แกะรอย "ปิยบุตร" รบ "พิธา" ก่อนเคลียร์ใจซุกปมใต้พรม

แม้ล่าสุด "ปิยบุตร-พิธา" จะออกมาโชว์ภาพเคลียร์ใจกันแล้ว แต่ปมปัญหาแค่ถูกซุกไว้ใต้พรม แนวร่วมของ "ปิยบุตร" ยังยืนอยู่ฝั่งตรงข้าม "พิธา" แนวรบของ "พิธา" ยังกีดกั้น "ปิยบุตร" รอยแผลที่เกิดขึ้นอาจจะพยายามจะลบให้จางลง แต่ไม่มีวันจะลบให้เลือนหายไปได้
ก่อนการเลือกตั้งปี 2562 ธนาธร จึงรุ่งเรืองกิจ ปิยบุตร แสงกนกกุล มีความฝันที่จะตั้งพรรคการเมืองของคนรุ่นใหม่ จึงเดินสายขอคำแนะนำจากผู้มากประสบการณ์ในหลากหลายแวดวง เมื่อตกผลึกร่วมกัน จึงเปิดฉาก พรรคอนาคตใหม่ เพื่อเป็นความหวังของสังคม
ด้วยความสด ความใหม่ ทำให้เป็นแรงบวก สปอตไลท์ทางการเมืองจับจ้องไปที่ “ธนาธร-ปิยบุตร” ผนวกกับแนวคิดใหม่ๆ วิธีการใหม่ๆ เป็นแรงขับเคลื่อนให้พรรคอนาคตใหม่กวาด ส.ส.เข้าสภามากถึง 81 ที่นั่ง มีเสียงสนับสนุน 6,330,617 เสียง
พรรคอนาคตใหม่ โตเร็วเกินกว่าจะคอนโทรล แถมแนวคิดของทั้งสองคนถูกฝ่ายตรงข้ามมองว่าเป็นอันตรายต่อ “ขั้วอนุรักษ์นิยม” จึงมีข้อครหามากมายถาโถมเข้าใส่ “ธนาธร-ปิยบุตร” และพรรคอนาคตใหม่อย่างต่อเนื่อง
เมื่อปมพรรคอนาคตใหม่กู้เงิน “ธนาธร” ด้วยการทำสัญญา 2 ฉบับ รวมวงเงิน 191.2 ล้านบาท ถูกคณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) ยื่นคำร้องให้ศาลรัฐธรรมนูญวินิจฉัยยุบพรรคอนาคตใหม่ จึงเข้าทางขั้วอนุรักษ์นิยม มองโอกาสตัดไฟแต่ต้นลม กระทั่งแกนนำหลักทั้ง “ธนาธร-ปิยบุตร” ถูกตัดสิทธิทางการเมือง 10 ปี
ทว่า “ธนาธร-ปิยบุตร” ไม่ยอมจำนน ทั้งสองเดินหน้าต่อ ด้วยการวางทายาทการเมืองใหม่ โดยเลือก “พิธา ลิ้มเจริญรัตน์” ให้เข้ามารับตำแหน่งหัวหน้าพรรคก้าวไกล (ก.ก.) พรรคใหม่ที่ใช้รองรับอดีต ส.ส. อนาคตใหม่ เนื่องจาก “พิธา” เริ่มมีความโดดเด่นในการอภิปรายในช่วงเวลาใกล้เคียงกับคดียุบพรรคอนาคตใหม่พอดี
โดยก่อนวันเลือกหัวหน้าพรรคก้าวไกล “ธนาธร-ปิยบุตร”เรียกประชุม ส.ส.ที่ร้านคุณหญิง ย่านเอกมัย เมื่อทุกคนเดินทางถึงร้าน “ปิยบุตร”ได้แนะนำต่อ ส.ส.ด้วยถ้อยคำเอื้ออารีกับ“พิธา” โดยบอกกับทุกคนว่า“ฝากหน่อยนะ ฝากทิมนะ คนนี้ดี” ซึ่งบรรดา ส.ส.ก้าวไกล ตอบรับคำฝากฝังของ “ปิยบุตร”
กระทั่งในวันเข้ารับตำแหน่งหัวหน้าพรรคก้าวไกล 14 มี.ค.2563 “พิธา” ประกาศว่า “พรรคก้าวไกล คือบทที่ 2 ของอดีตพรรคอนาคตใหม่ คือพรรคที่สืบทอดเจตนารมณ์ อุดมการณ์ และจิตวิญญาณมาจากอดีตพรรคอนาคตใหม่"
"และจะยังเป็นความหวังให้กับคนที่สิ้นหวังในประเทศ เป็นปากเสียงให้กับคนตัวเล็กตัวน้อย พาประเทศไทยกลับไปสู่ประชาธิปไตย ยุติระบอบรัฐประหาร สถาปนานิติรัฐที่ทุกคนเสมอหน้ากันต่อหน้ากฎหมาย และยึดมั่นในนโยบายเดิมของอดีตพรรคอนาคตใหม่”
