‘อุ๊งอิ๊ง-เศรษฐา' เปิดเกม ล้อมพิษณุโลก โค่นบ้านใหญ่ ไล่งูเห่าสีน้ำเงิน

ยุทธการตีงูเห่า “อุ๊งอิ๊ง-เศรษฐา” แพ็คคู่ นำทัพใหญ่เพื่อไทย ปิดล้อมบ้านใหญ่พิษณุโลก ที่ “เนวิน” มอบหมายดูแลเขต 1 เขต 4 ปลุกยุทธศาสตร์ 310 เสียง คว่ำเผด็จการ ลงโทษงูเห่าสีน้ำเงิน
แพทองธาร ชินวัตร และเศรษฐา ทวีสิน นำทัพเพื่อไทย บุกไปเปิดเวทีปราศรัยที่อาคารวังเป็ดร่วมใจ อ.บางระกำ จ.พิษณุโลก ในช่วงเที่ยง และเปิดเวทีปราศรัยใหญ่ที่สวนกลางเมือง อ.เมือง จ.พิษณุโลก ในช่วงเย็น วันที่ 12 มี.ค.2566
ทั้งสองเวทีของพรรคเพื่อไทย มีเป้าหมายเดียวคือ ปฏิบัติตามล่างูเห่าที่ชื่อ นิยม ช่างพินิจ อดีต ส.ส.พิษณุโลก 4 สมัย และว่าที่ผู้สมัคร ส.ส.พิษณุโลก เขต 4 พรรคภูมิใจไทย
ปัจจุบัน นิยมลาออกจากพรรคเพื่อไทย มาสังกัดพรรคภูมิใจไทย โดยเนวิน ชิดชอบ มอบหมายให้ดูแลเขต 1 (อ.เมืองพิษณุโลก) และเขต 4 (อ.บางระกำ)
ทั้งอุ๊งอิ๊ง และเศรษฐา ได้มาให้กำลังใจและให้ความมั่นใจแก่ พิมพ์พิชชา ชัยศุภกิจเจริญ เพื่อโค่น นิยม ช่างพินิจ บ้านใหญ่บ้านบางระกำ
ส่วนเขต 1 พรรคเพื่อไทย ส่งนักธุรกิจหญิง ใหม่-ณัฐทรัชต์ ชามพูนท ลูกสาว เปรมฤดี ชามพูนท นายกเทศมนตรีนครพิษณุโลก 5 สมัย ลงสนามชน ปาล์ม-บวรเดช หล้าแหล่ง เด็กปั้นของครูใหญ่เนวิน
* บ้านใหญ่บางระกำ
พิษณุโลกไม่ใช่ที่มั่นของทักษิณ จึงเป็นเหตุให้ อุ๊งอิ๊ง ต้องควง เศรษฐา มาปราศรัย เพราะมีเป้าหมายอยู่ที่บ้านใหญ่บางระกำ และสร้างกระแสแลนด์สไลด์
นิยม ช่างพินิจ เจ้าของบริษัทช่างพินิจ เอ็นจิเนียริ่ง (2539) มีฐานเสียงอยู่ใน อ.บางระกำ และ อ.บางกระทุ่ม ลงสมัคร ส.ส.พิษณุโลก เขต 4 มาตั้งปี 2548 ได้เป็น สส.มา 4 สมัยแล้ว ในสีเสื้อไทยรักไทย, พลังประชาชน และเพื่อไทย
ปลายปี 2563 นิยมส่งหลานสาว ยลดา ช่างพินิจ ลงสมัครนายก อบจ.พิษณุโลก ตอนแรกจะใช้ชื่อทีมเพื่อไทย โดนทางพรรคห้ามใช้ จึงเปลี่ยนมาเป็นทีมคนรักพิษณุโลก แต่ก็แพ้นายก อบจ.คนเก่า ได้มา 1.4 แสนคะแนน
จากนั้น นิยมก็เริ่มเหินห่างจากพรรคเพื่อไทยและเปิดตัวกับพรรคภูมิใจไทย ที่งานวันเกิดครูใหญ่เนวิน ช่วงต้นเดือน ต.ค.2565
คู่แข่งของนิยมคือ พิมพ์พิชชา ชัยศุภกิจเจริญ หรือชื่อเดิม-นามสกุลเดิม ปานทิพย์ ศุภกิจเจริญ อดีต ส.อบจ.พิษณุโลก เขต อ.บางระกำ
พิมพ์พิชชา ค่ายเพื่อไทย ที่หวังโค่น นิยม ช่างพินิจ คู่ปรับเก่า
เมื่อปี 2554 จุติ ไกรฤกษ์ แม่ทัพประชาธิปัตย์ ได้ส่งปานทิพย์ ลงสมัคร ส.ส.พิษณุโลก เขต 4 ชนกับนิยม ในสีเสื้อเพื่อไทย ปรากฏว่า นิยมได้ 43,177 คะแนน ส่วนปานทิพย์ ได้ 39,559 คะแนน
ปี 2562 พิมพ์พิชชาหรือปานทิพย์ ไม่ได้ลงสมัคร ส.ส. ฝ่ายนิยม จึงโกย 40,252 คะแนน เข้าป้ายสบายๆ ด้วยเหตุนี้ นิยมจึงมั่นในฐานเสียง ที่สั่งสมมาแต่สมัยเล่นการเมืองท้องถิ่น จนถึงระดับชาติ รวม 23 ปี
*อาถรรพ์เมืองสองแคว
เลือกตั้งปี 2566 เพื่อไทยเชื่อมั่นว่า ขายแพ็คคู่ อุ๊งอิ๊ง และเศรษฐา จะทำให้ได้เก้าอี้ ส.ส.พิษณุโลก มากกว่าเดิม และหวังถึงแลนด์สไลด์
อย่างที่บอกว่า สนามเมืองสองแคว อาจมีอาถรรพ์สำหรับทักษิณ ชินวัตร ไม่เคยชนะยกจังหวัดสักครั้ง นับแต่ยุคไทยรักไทย และเพื่อไทย
ปี 2548 ยุคทักษิณฟีเวอร์ หรือแลนด์สไลด์ไทยรักไทย ปรากฏว่า สนามพิษณุโลก พรรคไทยรักไทยได้ 4 ที่นั่ง จาก 6 ที่นั่ง โดยพรรคประชาธิปัตย์ ได้ 2 ที่นั่ง
ปี 2554 ยุคยิ่งลักษณ์ฟีเวอร์ แต่พรรคเพื่อไทย กลับตกต่ำที่เมืองสองแคว ได้ 2 ที่นั่ง จากทั้งหมด 5 ที่นั่ง ส่วนพรรคประชาธิปัตยได้ 3 ที่นั่ง
สมัยที่แล้ว ส.ส.พิษณุโลก จำนวน 5 คน มีคนหน้าใหม่ถึง 3 คน เหลือคนหน้าเก่าพรรคเพื่อไทย แค่ 2 คน และไม่มี ส.ส.สังกัดประชาธิปัตย์ แม้แต่คนเดียว
สนามเลือกตั้งพิษณุโลกปี 2566 จะเป็นการต่อสู้ที่สนุกมาก เพราะทั้งเพื่อไทย ประชาธิปัตย์ ก้าวไกล ภูมิใจไทย พลังประชารัฐ และรวมไทยสร้างชาติ ต่างทุ่มสรรพกำลังเข้าชิงเก้าอี้ ส.ส.กันอย่างเต็มที่






