เลขามูลนิธิรณรงค์หยุดพนัน เปิดบทเรียน “มาเก๊า 888” แนะรัฐบาลตั้งศูนย์แก้ไข

เลขามูลนิธิรณรงค์หยุดพนัน เปิดบทเรียน “มาเก๊า 888” แนะรัฐบาลตั้งศูนย์แก้ไข

“มาเก๊า 888” เอฟเฟกต์! “ธนาธร คมกฤส” เลขาฯมูลนิธิรณรงค์หยุดพนัน โพสต์บทเรียนถึงสังคมไทยเรียนรู้อะไรบ้างเกี่ยวกับเว็บพนันออนไลน์ แนะรัฐบาลควรตั้งศูนย์อำนวยการจัดการปัญหาพนัน

เมื่อวันที่ 27 ก.พ. 2566 ที่ผ่านมา นายธนากร คมกฤส เลขาธิการมูลนิธิรณรงค์หยุดพนัน โพสต์ข้อความผ่านเฟซบุ๊กแฟนเพจ มูลนิธิรณรงค์หยุดพนัน ระบุถึงประเด็น สังคมไทยน่าเรียนรู้อะไรจากกรณี “มาเก๊า888” มีรายละเอียด ดังนี้

จากกรณีการดำเนินคดีเว็บพนันที่กำลังเป็นที่สนใจของสังคมมาอย่างต่อเนื่อง "นายธนากร คมกฤส" เลขาธิการมูลนิธิรณรงค์หยุดพนัน กล่าวว่า สังคมไทยน่าเรียนรู้หลายประการจากกรณีนี้

1. ธุรกิจเว็บพนันยังอยู่ในช่วงขยายตัวอย่างต่อเนื่องตลอดหลายปีที่ผ่านมา ยังเดินทางไม่ถึงจุดอิ่มตัว ถ้าไม่โดนสกัดเสียก่อน ตั้งแต่ปี 2563 มาจนถึง 2566 พบจำนวนเว็บพนันยังคงเพิ่มเกินกว่า 100% ด้วยความถึงพร้อมในอย่างน้อย 4 ปัจจัย

  • หนึ่ง ความถึงพร้อมของฝั่งผู้บริโภคที่มีการใช้สมาร์ทโฟนกันโดยส่วนใหญ่
  • สอง ความถึงพร้อมของเครือข่ายอินเตอร์เน็ตที่ครอบคลุมและตอบสนองได้มากขึ้น
  • สาม ความถึงพร้อมของแอพพลิเคชั่นมือถือ ทั้งความเสถียร ความละเอียด และใช้งานง่าย
  • สี่ ความถึงพร้อมของการชำระเงินทางอินเตอร์เน็ตที่สะดวกมากขึ้น

2. ธุรกิจเว็บพนัน ประกอบด้วยเครือข่ายผู้กระทำการที่สลับซับซ้อน จากขาใหญ่จำนวนไม่กี่คนที่อยู่ในโครงสร้างส่วนบน เปิดโอกาสให้ผู้สนใจทำธุรกิจมาซื้อแฟรนไชส์ โดยแบ่งสัดส่วนเงินลงทุน และแบ่งความรับผิดชอบตามแต่จำนวนเงินที่ลงทุน จากขาใหญ่จึงมาสู่ขารองในลำดับต่อ ๆ มาเป็นทอด ๆ โดยบรรดาขารองทั้งหลายจะไปหาลู่ทางขยับขยายให้เกิดการแตกลูกเว็บย่อยออกไปได้อีกจำนวนมาก

ฉะนั้น จากเว็บพนันต้นสายเพียงหนึ่งเจ้าจึงสามารถแตกแขนงออกเป็นเว็บพนันย่อยได้อีกเป็นร้อย ๆ เว็บ ที่เปิดโอกาสให้ผู้อยากลงทุนเข้ามาร่วมดำเนินการ สิ่งที่ผู้ลงทุนขารองต้องไปทำต่อก็คือ จ้างโปรแกรมเมอร์มือดี ๆ เก่ง ๆ มาดูแลระบบ จ้างคนอีกจำนวนหนึ่งมาเป็นแอดมิน ที่กำลังเป็นอาชีพยอดนิยมของเยาวชนคนรุ่นใหม่จำนวนหนึ่ง ไว้คอยมาดูแลลูกค้าที่มาเข้าเล่นพนันในเว็บตน ขณะที่ในอีกด้านหนึ่ง ก็ต้องไปสร้างตลาดด้วยตนเอง หามือดีมาทำมาร์เก็ตติ้งออนไลน์ จ้างคนอีกจำนวนหนึ่งมาเป็นเอเย่นต์ทำหน้าที่เป็นคนกลางในการหาลูกค้า มีทั้งเอเย่นต์แบบร่วมลงทุนด้วยบางส่วนหรือแบบรับแค่ค่าจ้างอย่างเดียวก็ได้

