการปฏิรูปเรื่องยากๆ แบบนี้ และวันนี้มีเพียงพรรคก้าวไกลเท่านั้นที่กล้าทำ วันนี้มีเพียงพรรคก้าวไกลพรรคเดียว ที่กล้าพูดในสิ่งที่ไม่มีใครกล้าพูดเพื่อปกป้องผลประโยชน์ของประชาชน

"พรรคก้าวไกลจะต่อสู้แทนทุกท่าน พร้อมยืนเคียงข้างผู้ถูกกดขี่ ผู้ถูกเอารัดเอาเปรียบ ผู้รักประชาธิปไตยและความเป็นธรรม นี่คือเหตุผลที่มีพรรคอนาคตใหม่ขึ้นมา และกลายมาเป็นพรรคก้าวไกลในวันนี้ ใครทึ่ได้เลือกพรรคอนาคตใหม่ปี 2562 แล้วรู้สึกว่าคุ้มมาก ผมขอบอกเลยว่าก้าวไกลปี 2566 ดีกว่าอนาคตใหม่ 2562 เสียอีก สี่ปีที่ผ่านมาพวกเราเรียนรู้เติบโต มีประสบการณ์และเข้มแข็งมากขึ้น ก้าวไกล 2566 จะเป็นการลงทุนที่คุ้มกว่าเดิมสำหรับทุกท่าน จ้างพวกเราไปปกป้องผลประโยชน์ของประชาชนด้วยการกากบาทของทุกท่าน" ธนาธรกล่าว