ดัน"310"ซูเปอร์แลนด์สไลด์ “เพื่อไทย”รัฐบาลพรรคเดียว

ดัน"310"ซูเปอร์แลนด์สไลด์ “เพื่อไทย”รัฐบาลพรรคเดียว

น่าจับตายุทธศาสตร์ซูเปอร์แลนด์สไลด์ของเพื่อไทย ภายใต้เงาผู้มีบารมีเหนือพรรคอย่าง“ทักษิณ" จะมีทีเด็ดทีขาดอย่างไร ดันเพื่อไทยให้ทะลุถึง 310 ที่นั่ง จน“หัวขบวนอนุรักษ์นิยม”ไม่อาจปฏิเสธได้

นาทีนี้ "เพื่อไทย" มั่นใจมากขึ้นเรื่อยๆ ที่กระแสพรรคพุ่งแรงติดลมบน เนื่องจากผลโพลเกือบทุกสำนัก คะแนนนิยมอยู่ในลำดับ 1-2 ในทุกภูมิภาค ไม่ต่างจากกระแส “อุ๊งอิ๊ง” แพทองธาร ชินวัตร หัวหน้าครอบครัวเพื่อไทย ที่สวิงอยู่ในลำดับ 1-2 เช่นเดียวกัน

ผนวกกับ “อดีตขุนพล” ตั้งแต่ยุคพรรคไทยรักไทย พรรคพลังประชารัฐ จนมาถึงพรรคเพื่อไทย ทยอยกลับเข้าพรรค ยิ่งทำให้ “โทนี่” ทักษิณ ชินวัตร รวมถึงทีมยุทธศาสตร์พรรคเพื่อไทย มองทะลุเป้าแลนด์สไลด์ขึ้นไปอีกขั้น 

โดยขยับเป้าใหม่ ดันไปให้ถึง 310 ที่นั่ง เพื่อฝ่ากระแส ส.ว. โหวตแคนดิเดตนายกรัฐมนตรี ของพรรคเพื่อไทยเข้าทำเนียบฯ นายกรัฐมนตรี คนที่ 30 ได้อย่างไร้ข้อกังขา

“หมอชลน่าน” หัวหน้าพรรคเพื่อไทย เป็นตัวแทนประกาศหมุดหมายใหม่ บนเวทีประชุมใหญ่ของพรรคล่าสุด 8 มี.ค.  

หมุดหมายแรก ต้องได้ ส.ส. มากกว่า 250 ที่นั่งขึ้นไป โดยวางแนวทางเอาชนะ ส.ว. 250 คน และไม่กังวลกับอำนาจ หน้าที่ ของ ส.ว.อีกต่อไป เพราะมั่นใจว่าเพื่อไทยผ่านจุด 250 เสียงขึ้นมาแล้ว

หมุดหมายที่สอง เพื่อไทยต้องได้อำนาจจากประชาชน โดยได้ ส.ส.310 ที่นั่งขึ้นไป เพื่อกำจัด “ระบอบประยุทธ์” ให้สิ้นซาก จัดตั้งรัฐบาลเพื่อไทย ไม่มีคำว่ารักพี่เสียดายน้อง ไม่มีแบ่งคะแนน มีแต่คำว่าต้องกาเพื่อไทยสองใบเพื่อแลนด์สไลด์เท่านั้น

ก่อนที่ “แพทองธาร” ตอกย้ำเป้าหมาย 310 ที่นั่งว่า “เราอยากเป็นรัฐบาลที่เข้มแข็ง ไม่ถูกล้มได้โดย ส.ว. แต่งตั้งนายกฯโดย ส.ว. แต่นายกฯ ต้องตั้งโดยประชาชน การที่หัวหน้าพรรคประกาศ 310 เสียง เป็นเรื่องใหญ่มาก ต้องมีทั้งทีมและทุกคนต้องช่วยกันทุกจุด เราไม่สามารถทำได้เพียงคนเดียว เพราะนี่คืองานใหญ่มากๆ

หากย้อนไปดูตัวเลขประวัติศาสตร์ “พรรคตระกูลชินวัตร” ในสนามการเลือกตั้ง มีเพียงปี 2548 เท่านั้น ที่พรรคไทยรักไทย โกย ส.ส.เข้าสภาได้มากถึง 377 ที่นั่งอย่างถล่มทลาย ซึ่งต้องยอมรับว่า ในช่วงเวลาดังกล่าวความนิยม “ทักษิณ” พีคขั้นสุด และสามารถรวบรวมทุกก๊กทุกก๊วนการเมือง เข้ามาอยู่ภายใต้พรรคเดียวกันได้