นอกจากนั้นก็ไปจ้างกลุ่มผู้ทำงานด้านการสนับสนุน เช่น พริตตี้ เน็ตไอดอล อินฟลูเอ็นเซอร์ต่าง ๆ และการซื้อพื้นที่สื่อ โดยอาจใช้วิธีการลงทุนในเว็บอื่น ๆ คู่ขนานกันไปด้วย อาทิ เว็บดูหนัง ฟังเพลง แต่งรถ เว็บคำคม เว็บโป๊ต่าง ๆ เพื่อดักลูกค้าหลากหลายกลุ่ม และเป็นกุญแจนำทางมาสู่เว็บพนันของตน

3. ธุรกิจเว็บพนันเป็นที่สนใจของนักลงทุนรุ่นใหม่ โดยเฉพาะกลุ่ม Gen Y – Gen Z ที่กำลังต้องการสร้างตัวเป็น “วัยรุ่นพันล้าน” การประกอบกิจการเว็บพนันไม่ต่างกับธุรกิจอาหารเสริม ที่มีผู้พัฒนาสินค้า คือ โปรแกรมสำเร็จรูปไว้เรียบร้อยแล้ว ผู้ลงทุนเพียงแค่มาเลือกว่าจะลงทุนในสินค้าตัวไหน มีครอบครัวรวย หรือมีนายทุน มีพรรคมีพวกระดมเงินได้หลักล้าน ก็สามารถมาเปิดเว็บพนันได้ ถ้าเงินน้อยก็เปิดเว็บเล็ก เช่น ยิงปลา ถ้าเงินหนาหน่อยก็มาเปิดเว็บหวย เพิ่มเงินอีกก็มาจำพวกสล็อต บาคาร่า และพนันฟุตบอล เป็นต้น

4. เมื่อธุรกิจเว็บพนันอยู่ในพื้นที่สีเทา สร้างรายได้จากกิจการที่สกปรก จึงจำเป็นต้องหาแหล่งฟอกเงินด้วยสารพัดกลวิธี ทั้งการเปิดธุรกิจอื่นบังหน้า เต๊นท์รถ ผับบาร์ อาบอบนวด หรืออื่น ๆ การเปลี่ยนเงินเป็นทรัพย์สินมูลค่าสูง บ้าน รถ นาฬิกา พระเครื่อง รวมถึงการเอาเงินไปแปรสภาพผ่านการพนันถูกกฎหมาย เช่น การไปกว้านซื้อรางวัลจากผู้ถูกล็อตเตอรี่ เป็นต้น เราจึงพบโครงข่ายความสัมพันธ์ของผู้ประกอบธุรกิจเว็บพนันกับผู้ประกอบธุรกิจอื่น ๆ มีการให้กู้ยืมเงินหรือยักย้ายถ่ายโอนเงินลงทุนให้แก่กัน นอกจากนั้น ธุรกิจสีเทาจะอยู่ได้ย่อมต้องได้รับการคุ้มครอง เว็บพนันจึงต้องจ่ายส่วย จ่ายหุ้นให้แก่ผู้มีอิทธิพล คนมีสี และเจ้าหน้าที่รัฐ

5. เหมือนเรื่องการพนันจะมีม่านบังตารัฐบาลและเจ้าหน้าที่รัฐอยู่ในแทบทุกกรณี เฉกเช่นเดียวกับการมีบ่อนอยู่ในท้องที่แต่เจ้าหน้าที่ไม่เห็น เพราะบางเว็บพนันมีข่าวมานานเป็นหลายปี แต่ไม่เคยมีใครหรือหน่วยงานใดขยับ ครั้นพอมีการเปิดประเด็น มีคนแฉ มีสื่อช่วยนำเสนอ และอื่น ๆ ม่านจึงเปิดออก การยอมรับความจริงจึงค่อย ๆ เกิดขึ้น การทำหน้าที่ของฝ่ายที่สาม (third party) จึงมีความสำคัญ อย่างไรก็ดีการดำเนินคดีก็ใช้เวลาเป็นภาพยนตร์ซีรีส์ที่มีหลายตอน หลายซีซั่น ไม่สามารถจบได้ในตอนเดียว หรือสองสามตอน และไม่แน่ใจด้วยว่าจะมีการดัดแปลงแก้ไขบท หรือเปลี่ยนตัวแสดงในระหว่างทางด้วยหรือไม่

