'ชัยชนะ'อัด'ไตรรงค์'ให้ร้ายบ้านเก่าปมล็อบบี้5แสนบาทแลกตำแหน่ง กก.บห.

นายชัยชนะ เดชเดโช ส.ส.นครศรีธรรมราช รองเลขาธิการพรรคประชาธิปัตย์ กล่าวถึงกรณีที่ นายไตรรงค์ สุวรรณคีรี รองหัวหน้าพรรครวมไทยสร้างชาติ (รทสช.) ออกมาระบุว่า น.ส.วชิราภรณ์ กาญจนะ ว่าที่ผู้สมัคร ส.ส.สุราษฎร์ธานี พรรครวมไทยสร้างชาติ เล่าให้นายชุมพล กาญจนะ อดีต ส.ส.สุราษฎร์ธานี หลายสมัย และเป็นแกนนำพรรคว่า ถูกเสนอเงิน 500,000 บาท เพื่อให้ช่วยล็อบบี้คนในกลุ่มของ น.ส.วชิราภรณ์ เพื่อที่จะได้ดำรงตำแหน่งกรรมการบริหารพรรคประชาธิปัตย์ พร้อมระบุว่าอุดมการณ์ของพรรคประชาธิปัตย์ อ่อนลงไปหลังจากที่ ม.ร.ว.เสนีย์ ปราโมช ถึงแก่อสัญกรรมเมื่อปี 2540 ว่า ตนนึกไม่ถึงว่า นายไตรรงค์  ที่เคยถูกยกย่องว่าเป็นนักการเมืองคุณภาพคนหนึ่งในวงการการเมือง จะทำตัวเขาทำนองให้ร้ายบ้านเก่าเพื่อเอาใจบ้านใหม่

“ที่ผ่านมาหลังจากนายไตรรงค์ ได้ย้ายไปสังกัดพรรครทสช.แล้ว ก็ไม่ได้มีการพูดถึงพรรคประชาธิปัตย์แต่อย่างใด แต่เมื่อนายจุรินทร์ ลักษณวิศิษฏ์ หัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ระบุว่า มีพรรคการเมืองที่ไม่ได้เติบโตด้วยตนเอง แต่อาศัยตกปลาในบ่อเพื่อน ปรากฏว่า นายไตรรงค์ ออกอาการตบะแตก และแสดงพฤติกรรมไม่ต่างจากบางคนที่ออกจากพรรคประชาธิปัตย์ และไปสังกัดพรรคใหม่ คือการวาดภาพให้พรรคเดิมออกมาเลวร้าย เพื่อหวังให้ประชาชนสงสาร และตัดสินใจเลือกกลับเข้าไปทำหน้าที่ในสภาผู้แทนราษฎรอีกครั้ง”

นายชัยชนะ กล่าวต่อว่า กรณีที่นายไตรรงค์กล่าวอ้างว่า ในการเลือกกรรมการบริหารพรรคประชาธิปัตย์ มีการใช้เงินให้ได้ดำรงตำแหน่ง ตนสงสัยว่าทำไมนายไตรรงค์ ถึงเพิ่งออกมาพูด ทั้งที่เวลาล่วงเลยมานานแล้ว ดังนั้นตนขอชี้แจงว่า ยืนยันไม่มีใครเสนอให้เงินบุตรสาวนายชุมพล ถึง 500,000 บาท ซึ่งหากไตรรงค์และ น.ส.วชิราภรณ์  มีข้อเท็จจริงก็ขอให้ยืนยันมา เพราะที่ผ่านๆมา นายไตรรงค์ ก็เป็นคนพูดจามีหลักการ และหลายคน ก็ยกย่องว่าเป็นนักการเมืองน้ำดี
 

“ในช่วงหลายวันที่ผ่านมานี้ นายไตรรงค์ อาจจะพูดจาแบบไม่ทันได้ยั้งคิด จึงทำให้เกิดผลกระทบลามไปจนถึงพรรคที่ท่านสังกัดอยู่ในเวลานี้ รวมทั้ง หากไม่หลักฐานตามที่กล่าวอ้างแล้ว นายไตรรงค์ก็ทราบดีว่า คนที่ถูกพาดพิงก็มีสิทธิที่จะปกป้องตัวเองตามกฎหมายเช่นเดียวกัน”

