แกะรอย “สิทธิกร” ตัวละครกลุ่ม “จีนเทา” บริจาค พปชร.-ศท. 12 ล้าน ยุค “ธรรมนัส”

แกะรอย “สิทธิกร” ตัวละครกลุ่ม “จีนเทา” บริจาค พปชร.-ศท. 12 ล้าน ยุค “ธรรมนัส”

แกะรอย “สิทธิกร” ตัวละครใหม่กลุ่ม “จีนเทา” โผล่บริจาคเงินให้ พปชร.ยุค “ธรรมนัส” ปี 64 ล็อตเดียว “ตู้ ห่าว” 3 ล้านบาท ปี 65 บริจาคเพิ่มพร้อม “ญาติ” รวม 9 ล้านบาท แถมควักให้ “เศรษฐกิจไทย” อีก 6 แสนบาทเศษ เบ็ดเสร็จ 12.6 ล้านบาท

ควันหลงศึกซักฟอกแบบไม่ลงมติ ตามรัฐธรรมนูญ มาตรา 152 ยังคงดุเดือดร้อนแรง

โดยเฉพาะประเด็น “เครือข่ายทุนจีนข้ามชาติ” หรือ “กลุ่มจีนสีเทา” ที่ถูก “รังสิมันต์ โรม” ส.ส.บัญชีรายชื่อ และโฆษกพรรคก้าวไกล เปิดอภิปรายอย่างดุเด็ดเผ็ดมันหลายประเด็นด้วยกัน โดยมีตอนหนึ่ง ระบุว่า นอกเหนือจากนายชัยณัฐร์ กรณ์ชายานันท์ หรือ “ตู้ ห่าว” ที่บริจาคเงินให้พรรคพลังประชารัฐ (พปชร.) จำนวน 3 ล้านบาทแล้ว

ยังปรากฏชื่อ “สิทธิกร” (มิได้ระบุนามสกุล) ที่บริจาคเงินให้ พปชร.เมื่อปี 2564 ในยุค ร.อ.ธรรมนัส พรหมเผ่า เป็นเลขาธิการพรรค พปชร. เป็นจำนวนเงิน 3 ล้านบาท เช่นเดียวกัน และในปี 2565 ยังบริจาคเงินให้พรรคเศรษฐกิจไทย ยุค ร.อ.ธรรมนัส อีกด้วย

อ่านข่าว: ชำแหละเครือข่าย "ทุนจีนเทา" - "โรม" อัด "ประยุทธ์" เอื้อหลาน-พวกพ้อง

แกะรอย “สิทธิกร” ตัวละครกลุ่ม “จีนเทา” บริจาค พปชร.-ศท. 12 ล้าน ยุค “ธรรมนัส” (ข้อมูลจากการอภิปรายของ รังสิมันต์ โรม เมื่อ 15 ก.พ. 2566 ที่ผ่านมา)

สิทธิกร” คือใคร?

กรุงเทพธุรกิจ ตรวจสอบพบว่า “สิทธิกร” บริจาคเงินให้แก่พรรค พปชร.จริง โดยบริจาคล็อตเดียวกับ “ตู้ห่าว” เป็นจำนวนเงิน 3 ล้านบาท เมื่อเดือน พ.ค. 2564

แกะรอย “สิทธิกร” ตัวละครกลุ่ม “จีนเทา” บริจาค พปชร.-ศท. 12 ล้าน ยุค “ธรรมนัส”

อย่างไรก็ดีในช่วงปี 2565 พบว่า ในเดือน เม.ย. “สิทธิกร” ยังบริจาคเงินให้แก่ พปชร.เพิ่มเติมอีก 4 ล้านบาท โดยมี “เครือญาติ” ร่วมบริจาคด้วย 5 ล้านบาท รวมเป็นเงิน 9 ล้านบาท

แกะรอย “สิทธิกร” ตัวละครกลุ่ม “จีนเทา” บริจาค พปชร.-ศท. 12 ล้าน ยุค “ธรรมนัส”