สำหรับผลการเลือกตั้งของ “พรรคตระกูลชินวัตร” เมื่อเทียบกับพรรคคู่แข่ง ที่มาลำดับสอง  

เลือกตั้งปี 2544 พรรคไทยรักไทย 248 ที่นั่ง ได้ 11,634,495 คะแนน พรรคประชาธิปัตย์ 128 ที่นั่ง ได้ 11,634,495

คะแนน

เลือกตั้งปี 2548 พรรคไทยรักไทย 377 ที่นั่ง ได้ 18,993,073 คะแนน พรรคประชาธิปัตย์ 96 ที่นั่ง ได้ 7,210,742

คะแนน

เลือกตั้งปี 2551 พรรคพลังประชาชน 233 ที่นั่ง ได้ 12,338,903 คะแนน  พรรคประชาธิปัตย์ 164 ที่นั่ง ได้ 12,148,504 คะแนน

เลือกตั้งปี 2554 พรรคเพื่อไทย 265 ที่นั่ง ได้ 15,744,190 คะแนน พรรคประชาธิปัตย์ 159 ที่นั่ง ได้ 11,433,762 คะแนน

เลือกตั้งปี 2562 พรรคเพื่อไทย 136 ที่นั่ง ได้ 7,881,006 คะแนน พรรคพลังประชารัฐ 116 ที่นั่ง ได้ 8,441,274 คะแนน

สำหรับ การเลือกตั้งปี 2566 ที่พรรคเพื่อไทยคาดหวังตัวเลข ส.ส. เอาไว้ 310 ที่นั่ง แบ่งเป็น ส.ส. เขต 260 ที่นั่ง ส.ส. บัญชีรายชื่อ 50 ที่นั่ง (ต้องได้คะแนนรวมทั้งประเทศอย่างน้อย 17,500,000 เสียง) ถือเป็นการตั้งเป้าเอาไว้สูงลิบ เพื่อปลุกกระแสซูเปอร์แลนด์สไลด์

หากจะทำให้ได้อย่างหวัง โจทย์ใหญ่อยู่ที่ ส.ส.เขต 260 ที่นั่ง เมื่อคิดจำนวน ส.ส.เป็นรายภาค ตามประกาศ กกต.เรื่องบัญชีรายชื่อ ภาคและจังหวัด ปี 2566  

กรุงเทพมหานคร (กทม.) 33 ที่นั่ง (คาดหวัง 20 ที่นั่ง + ) ภาคกลาง 26 จังหวัด จะมี ส.ส. 89 ที่นั่ง (คาดหวัง 30 - 40 ที่นั่ง)

ภาคเหนือ 16 จังหวัด จะมี ส.ส. 37 ที่นั่ง (คาดหวัง 30 ที่นั่ง +) ภาคอีสาน 20 จังหวัด จะมี ส.ส. 133 (คาดหวัง 115 ที่นั่ง +) ภาคตะวันออก 8 จังหวัด จะมี ส.ส. 29 ที่นั่ง (คาดหวัง 10 ที่นั่ง +) และภาคตะวันตก 5 จังหวัด จะมี ส.ส. 19 คน (คาดหวัง 5 ที่นั่ง +) และภาคใต้ 14 จังหวัด จะมี ส.ส. 60 คน (คาดหวัง 1-2 ที่นั่ง)

เมื่อนับรวมกันทั้งหมดแล้ว จำนวน ส.ส.เขตที่เพื่อไทยวาดหวังเอาไว้ อาจไม่ง่ายที่จะดันให้ทะลุเป้า 260 ที่นั่ง เช่นเดียวกับ ส.ส.บัญชีรายชื่อ ที่เพื่อไทยต้องทำให้ได้ไม่น้อยกว่า 17,500,000 คะแนน ซึ่งมีเพียงการเลือกตั้งปี 2548 เท่านั้นที่เคยได้ 18,993,073 คะแนน ซึ่งมากกว่าเป้าที่วางเอาไว้ในครั้งนี้

น่าจับตายุทธศาสตร์ซูเปอร์แลนด์สไลด์ของเพื่อไทย ภายใต้เงาผู้มีบารมีเหนือพรรคอย่าง“ทักษิณ" จะมีทีเด็ดทีขาดอย่างไร ดันเพื่อไทยให้ทะลุถึง 310 ที่นั่ง จน“หัวขบวนอนุรักษ์นิยม”ไม่อาจปฏิเสธได้