6. กฎหมายและหน่วยงานที่เกี่ยวข้องไม่มีประสิทธิภาพเพียงพอในการจัดการเว็บพนัน พ.ร.บ.การพนัน เป็นกฎหมายเก่ามาก บางมาตราล้าหลัง ไม่สอดคล้องกับรูปแบบการพนันที่เปลี่ยนไป และมีความสลับซับซ้อนมากขึ้น ส่วนพ.ร.บ.คอมพิวเตอร์ก็ไม่ได้ถูกออกแบบให้ใช้กับกรณีปัญหาการพนันโดยตรง มีขั้นตอนที่ล่าช้า ไม่ทันการณ์ เช่นเดียวกับพ.ร.บ.ป้องกันและปราบปรามการฟอกเงิน ขณะที่เจ้าหน้าที่ตำรวจดี ๆ ที่ทำหน้าที่จริงจัง ก็ต้องเผชิญกับอุปสรรคและข้อจำกัดหลายประการในการจะจัดการกับเว็บพนัน ทั้งปัญหาในการรวมรวมพยานหลักฐานทางอิเล็กทรอนิกส์ที่ทำได้ยาก การฝ่าด่านบัญชีม้าเพื่อเสาะหาผู้กระทำผิดจริง รวมถึงปัญหาเรื่องที่ตั้งของบางเว็บพนันที่อยู่ในต่างประเทศ การมีกฎหมายหลายฉบับที่ขึ้นอยู่กับหลายหน่วยงาน จึงต้องการการทำงานเป็นทีมอย่างเข้าขากัน มิฉะนั้นจะยิ่งกลายเป็นอุปสรรค

7. มีความสับสนปนเปกันระหว่างการกระทำผิดเป็นรายบุคคลของเจ้าหน้าที่รัฐบางคน กับความไร้ประสิทธิภาพของกฎหมายและหน่วยงานจัดการปัญหา ซึ่งต้องแยกแยะให้ออก การกระทำผิดเป็นเรื่องหนึ่ง เอามาใช้ปฏิเสธความไร้ประสิทธิภาพของระบบการจัดการปัญหาไม่ได้ ฝ่ายที่เกี่ยวข้องต้องยอมรับความเป็นจริง นี่เป็นเพียงการทดลองถอดบทเรียนอย่างเร็ว ๆ และน่าติดตามตอนต่อไปเรื่อย ๆ ว่าจะลงเอยอย่างไร”

เลขาธิการมูลนิธิรณรงค์หยุดพนัน ยังระบุเพิ่มเติมเสนอว่า รัฐบาลควรตั้งศูนย์อำนวยการจัดการปัญหาพนัน เนื่องจากสถานการณ์พนันในสังคมไทยปัจจุบัน ใหญ่มากกว่าที่เห็นและเป็นข่าวอยู่ ปรากฎการณ์เว็บพนันออนไลน์ที่ถูกเปิดโปง เป็นเพียงปลายยอดภูเขาน้ำแข็งที่โผล่พ้นน้ำเท่านั้น

หากมองเฉพาะที่พนันออนไลน์  เชื่อได้ว่า ณ ขณะนี้ธุรกิจเว็บพนันออนไลน์ยังไม่ได้เติบโตถึงจุดพีคสุด  พวกเขายังเพียงอยู่ในระยะขยายตัวเท่านั้น ยังจะไปต่อได้อีกไกล ถ้าไม่ถูกใครสกัดไว้เสียก่อน   

ผลการมอนิเตอร์ของฝายที่ทำงานเฝ้าระวังการขยายตัวของพนันออนไลน์  พบว่าจำนวนของเว็บพนันยังคงเพิ่มขึ้นมาอย่างต่อเนื่องเกินกว่า 100%  ตั้งแต่ปี 2563 มาจนถึง 2566 อาจตั้งข้อสันนิษฐานได้สักสามข้อว่าทำไมเว็บพนันจึงโตได้ไม่หยุด

หนึ่ง อาจเป็นเพราะว่า “เว็บพนันเมื่อถูกปิด ก็เปิดใหม่ได้ในเวลาอันรวดเร็ว” เป็นที่รู้กันอยู่ในวงการว่า พวกนี้มักจะมีการสร้างเว็บสำรองไว้รองรับสถานการณ์อยู่แล้ว หากวันใดถูกปิด ก็สามารถยักย้ายถ่ายโอนลูกค้าและการดำเนินกิจการไปยังเว็บสำรองได้ทันที

