“พิธา”เปิดใจ เคลียร์ “ปิยบุตร” ถอยคนละก้าว ความสัมพันธ์กลับมา 1,000%

“พิธา”เปิดใจ เคลียร์ “ปิยบุตร” ถอยคนละก้าว ความสัมพันธ์กลับมา 1,000%

“พิธา” ยันเคลียร์ “ปิยบุตร” สัมพันธ์กลับมา 1,000% ยืนยันว่าไม่ใช่การขัดขาแต่เป็นการถอยกันคนละก้าวเพื่อก้าวกระโดด ยันจะไม่มีโต้เถียงผ่านโซเชียลอีก เชื่อสมาชิกฮึกเหิมพร้อมสู้ศึกเลือกตั้ง

ที่รัฐสภา นายพิธา ลิ้มเจริญรัตน์ หัวหน้าพรรคก้าวไกล ให้สัมภาษณ์ถึงปมขัดแย้ง กับนายปิยบุตร แสงกนกกุล เลขาธิการคณะก้าวหน้า ว่า สาเหตุหลักเกิดจาก มีเรื่องที่ไม่เข้าใจกัน และเป็นการถอยเพื่อก้าวกระโดด และเมื่อมีการปรับความเข้าใจกันก็สามารถทำงานเดินต่อไปได้ ในเวลาที่เหลือเพื่อสู้ศึกเลือกตั้งอย่างเต็มที่ แน่นอนว่าทุกพรรคการเมืองก็ต้องมีความเข้าใจที่ไม่ตรงกันบ้าง ในที่สุดก็จะสามารถปรับความเข้าใจกันได้ เชื่อว่าจากนี้จะทำให้พรรคก้าวไกลสู้ศึกได้แบบก้าวกระโดด 

ส่วนเนื้อหาที่นายปิยบุตร โพสต์ข้อความเนื้อหาค่อนข้างรุนแรง ได้ชี้แจงกับลูกพรรคอย่างไร นายพิธา กล่าวว่า เป็นความเข้าใจผิด แต่พอได้พูดคุยกันแล้วก็เข้าใจกัน ที่เหลือก็ไม่มีอะไร สามารถทำงานต่อไปได้

เนื้อหาส่วนใหญ่เหมือนความคาดหวังของนายปิยบุตร ไม่ตรงกับการทำงานของพรรคก้าวไกลนั้น ไม่ใช่เฉพาะเรื่องของนายปิยบุตรอย่างเดียว เพราะพอยุบพรรคอนาคตใหม่ กรรมการบริหารพรรคก็ไม่สามารถทำในสิ่งที่อยากทำได้ และมีกฎหมายข้อห้าม เรื่องการครอบงำทางการเมือง ซึ่งเป็นเรื่องที่ไม่เข้าใจ และได้ปรับความเข้าใจกันแล้ว  ถือเป็นสิ่งที่ได้เรียนรู้และเติบโตไปด้วยกัน

ส่วนจะมีผลต่อสนามเลือกตั้งหรือไม่นั้น เมื่อตนและนายปิยบุตรได้ปรับความเข้าใจกันแล้ว ก็ทำให้ทีมงานเห็นภาพที่มีความเข้าใจกัน มีความฮึกเหิม เมื่อคืนนี้เทียบเท่ากับสปิริตอนาคตใหม่กลับมาซึ่งอาจจะดูเหมือนว่ามีการขัดขากันหรือเปล่า ขอยืนยันว่าไม่ใช่การขัดขาแต่เป็นการถอยกันมาคนละก้าวเพื่อที่จะก้าวกระโดด สิ่งที่เกิดขึ้นตอนนี้เวลาที่เหลืออยู่ยังทัน ที่จะเรียกความเชื่อมั่นให้ประชาชน และใช้โอกาสนี้ในการขอบคุณทุกคนที่เป็นตัวเชื่อม อยากเห็นความเป็นปึกแผ่นของพรรคก้าวไกล ให้เราทั้งสองคนได้มีโอกาสพูดคุยกัน โดยคนที่เป็นตัวเชื่อมก็คือประชาชน

เมื่อผู้สื่อข่าวถามว่าความรู้สึกก่อนโพสต์ข้อความถึงนายปิยบุตร เหนื่อยท้อหรือไม่ นายพิธา กล่าวว่า ไม่มีเหนื่อย ไม่มีท้อ เพราะตั้งใจจะไปสู่เป้าหมายเดียวกันให้ได้ด้วยการลงพื้นที่อย่างหนัก และได้รับการตอบรับที่ดี ซึ่งถ้าทำงานอย่างมีสมาธิดีที่สุด สุดท้ายก็จะเป็นประโยชน์กับการทำงานของพรรคก้าวไกล โดยเฉพาะเมื่อได้ปรับความเข้าใจ เรียนรู้บทเรียนกันแล้ว สิ่งที่จะแตกต่างจากในอดีต คือการทำงานที่เข้มข้นมากขึ้น มีสมาธิมากขึ้น และถ้าหากมีปัญหาอะไรที่ไม่ตรงกันอีกในอนาคตก็จะพูดคุยกันอย่างฉันมิตร และไม่ต้องบอกผ่านสื่อมวลชนหรือโซเชียลมีเดียอีกต่อไป ย้ำว่านี่ไม่ใช่การครอบงำ แต่หากอะไรที่เห็นไม่ตรงกันก็สามารถพูดคุยกัน เป็นเพื่อนร่วมงานได้ 

