ถอดรหัส โซ่ข้อกลาง "ประวิตร" ก้าวข้าม คสช. สู่พันธมิตรใหม่

ถอดรหัส โซ่ข้อกลาง "ประวิตร" ก้าวข้าม คสช. สู่พันธมิตรใหม่

"...วันนี้ พล.อ.ประวิตร เสนอตัวนำพาสังคมไทยก้าวข้ามความขัดแย้ง โดยหวังให้มีการจัดตั้งรัฐบาลผสมจากทุกขั้วสี ที่มีบิ๊กป้อมเป็นนายกรัฐมนตรี..."

นโยบายปรองดอง “ก้าวข้ามความขัดแย้ง” ของ พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ หัวหน้าพรรคพลังประชารัฐ (พปชร.) ที่ประกาศจุดยืนการเมือง ผ่านเนื้อหาในจดหมายเปิดใจเป็นตอนๆ อย่างต่อเนื่อง 

กำลังสะท้อนถึงการเอาตัวเองออกจากวงจรอำนาจเดิม และองคาพยพ คสช. ที่ส่อเค้าจะไปไม่รอด และพี่น้อง 3 ป.ได้มาถึงจุดที่อาจไปต่อทางการเมืองไม่ได้แล้ว          

จดหมายฉบับที่ 5 ล่าสุด ประเด็นเรื่อง “ก้าวสู่วิถีประชาธิปไตย” ของ พล.อ.ประวิตร ที่เผยแพร่เมื่อวันที่ 8 มี.ค. ซึ่งเนื้อหายาวไม่ต่างจาก 4 ฉบับก่อนหน้านั้น สรุปสิ่งที่ทีมงาน พล.อ.ประวิตร ต้องการนำเสนอ เพื่ออธิบายว่า ตนเองกำลังก้าวออกจากศูนย์อำนาจ 3 ป. เพราะรู้ว่า ฝ่ายอำนาจนิยม ไม่มีทางชนะฝ่ายประชาธิปไตย

จากนี้ไป พล.อ.ประวิตร จะถอดเสื้อบูรพาพยัคฆ์ทิ้ง และก้าวข้ามความขัดแย้ง สลายขั้วสี และจัดตั้งรัฐบาลปรองดอง

วาทกรรมก้าวข้ามความขัดแย้งของ พล.อ.ประวิตร ไม่ต่างจากวาทกรรมโซ่ข้อกลาง ที่นำเสนอโดย พล.อ.ชวลิต ยงใจยุทธ ในช่วงหลังเหตุการณ์พฤษภาคม 2553 ที่มีความขัดแย้งเรื่องเหลือง-แดง

พูดง่ายๆ บิ๊กป้อมพร้อมจะเป็นคนกลาง ดึงพรรคเพื่อไทยมาจับมือกับพรรคพลังประชารัฐ เหมือนบิ๊กจิ๋ว เสนอชื่อนายกฯคนกลาง เพื่อให้เกิดรัฐบาลปรองดอง

อย่างไรก็ตาม แม้สัญญาณของ “บิ๊กป้อม” พร้อมปิดฉากศูนย์อำนาจ คสช.แต่แท้จริงแล้ว แนวทางต่างจาก“บิ๊กจิ๋ว”อย่างสิ้นเชิง เพราะ“บิ๊กป้อม” มีส่วนในการฟูมฟักอำนาจพิเศษ ในนามพี่น้อง 3 ป. ส่วน“บิ๊กจิ๋ว” ทิ้งเก้าอี้ ผบ.ทบ.มาตั้งพรรคการเมือง

ประวิตร มีบุคลิกใกล้เคียงกับ ชวลิต คือ ปากหวาน ใจดีมีพวกเยอะ เป็นมือประสานสิบทิศ เหมาะสมกับระบอบการเมืองอุปถัมภ์แบบไทยๆ

พล.อ.ประวิตร เป็น ผบ.ทบ.แค่ปีเดียว ซึ่งผู้ที่ผลักดันให้ พล.อ.ประวิตร ขึ้นเป็น ผบ.ทบ. สมัยรัฐบาลไทยรักไทยนั้นคือ พล.อ.เชษฐา ฐานะจาโร รัฐมนตรีกลาโหมสมัยนั้น และได้รับไฟเขียวจากบ้านจันทร์ส่องหล้า

สมัยที่ทักษิณ ชินวัตร เป็นนายกรัฐมนตรี กองทัพกลับเข้าสู่ภาวะปกติ มีนักวิชาการบางกลุ่มเรียกทหารยุคทักษิณ เป็นทหารพาณิชย์ และทักษิณจะแต่งตั้ง ผบ.ทบ.ให้แต่ละคน อยู่ในตำแหน่งแค่ปีเดียว