กาลเวลาผ่านไป 3 ปี ไฟความขัดแย้งเริ่มปะทุ เมื่อ“ปิยบุตร” สงสัยในจุดยืนที่ “พิธา” เคยประกาศเอาไว้ ไล่ตั้งแต่นโยบายของพรรคก้าวไกล เกี่ยวกับมาตรา 112 ที่พยายามลดเพดานลงมา ไปไม่สุดทางเหมือนสมัยอดีตพรรคอนาคตใหม่ ซึ่ง “ปิยบุตร” มองว่าอาจจะทำให้เสียแต้มทางการเมือง
ตรงกันข้ามกับ “พิธา” ซึ่งอาจรวมถึง “ชัยธวัช ตุลาธน” เลขาธิการพรรคก้าวไกล ที่มองว่าหากไม่ลดเพดาน พรรคก้าวไกลอาจไม่มีแนวร่วมทางการเมือง และยากที่จะได้อยู่ร่วม “ขั้วรัฐบาล” เพราะการจะเปลี่ยนแปลงสังคม จำเป็นต้องมีอำนาจรัฐ
เมื่อความเห็นของ “ปิยบุตร-พิธา” ไม่ตรงกัน “ธนาธร” ในฐานะคนกลาง ก็ถูกจับตาว่าจะเลือกข้างไหน แต่เจ้าตัวก็เลือกประนีประนอม ไม่เอนเอียงไปทางใดทางหนึ่ง จึงส่งผลให้ทั้งคู่ไม่ลดราวาศอก เปิดศึกผ่านโซเชียลกันเป็นระลอก
ว่ากันว่า “พิธา”ไม่ใช่คู่รบกับ“ปิยบุตร” แต่มีทีม“โปลิตบูโร”ซึ่งมี“กลุ่มเพื่อนเอก”เป็นหัวหอก ซึ่งกลุ่มนี้ มีทั้ง“ธนาธร จึงรุ่งเรืองกิจ” ประธานคณะก้าวหน้า “ชัยธวัช ตุลาธน” เลขาธิการพรรคก้าวไกล “ศรายุทธ ใจหลัก”ผอ.พรรคก้าวไกล
“เอก-ต๋อม-ติ่ง” คือเพื่อนรักที่ล่มหัวจมท้ายกันมา ทำกิจกรรมและขับเคลื่อนงานทางการเมืองมาด้วยกันตั้งแต่ต้นปี 2542 จนถึงปัจจุบัน เป็นเพื่อนรักที่ไม่มีใครมาแทรกกลางได้ แม้แต่ “ปิยบุตร” ที่มองจากภายนอกดูเหมือนจะเป็นคนที่ “ธนาธร” ไว้ใจมากที่สุดคนหนึ่ง แต่ในทางปฏิบัติ กลับไม่เป็นเช่นนั้น
มีการมองว่าโพสต์ของ “พิธา” ซัดแรงถึง “ปิยบุตร” โดยระบุว่า “เลิก มือไม่พาย เอาเท้าราน้ำ” อ่านตามหน้าสื่อและอุปนิสัยของ “พิธา” แล้วอาจจะไม่ใช่ถ้อยคำของตัว “พิธา”เอง
ด้าน “ปิยบุตร” ตอกกลับถึง “พิธา” ส่งสัญญาณตรงๆว่า “เอาดีเข้าตัว เอาชั่วให้ผม" ซึ่งไม่มีใครรู้ความในใจของ “ปิยบุตร” ว่า เขาเชื่อโดยสนิทใจว่า กำลังรบกับ “พิธา” หรือรบกับ “โปลิตบูโร” ที่คอยบัญชาการอยู่ข้างหลัง “พิธา”
สถานการณ์ของ “ก้าวไกล” เวลานี้ “พิธา” จึงเสมือนหนังหน้าไฟ ไม่ต่างจากหุ่นเชิดที่ “โปลิตบูโร” คอยชักใยอยู่เบื้องหลัง อีกทั้งอำนาจในการคัดเลือกผู้สมัคร ส.ส. เขต และ ส.ส. ปาร์ตี้ลิสต์ ก็อยู่ในมือของ “ต๋อม-ติ่ง”
ก้าวต่อไปของพรรคนี้ จะไปไกลเหมือนชื่อหรือไม่ จึงต้องวัดกันว่าทฤษฎีของ “ปิยบุตร”ที่เชื่อว่าหาก“ก้าวไกล”ลดเพดาน จะส่งผลให้ ส.ส.ลดลง เหลือไม่เกิน 30 ที่นั่งจะเป็นจริงหรือไม่ ขณะที่เป้าหมายสำคัญกว่าของ “โปลิตบูโร” คือการอยู่ในขั้วรัฐบาล แม้ตัวเลข ส.ส.จะลดน้อยถอยลงก็ตาม
แม้ล่าสุด "ปิยบุตร-พิธา" จะออกมาโชว์ภาพเคลียร์ใจกันแล้ว แต่ปมปัญหาแค่ถูกซุกไว้ใต้พรม แนวร่วมของ "ปิยบุตร" ยังยืนอยู่ฝั่งตรงข้าม "พิธา" แนวรบของ "พิธา" ยังกีดกั้น "ปิยบุตร" รอยแผลที่เกิดขึ้นอาจพยายามลบให้จางลง แต่ไม่มีวันลบให้เลือนหายไปได้