สอง อาจเป็นเพราะว่า “มีผู้ประกอบการเว็บพนันหน้าใหม่เข้ามาเติมในตลาดอยู่เรื่อย ๆ”  

การประกอบกิจการเว็บพนันไม่ต่างกับธุรกิจอาหารเสริม คือ มีผู้พัฒนาสินค้าไว้สำเร็จเรียบร้อยแล้ว ผู้ลงทุนเพียงแค่มาเลือกว่าจะลงทุนในสินค้าตัวไหน ถ้าเงินน้อยก็เปิดเว็บเล็ก เช่น ยิงปลา ถ้าเงินหนาหน่อยก็มาเปิดเว็บหวย เพิ่มเงินอีกก็มาจำพวกสล็อต บาคาร่า และพนันฟุตบอล เป็นต้น   สิ่งที่ผู้ลงทุนต้องไปทำต่อก็คือไปสร้างตลาดด้วยตนเอง จ้างมือดี ๆ เก่ง ๆ มาทำมาร์เก็ตติ้งออนไลน์  เพื่อสร้างลูกค้าขึ้นมา

ที่น่าสังเกตคือ จำนวนหนึ่งของผู้มาลงทุนเปิดเว็บพนัน เป็นนักพนันมาก่อน เป็นคนรุ่นใหม่ที่เติบโตมาในยุคที่เทคโนโลยีการสื่อสารเฟื่องฟู  เรียนรู้ชีวิตของบุคคลต้นแบบที่มีสีเกรย์ ๆ  ทำธุรกิจออนไลน์  เทานิด ๆ ผิดกฎหมายหน่อย ๆ ไม่เป็นไร ขอให้รวยเร็วก็แล้วกัน   เมื่อมีวิชาที่กล้าแกร่งพอ มีพ่อหรือมีพรรคมีพวกที่พอมีตังค์  ระดมเงินได้หลักล้าน ก็มาเปิดเว็บพนันได้     

ไม่น่าแปลกใจที่ปัจจุบันนี้เราจะพบ “ซีอีโอเกรย์เจเนอเรชั่น” อายุระหว่างเบญจเพสถึงสี่สิบหน่อย ๆ และกำลังกลายเป็นตัวแบบคนอายุน้อยร้อยล้าน วัยรุ่นสร้างตัว ให้น้อง ๆ รุ่นหลังเจริญรอยตาม

สาม เป็นไปได้หรือไม่ว่า “เราใช้ไม้กวาดที่สกปรกมากวาดบ้าน บ้านเราเลยไม่สะอาดสักที” เพราะเป็นที่รู้กันอยู่และก็กำลังพบเห็นเป็นข่าวอยู่มาก คือ หน่วยงานที่รับผิดชอบในการกวาดล้างปราบปราม เช่น ตำรวจ กลับมีส่วนเกี่ยวข้องกับการกระทำผิดเสียเอง  บ้างเรียกรับส่วย บ้างเป็นหุ้นส่วน บ้างเป็นเจ้าของเว็บพนันด้วยตัวเอง  

ข่าวว่าปัจจุบันหน่วยงานตำรวจที่เกี่ยวข้องกับการปราบอาชญากรรมออนไลน์ กลายเป็นที่ ๆ ตำรวจหลายรายที่คิดทุจริตอยากมาอยู่  เพราะพื้นที่ทำมาหากินมันกว้างใหญ่ไพศาลมากกว่าตำรวจท้องที่มากนัก จับไปตรงไหนก็เจอการกระทำผิด  ขายของเถื่อน บุหรี่ไฟฟ้า ค้ากาม เว็บพนัน และอื่น ๆ  ที่ล้วนสามารถเรียกค่ารายเดือนได้แบบสบาย ๆ

แล้วอย่างนี้จะไว้เนื้อเชื่อใจให้มาทำความสะอาดกวาดถูบ้านให้เราได้อย่างไร สังคมไทยเคยหวังกับการปฎิรูปตำรวจ แต่ตอนนี้ดูจะไร้ความหวังไปเสียแล้ว เพราะไม่เห็นแววอะไร