หลังเกษียณอายุ พล.อ.ประวิตร ได้ปั้นมูลนิธิอนุรักษ์ป่ารอยต่อ 5 จังหวัด มีสำนักงานอยู่ภายในกรมทหารราบที่ 1 มหาดเล็กรักษาพระองค์ (ร.1.รอ.) รายชื่อคณะกรรมการมูลนิธิอนุรักษ์ป่ารอยต่อ 5 จังหวัด มีทั้งนายทหาร ข้าราชการ และพ่อค้า

บ้านป่ารอยต่อฯ กลายเป็นบูรพาพยัคฆ์คอนเนกชั่น และเซ็นต์คาเบรียลคอนเนกชั่น โดยเกี่ยวพันการเมืองไทย มาแต่สมัยรัฐบาลอภิสิทธิ์ จนมาถึงรัฐบาลประยุทธ์ยุค คสช. และรัฐบาลประยุทธ์ ยุคเลือกตั้ง

ด้วยบุคลิกสุภาพบุรุษนักเลง ใจถึงพึ่งได้ บิ๊กป้อมและบ้านป่ารอยต่อฯ จึงกลายเป็นศูนย์รวมนักเลือกตั้งทุกสายพันธุ์

ชวลิต ต่างจาก ประวิตร ในเรื่องประชาธิปไตย เพราะบิ๊กจิ๋ว ได้รับอิทธิพลความคิดลัทธิประชาธิปไตยของ ประเสริฐ ทรัพย์สุนทร เชื่อว่า ประชาธิปไตยเอาชนะเผด็จการได้ทุกรูปแบบ รวมถึงเผด็จการคอมมิวนิสต์

ปี 2533 พล.อ.ชวลิต ยงใจยุทธ ประกาศลาออกจากตำแหน่ง ผบ.ทบ. ตามที่เคยกล่าวไว้จะลาออกก่อนเกษียณอายุราชการ และลงเล่นการเมืองในนามพรรคความหวังใหม่

พล.อ.ชวลิต ประกาศจุดยืน 3 ข้อ ในการดำเนินงานทางการเมืองคือ ทำลายวงจรอุบาทว์ทางการเมืองให้หมดสิ้น สร้างประชาธิปไตยให้เกิดโดยเร็วและในเวลาอันสั้น และผลักดันให้เกิดการเลือกตั้งโดยทันที

ในวันที่ประชาชนลุกฮือคัดค้านการสืบทอดอำนาจของ รสช. และการดำรงตำแหน่งนายกรัฐมนตรี ของ พล.อ.สุจินดา คราประยูร บิ๊กจิ๋วจึงกระโจนเข้าร่วมปลุกม็อบพฤษภาคม 35

ตัดมาที่เหตุการณ์พฤษภาคม 53 ท่ามกลางวิกฤตเหลืองแดง พล.อ.ชวลิต อาสาเป็นโซ่ข้อกลาง เพื่อการปรองดอง ที่ไม่ใช่การออก พ.ร.บ.นิรโทษกรรม แต่เป็นรัฐบาลเฉพาะกาล

วันนี้ พล.อ.ประวิตร เสนอตัวนำพาสังคมไทยก้าวข้ามความขัดแย้ง โดยหวังให้มีการจัดตั้งรัฐบาลผสมจากทุกขั้วสี ที่มีบิ๊กป้อมเป็นนายกรัฐมนตรี

ถ้อยวลีเสรีนิยม อำนาจนิยม อำนาจพิเศษ ประชาธิปไตย อิลิท ฯลฯ ที่ปรากฏในจดหมายเปิดใจของบิ๊กป้อม ก็คือ กลยุทธ์หาเสียงชั้นเดียวเชิงเดียว

พล.อ.ประวิตร มิอาจลบล้างภาพอดีต ที่อยู่เบื้องหลังการปั้นน้อง 2 คน พล.อ.อนุพงษ์ เผ่าจินดา และพล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา ก้าวขึ้นสู่ผู้นำกองทัพบกไปได้

จดหมายเปิดใจของ พล.อ.ประวิตร เรื่องก้าวข้ามความขัดแย้ง จึงเป็นการเอาตัวเองออกจากวงจรอำนาจเดิมที่ส่อเค้าจะไปไม่รอด และวาระสุดท้ายของ พล.อ.ประยุทธ์ ใกล้มาถึงแล้ว ขณะที่พี่ใหญ่ 3 ป.ยังมีเส้นทางไปต่อกับพันธมิตรใหม่