"ราชทัณฑ์" ยกระเบียบ คลี่ปม ปลัดกระทรวงยุติธรรม ห้ามเยี่ยม "แบม-ตะวัน” 

"ราชทัณฑ์" ยกระเบียบ คลี่ปม ปลัดกระทรวงยุติธรรม ห้ามเยี่ยม "แบม-ตะวัน” 

"ราชทัณฑ์" ยกระเบียบกรมราชทัณฑ์ ว่าด้วยการเยี่ยม การติดต่อของบุคคลภายนอกกับผู้ต้องขัง และการเข้าดูกิจการหรือติดต่อการงานกับเรือนจำ พ.ศ. ๒๕๖๑ คลี่ปม ปลัดกระทรวงยุติธรรม ห้ามเยี่ยม "แบม-ตะวัน” 

วันที่ 4 กุมภาพันธ์ 2566   นางสาวจุฑารัตน์   จินตกานนท์  รองอธิบดีกรมราชทัณฑ์และรองโฆษกกรมราชทัณฑ์ ได้ชี้แจงต่อสื่อมวลชนว่า ตามที่มีประเด็นข่าวบิดเบือนว่า นางพงษ์สวาท  กายอรุณสุทธิ์  ปลัดกระทรวงยุติธรรม ห้ามไม่ให้เยี่ยมแบมและตะวัน ทั้งที่รัฐมนตรีว่าการกระทรวงยุติธรรมอนุญาตแล้ว นั้น

กรมราชทัณฑ์ ขอเรียนชี้แจงว่า ตามระเบียบกรมราชทัณฑ์ ว่าด้วยการเยี่ยม การติดต่อของบุคคลภายนอกกับผู้ต้องขัง และการเข้าดูกิจการหรือติดต่อการงานกับเรือนจำ พ.ศ. ๒๕๖๑  กำหนดไว้อย่างชัดเจนในเรื่องของการเยี่ยม หมวด 4 ข้อ 24 ระบุว่า

 “…ให้มีการเยี่ยมผู้ต้องขังป่วยในระหว่างวันเวลาราชการตามปกติ โดยให้จัดเยี่ยมในทัณฑสถานโรงพยาบาลราชทัณฑ์หรือ สถานพยาบาลของเรือนจำหรือสถานที่อื่นใด อันสมควรแต่ต้องเป็นสถานที่ ที่ญาติและผู้ต้องขังได้สนทนากัน อย่างใกล้ชิดและเยี่ยมได้      ครั้งละไม่เกิน 30 นาที..”

ระเบียบปฏิบัติดังกล่าวได้ยึดถือในการปฏิบัติต่อผู้ต้องขังทุกรายโดยเท่าเทียมกัน  ในวันศุกร์ที่  3 กุมภาพันธ์ ที่ผ่านมาบุคคลที่มีรายชื่อตามที่แบมและตะวันได้แจ้งความประสงค์ให้เข้าเยี่ยมไว้  ทั้งบิดามารดา ทนายความและเพื่อนที่มีรายชื่อ ก็ได้เข้าเยี่ยมตามปกติ

ดังนั้นตลอดระยะเวลาของการเข้ามาอยู่ในความดูแลของทัณฑสถานหญิงกลาง   ทัณฑสถานโรงพยาบาลราชทัณฑ์และหลังจากส่งตัวไปที่โรงพยาบาลธรรมศาสตร์เฉลิมพระเกียรติตั้งแต่วันที่ 16 มกราคมเป็นต้นมา   ทางทนายความญาติหรือบุคคลที่มีรายชื่อให้เยี่ยมของทั้งสองรายไม่เคยได้เข้าเยี่ยมในวันหยุด จึงเป็นที่ทราบกันโดยทั่วไปอยู่แล้วในเรื่องระเบียบดังกล่าว

ดังนั้น จึงขอสร้างความเข้าใจต่อสังคมว่า กรมราชทัณฑ์ ได้กำชับให้เจ้าหน้าที่เรือนจำและทัณฑสถานปฏิบัติหน้าที่กับบุคคลที่อยู่ในความดูแลของกรมราชทัณฑ์ทุกคน โดยยึดถือกฎ ระเบียบ และมาตรฐานการปฏิบัติงานด้านต่างๆ ที่เกี่ยวกับเรือนจำ (SOPs) อย่างเคร่งครัดเช่นเดียวกันในทุกเรือนจำและทัณฑสถานทั่วประเทศตามสิทธิที่ผู้ต้องขังทุกคนได้รับอย่างเท่าเทียมกันและไม่มีการให้อภิสิทธิ์กับใครเป็นพิเศษ พร้อมทั้งขอให้ประชาชนอย่าหลงเชื่อข่าวบิดเบือนหรือข่าวปลอมที่อาจสร้างกระแสเพื่อสร้างความแตกแยกให้เกิดขึ้นในสังคม