ถัดจากนั้น “ผู้กองมนัส” ถูกขับออกจากพรรค พปชร. มาก่อร่างสร้าง “พรรคเศรษฐกิจไทย” (ศท.) โดยพบว่า เมื่อเดือน ก.ย. 2565  “สิทธิกร” มาบริจาคเงินให้แก่พรรค ศท. จำนวน 606,000 บาท

แกะรอย “สิทธิกร” ตัวละครกลุ่ม “จีนเทา” บริจาค พปชร.-ศท. 12 ล้าน ยุค “ธรรมนัส”

เบ็ดเสร็จ “สิทธิกร” บริจาคเงินให้แก่ พปชร. และ ศท. ในยุค “ธรรมนัส” เรืองอำนาจอย่างน้อย 12,606,000 บาท

สำหรับ “สิทธิกร” ปรากฏชื่อเป็น 1 ใน 41 จำเลย ที่ถูกกล่าวหาในฐานความผิดเกี่ยวกับคดียาเสพติด และคดีฟอกเงิน โดยถูกจับกุมล็อตเดียวกับ “ภริยา” ของ “ตู้ห่าว” ปัจจุบันถูกอัยการแจ้งข้อกล่าวหาไปแล้ว และถูกยื่นคำร้องฝากขังต่อศาลอาญา 

ข้อมูลจากกรมพัฒนาธุรกิจการค้า เมื่อวันที่ 16 ก.พ. 2566 พบว่า “สิทธิกร” เป็นกรรมการบริษัทอย่างน้อย 4 แห่ง “ร้าง” ไปแล้ว 2 แห่ง เลิกกิจการแล้ว 1 แห่ง ยังดำเนินกิจการอยู่ 1 แห่ง

โดยบริษัทที่ยังดำเนินกิจการ เป็นบริษัทเกี่ยวกับการจัดนำเที่ยว จดทะเบียนเมื่อปี 2559 ทุนปัจจุบัน 5 ล้านบาท “สิทธิกร” ถือหุ้นใหญ่สุด 60% นำส่งงบการเงินล่าสุดปี 2559 มีรายได้รวม 44,100,919 บาท กำไรสุทธิ 5,271,330 บาท ยังมิได้ส่งงบการเงินปี 2560-2564

ส่วนอีก 2 แห่งที่ “ร้าง” ไปแล้ว มีทั้งกิจการภัตตาคาร บาร์ ไนต์คลับ “สิทธิกร” ถือหุ้นใหญ่สุด 60% และกิจการการเต้นรำ แสดงโชว์ ที่ จ.ภูเก็ต “สิทธิกร” ถือหุ้นใหญ่สุด 85% 

อีก 1 แห่งแจ้ง “เลิกกิจการ” ได้แก่ ร้านขายอาหาร เครื่องดื่ม “สิทธิกร” ถือหุ้น 35%

ทั้งหมดคือข้อมูลของ “สิทธิกร” อีกหนึ่งตัวละครใหม่ “ทุนจีนสีเทา” ที่ถูก “โรม” อภิปรายพาดพิงมาเชื่อมโยงกับ “กลุ่มการเมือง” ในการบริจาคเงินแก่ พปชร. และพรรคเศรษฐกิจไทย จนเป็นเรื่องร้อนอยู่ในตอนนี้

อย่างไรก็ดีประเด็นนี้ “ชัยวุฒิ ธนาคมานุสรณ์” รมว.ดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม (ดีอีเอส) ชี้แจงว่า พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ และ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา ไม่มีส่วนเกี่ยวข้องกับกลุ่มทุนจีนสีเทาแต่อย่างใด

ขณะที่ “สิทธิกร” ซึ่งถูกอัยการแจ้งข้อกล่าวหานั้น ยังเป็นกระบวนการชั้นต้น ยังไม่มีคำพิพากษาของศาลอันถึงที่สุด ดังนั้นจึงยังถือว่าเป็นผู้บริสุทธิ์อยู่

นอกจากนี้ ร.อ.ธรรมนัส ยังไม่ถูกตั้งข้อกล่าวหา หรือมีส่วนเกี่ยวข้องกับกลุ่มทุนจีนสีเทาแต่อย่างใด