ศาล ปค.สูงสุดชี้ “อดีตปลัด กทม.” ไม่ต้องชดใช้ 429 ล.คดีจัดซื้อรถเรือดับเพลิง

เมื่อวันที่ 24 ก.พ. 2566 ผู้สื่อข่าวรายงานว่า สำนักงานศาลปกครองเผยแพร่คำพิพากษาของศาลปกครองสูงสุด คดีหมายเลขดำที่ อผ.468/2562 หมายเลขแดงที่ อผ.39/2566 เมื่อวันที่ 15 ก.พ. 2566 ที่ผ่านมา ระหว่างคุณหญิงณัษฐนนท หรือณฐนนท ทวีสิน อดีตปลัดกรุงเทพมหานคร (ปลัด กทม.) ยื่นขอเพิกถอนคำสั่งกรุงเทพมหานคร (กทม.) ที่ให้ชดใช้ค่าสินไหมทดแทน เป็นเงินจำนวน 429,977,904.46 บาท โดยมี กทม. ผู้ว่าฯ กทม. และ รมว.มหาดไทย เป็นผู้ถูกฟ้องคดีที่ 1-3 จากกรณีที่ถูกกล่าวหาว่าเมื่อครั้งดำรงตำแหน่งปลัด กทม. กระทำความผิดฐานทุจริตต่อหน้าที่เกี่ยวกับการจัดซื้อรถและเรือดับเพลิงพร้อมอุปกรณ์บรรเทาสาธารณภัย ทำให้มีการจัดซื้อในราคาที่สูงเกินความเป็นจริงก่อให้เกิดความเสียหายแก่ราชการ หรือ “คดีจัดซื้อรถเรือดับเพลิง”

โดยศาลปกครองสูงสุด เห็นว่า เมื่อข้อเท็จจริงรับฟังได้ว่า ขณะที่คุณหญิงณัษฐนนท ดำรงตำแหน่งปลัด กทม. ยังไม่มีข้อยุติว่า กทม.จะได้รับความเสียหายจากการดำเนินโครงการจัดซื้อรถเรือดับเพลิงดังกล่าวหรือไม่ และคุณหญิงณัษฐนนท เกษียณอายุราชการเมื่อวันที่ 1 ต.ค. 2549 ก่อนที่ประธานกรรมการ ป.ป.ช. จะมีมีหนังสือถึง กทม. แจ้งว่า คณะกรรมการ ป.ป.ช.พิจารณาแล้วเห็นว่า โครงการจัดซื้อรถเรือดับเพลิงดังกล่าว เป็นการจัดซื้อราคาสูงเกินกว่าความเป็นจริง ก่อให้เกิดความเสียหายแก่ทางราชการ

อีกทั้งนายอภิรักษ์ โกษะโยธิน เมื่อครั้งเป็นผู้ว่าฯ กทม. ต่อจากนายสมัคร สุนทรเวช (เสียชีวิตแล้ว) ได้ชี้แจงข้อเท็จจริงต่อคณะกรรมการสอบข้อเท็จจริงความรับผิดทางละเมิด ตามหนังสือลงวันที่ 5 ส.ค. 2553 ว่า กทม. ดำเนินการขอผ่อนผันเพื่อขอยกเว้นภาษีศุลกากร และภาษีมูลค่าเพิ่มจากกรมศุลกากร เนื่องจากเป็นการจัดซื้อตามโครงการที่รับโอนภารกิจจากสำนักงานตำรวจแห่งชาติ (ตร.) ซึ่งได้รับการยกเว้นภาษีมาตลอด ปัจจุบันอยู่ในระหว่างดำเนินการขออนุมัติยกเว้นภาษีจากกระทรวงการคลัง แสดงให้เห็นว่า กทม.ดำเนินการขออนุมัติขอผ่อนผันยกเว้นภาษีในระหว่างการตรวจสอบเรื่องดังกล่าว

ดังนั้นขณะที่คุณหญิงณัษฐนนท ดำรงตำแหน่งปลัด กทม. จึงยังไม่อาจสั่งตรวจสอบเรื่องที่ กทม.ต้องรับภาระในการเสียภาษีดังกล่าว คุณหญิงณัษฐนนทจึงไม่ได้เป็นสาเหตุให้ กทม.ไม่สามารถนำรถดับเพลิงออกจากท่าเรือแหลมฉบัง และต้องมีข้อพิพาทกับกรมศุลกากรแต่อย่างใด

พฤติการณ์กระทำของคุณหญิงณัษฐนนท จึงไม่ใช่เป็นการปฏิบัติหน้าที่โดยความประมาทเลินเล่ออย่างร้ายแรง เป็นเหตุให้ กทม. ได้รับความเสียหาย จึงไม่ได้เป็นการกระทำละเมิดต่อ กทม. ตามมาตรา 420 แห่งประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ คุณหญิงณัษฐนนทจึงไม่ต้องรับผิดชดใช้ค่าสินไหมทดแทนแก่ กทม. ตามมาตรา 8 ประกอบมาตรา 10 แห่ง พ.ร.บ.ความรับผิดทางละเมิดของเจ้าหน้าที่ พ.ศ. 2543

ดังนั้น คำสั่ง กทม.ที่ 1036/2557 ลงวันที่ 21 มี.ค. 2557 ที่ให้คุณหญิงณัษฐนนท ชดใช้ค่าสินไหมทดแทนเป็นเงินจำนวน 429,977,904.46 บาท จึงเป็นคำสั่งที่ไม่ชอบด้วยกฎหมาย และการที่ต่อมาคุณหญิงณัษฐนนท มีหนังสือลงวันที่ 9 เม.ย. 2557 ถึงผู้ว่าฯ กทม. (ขณะนั้นปี 2557) อุทธรณ์คำสั่งที่ให้ชดใช้ค่าสินไหมดังกล่าว และผู้ว่าฯ กทม.ขณะนั้นมีหนังสือแจ้งผลการพิจารณาอุทธรณ์ให้ทราบว่า รมว.มหาดไทย (ขณะนั้น) ได้มีคำสั่งยกอุทธรณ์คำขออุทธรณ์ของคุณหญิงณัษฐนนท ซึ่งถือเป็นการรับรองหรือยืนยันความถูกต้องของคำสั่งผู้ว่าฯ กทม.ที่ให้คุณหญิงณัษฐนนทชดใช้ค่าสินไหมทดแทน คำวินิจฉัยอุทธรณ์ของ รมว.มหาดไทย จึงไม่ชอบด้วยกฎหมายเช่นกัน อุทธรณ์ของ กทม. ผู้ว่าฯ กทม. และ รมว.มหาดไทย ผู้ถูกฟ้องคดีที่ 1-3 ฟังไม่ขึ้น

การที่ศาลปกครองชั้นต้นพิพากษาเพิกถอนคำสั่งผู้ว่าฯ กทม. ตามคำสั่ง กทม.ที่ให้คุณหญิงณัษฐนนท ชดใช้ค่าสินไหมดังกล่าวแก่ กทม. และเพิกถอนคำสั่งยกอุทธณณ์ของ รมว.มหาดไทย โดยให้มีผลย้อนหลังไปตั้งแต่วันที่มีคำสั่งดังกล่าวนั้น ศาลปกครองสูงสุดเห็นชอบด้วย พิพากษายืน

อ่านคำพิพากษาฉบับเต็ม: https://drive.google.com/file/d/1AQ2wAMXNyiXrGuvfjmvdDNUeJi_JgPPy/view