ต้องไม่ลืมด้วยว่า จักรวาลของการพนันไม่ได้อยู่ที่ออนไลน์เพียงเท่านั้น  พนันในพื้นที่ดั้งเดิมล้วนยังคงตั้งอยู่โดยแทบไม่เคยดับไป   บ่อนที่โน่นบ่อนที่นี่ ที่ชาวบ้านร้านตลาดล้วนรู้ดีว่าอยู่ที่ไหน  โต๊ะรับแทงพนันฟุตบอล   เจ้ามือหวยรายย่อยไปจนถึงรายใหญ่  เครือข่ายพนันในงานเทศกาลรื่นเริงหรืองานบุญประเพณี  และพนันอื่น ๆ อีกมากมาย  ล้วนยังคงดำรงคงอยู่ งานนี้น่าจะใหญ่เกินกว่าจะฝากบ้านไว้กับตำรวจแล้วกระมัง

มีโมเดลหนึ่งของการจัดการบางปัญหาที่ถูกนำมาใช้ในห้วงยามที่ยังหาใครมาเป็นเจ้าภาพที่ไว้วางใจได้ นั่นคือ การตั้งศูนย์อำนวยการจัดการปัญหาเรื่องนั้น ๆ ขึ้นมา   ตัวอย่างเช่น เมื่อ 20 กว่าปีก่อนที่สถิติอุบัติเหตุทางถนนบ้านเราพุ่งกระฉูด คนบาดเจ็บล้มตายในเจ็ดวันอันตรายมากกว่าคนตายในพื้นที่สงคราม

รัฐบาลจึงตั้ง “ศูนย์อำนวยการความปลอดภัยทางถนน” ขึ้นมา โดยออกระเบียบสำนักนายกรัฐมนตรี ไม่ต้องรอออกเป็นกฎหมาย ซึ่งจะใช้เวลามาก ในเมื่อเป็นภารกิจเร่งด่วนก็ต้องเลือกใช้วิธีที่เร็ว แต่รอบคอบ  โดยให้งานนี้มาอยู่ under การกำกับดูแลของนายกรัฐมนตรี  ตั้งบอร์ดนโยบายการป้องกันและลดอุบัติเหตุทางถนนแห่งชาติ มีนายกรัฐมนตรีหรือรองฯที่รับมอบหมายเป็นประธาน  ที่สำคัญคือ มีการตั้ง “ศูนย์อำนวยการความปลอดภัยทางถนน” ขึ้นมา ให้เป็นศูนย์ที่ดึงเอางานของหลายหน่วยงานที่เกี่ยวข้องเข้ามาไว้ด้วยกัน   

ถ้ายกกรณีตัวอย่างปัญหาการพนัน รัฐบาลอาจตั้งเป็น “ศูนย์อำนวยการจัดการปัญหาพนัน” (ศอ.จพ.) ให้เป็นศูนย์การมาทำงานร่วมกันของฝ่ายมหาดไทย ฝ่ายการพัฒนาสังคมฯ ฝ่ายสาธารณสุข ฝ่ายการศึกษา ฝ่ายแรงงาน  กสทช. ตำรวจ ดีเอสไอ ดีอีเอส ปปง.  รวมทั้ง สสส.และเครือข่ายภาคประชาสังคมที่เกี่ยวข้อง  และผู้ทรงคุณวุฒิ เข้ามามีส่วนร่วมด้วย

เจตนาสำคัญ คือ เพื่อให้เกิดการใช้อำนาจร่วมกันของหลากหลายฝ่าย ที่ไม่ใช่เพียงเฉพาะตำรวจหรือฝ่ายปกครองเท่านั้น เพราะพิสูจน์มาแล้วว่าแก้ปัญหาไม่ได้ แถมยังเข้าไปเป็นผู้สร้างปัญหาเสียเองด้วย  จึงควรมีหน่วยงานที่อยู่เหนือขึ้นมาคอยกำกับ ติดตามประเมิน ให้คำปรึกษาชี้แนะต่อภาคปฏิบัติ และนำเสนอแนวทางการแก้ปัญหาต่อรัฐบาล

ศูนย์นี้ไม่มีความจำเป็นต้องอยู่ถาวร ควรอยู่เพียงระยะหนึ่งเพื่อทำการศึกษาและขึ้นรูปหน่วยงานที่จะมาเป็น “เจ้าภาพ” ของปัญหาการพนันในระยะยาว    เจ้าภาพที่น่าเชื่อถือและไว้วางใจได้ว่าจะทำให้บ้านเรือนสะอาดขึ้นกว่าที่เคย พรรคการเมืองต่าง ๆ ที่กำลังเสนอนโยบาย “เศรษฐกิจสีเทา” ควรพิจารณาเรื่องนี้ดู  การเอาพนันขึ้นมาบนดิน โดยตอบไม่ได้ว่าจะให้ใครดูแลที่ไว้เนื้อเชื่อใจได้  ก็ไม่พ้นเป็นการเตะหมูเข้าปากหมาอีก