นายชัยชนะ กล่าวต่อว่า ที่ผ่านมาตนก็ทราบว่า บางคนที่ออกจากพรรคประชาธิปัตย์ไป ก็พยายามสร้างภาพให้ประชาชนดูว่า ที่ออกจากพรรคประชาธิปัตย์ไป เพราะตัวเองถูกรังแกบ้าง ไม่ได้รับโอกาสบ้าง รวมทั้ง แกล้งทำเป็นหลงลืมเพื่อจะได้พูดจาตอบโต้พรรคที่เคยจากมาได้อย่างเต็มที่ ซึ่งพรรคประชาธิปัตย์เองก็ได้ปัญหาโดยการเปิดตัวคนใหม่ ให้มาเป็นผู้สมัครของพรรคอย่างต่อเนื่อง เปรียบเสมือนการเพาะพันธุ์ปลาตัวใหม่ โดยเสริมวัคซีนเพื่อป้องกันไม่ให้ใครมาจับปลาในบ่อไปได้อีก

รวมทั้งพยายามที่จะไม่โต้ตอบกับคนที่พูดจาในลักษณะนี้  แต่ในกรณีของนายไตรรงค์ ที่ออกมาพูดจาแบบคนหลงลืมนั้น ผมจำเป็นจะต้องชี้แจง เพราะเนื่องจากว่า การคัดเลือกกรรมการบริหารพรรคประชาธิปัตย์ มีความเป็นประชาธิปไตยสูงมากกว่า พรรคการเมืองหลายพรรค ที่เคาะกันมาล่วงหน้า และมีการเรียกประชุมไม่กี่ชั่วโมง ก็เสร็จสิ้นแล้ว แต่ในพรรคประชาธิปัตย์ กว่าจะได้กรรมการบริหารสักคนหนึ่ง ก็ต้องผ่านการกลั่นกรองและการตัดสินใจของสมาชิกซึ่งใช้เวลานาน  และนายไตรรงค์ ก็รู้กระบวนเหล่านี้เป็นอย่างดีว่า แต่ละคนที่ได้รับเลือกเป็นกรรมการบริหารฯ ก็มาจากเสียงของสมาชิกพรรค
 

“ดังนั้น ผมเชื่อว่า การที่ให้นายไตรรงค์ ออกหน้าเรื่องนี้ อาจจะเป็นไปได้ว่า หากนายชุมพลออกมาพูดเรื่องนี้เอง อาจจะไม่มีน้ำหนักพอที่จะสร้างกระแสได้ จึงได้ให้นายไตรรงค์ ซึ่งมีเครดิตความน่าเชื่อมากกว่า เป็นคนออกมาพูดแทน เพราะฉะนั้น ผมจึงอยากเรียกร้องให้ น.ส. วชิราภรณ์  นายชุมพล และนายไตรรงค์ เปิดเผยความจริงและหลักฐานมา โดยเฉพาะการที่อ้างว่า มีคนเสนอเงิน 500,000 บาท มาให้ น.ส.วชิราภรณ์  ล็อบบี้เพื่อนอีก 3 คน เพื่อให้คนนั้น ได้ตำแหน่งกรรมการบริหารพรรค น.ส.วชิราภรณ์ ก็ต้องบอกให้ได้ว่า เพื่อนอีก 3 คน คือใคร”

อีกทั้งการที่นายไตรรงค์ อ้างว่า อุดมการณ์ของพรรคอ่อนลง ไปตั้งแต่ ม.ร.ว. เสนีย์ ปราโมช ถึงแก่อสัญกรรรมไปนั้น ผมก็ต้องถามว่า ทำไมท่านถึงอยู่พรรคประชาธิปัตย์ มาจนถึงปลายปี 2565 ที่ผ่านมา เพราะผมเองก็ทราบว่า ม.ร.ว. เสนีย์ ท่านอสัญกรรมไปตั้งแต่วันที่ 28 กรกฎาคม 2540 ซึ่งในระหว่างนั้นจนถึง 25 ปี ทำไมท่านไม่คิดแก้ไข 

“ผมคิดว่าอุดมการณ์ของพรรคยังเข้มแข็งอยู่ตลอดไป แต่มีบางคนเท่านั้นที่อ่อนไหวไม่มั่นคงกับอุดมการณ์ของพรรค จนต้องแกล้งลืม และกล่าวหาเพื่อสร้างความเข้าใจผิดให้กับประชาชนในช่วงเวลาที่กำลังจะมีการเลือกตั้งที่จะถึงนี้” นายชัยชนะ กล่าว