ทั้งนี้ นายพิธา ยังกล่าวว่า ปมปัญหาที่เกิดขึ้นเกิดจากการทำงานเล็กๆน้อยๆ หลายเรื่องรวมกัน ไม่ได้มีอะไรมากไปกว่านั้น ซึ่งการที่นายปิยบุตร ถูกตัดสิทธิ์ก็ไม่สามารถที่จะมาครอบงำได้และตนก็เป็นตัวของตัวเองในวิธีคิด 

ส่วนที่มีการมองว่าเป็นการสร้างความขัดแย้งเพื่อเรียกเรตติ้งใกล้ช่วงเลือกตั้งหรือไม่ นายพิธา ยืนยันว่า เป็นไปไม่ได้ พรรคเรามีวุฒิภาวะพอที่จะหาเสียง และทำงาน แต่บางครั้งเมื่อมีความไม่เข้าใจกัน และโอกาสในการพูดคุยกันมีน้อย จึงมีการสื่อสารผ่านโซเชียลมีเดีย ซึ่งตรงนี้ขอยืนยันกับประชาชนอีกครั้ง ว่าจะไม่เกิดขึ้น

ย้ำว่าตอนนี้สปิริตของพรรคอนาคตใหม่กลับมา คนอื่นอาจจะดูว่าสะดุดหรือเปล่า ถอยหรือไม่ แต่การที่จะกระโดดให้ไกล เราต้องถอยกลับมาหนึ่งก้าวก่อน เมื่อทุกสิ่งทุกอย่างที่สะสมและปะทุออกมา ได้ทำความเข้าใจกันก็ระลึกถึงสิ่งที่เรามาเป็นนักการเมือง และตั้งพรรคการเมืองทำไม มันชัดเจนมากขึ้น ทำให้เรามีพลังมากขึ้น และใช้พลังนี้ต่อยอดไปจนถึงวันเลือกตั้งให้ได้

สำหรับนายปิยบุตร และนายธนาธรจึงรุ่งเรืองกิจ จะมาร่วมลงพื้นที่ช่วยพรรคก้าวไกลหาเสียงด้วยหรือไม่ นายพิธา กล่าวว่า ต้องดูก่อนเพราะตามกฏหมายสามารถมาเป็นผู้ช่วยหาเสียงได้ ซึ่งทั้งคู่พร้อมที่จะสนับสนุนพรรคก้าวไกล พร้อมย้ำว่า ต้องทำให้ชัดเจนด้วยการแจ้งความประสงค์ไปยัง กกต. เพื่อลงรายชื่อให้เป็นผู้ช่วยหาเสียง เหมือนสมัยกับการเลือกตั้งผู้ว่าฯ กทม. 

ส่วนบทบาท และอิทธิพลของอดีตแกนนำพรรคอนาคตใหม่ ต่อพรรคก้าวไกล มีมากน้อยแค่ไหน นายพิธา ยอมรับว่า มีเรื่องอุดมการณ์ความคิดที่แชร์ร่วมกันมา ตั้งแต่เริ่มก่อตั้งพรรคอนาคตใหม่ ส่วนเรื่องบริหารจัดการ การคัดเลือกตัวว่าที่ ผู้สมัคร ส.ส. และนโยบาย เป็นอำนาจของกรรมการบริหารพรรคก้าวไกล 

เมื่อถามว่า จากนี้นายปิยบุตรยังสามารถวิพากษ์วิจารณ์พรรคก้าวไกลผ่านทางโซเชียลมีเดียได้อีกหรือไม่ นายพิธา กล่าวว่า เท่าที่คุยกันการวิพากษ์วิจารณ์ การถกเถียงถือเป็นเรื่องธรรมดา ส่วนตนเองก็ถูกวิพากษ์วิจารณ์มาตลอดเพราะเป็นบุคคลสาธารณะที่หลีกเลี่ยงไม่ได้ แต่ในขณะเดียวกันหากกลายเป็นเรื่องที่ออกไปข้างนอก และไม่สามารถควบคุมได้ ก็ตกลงกันว่าจะยังคงวิพากษ์วิจารณ์ ถกกันเหมือนเดิม แต่จะไม่ให้กระทบกับสมาชิกพรรค และประชาชนเหมือนครั้งที่ผ่านมา ย้ำว่านี่จะเป็นครั้งสุดท้าย 

เมื่อถามว่าความสัมพันธ์กับนายปิยะบุตรตอนนี้ 100%หรือไม่ นายพิธา ยิ้มและกล่าวว่า 1000%