กกต.ไม่หนักใจเลือกตั้ง 66 ใช้บัตร 2 ใบ วางแนวทางแยกสีป้องสับสน

กกต.ไม่หนักใจเลือกตั้ง 66 ใช้บัตร 2 ใบ วางแนวทางแยกสีป้องสับสน

เลขาฯ กกต.ไม่หนักใจเลือกตั้ง 66 ใช้บัตร 2 ใบ เชื่อคนที่ไม่ใช่ “นิวโหวตเตอร์” เคยเจอมาแล้ว วางแนวทางแยกสี ป้องกันสับสน เตรียมพีอาร์ทุกช่องทาง ยันพร้อมเป็นพี่เลี้ยงพรรคการเมือง ทำไพรมารีโหวต

เมื่อวันที่ 2 ก.พ. 2566 นายแสวง บุญมี เลขาธิการคณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) ให้สัมภาษณ์ถึงการเตรียมการให้ความรู้กับประชาชนเกี่ยวกับรูปแบบการเลือกตั้ง 2566 แบบบัตร 2 ใบนั้น ว่า ในเรื่องบัตร 2 ใบจะเปลี่ยนจากการเลือกตั้งเมื่อปี 2562 แต่จริงๆแล้วไม่ได้เป็นเรื่องใหม่สำหรับประชาชน เพราะการเลือกตั้งก่อนปี 2562 ก็จะใช้รูปแบบัตร 2 ใบอยู่แล้ว ผู้มีสิทธิเลือกตั้งบางส่วนที่ไม่ใช่นิวโหวตเตอร์อาจจะเคยเจอ และจะพบในการเลือกตั้งท้องถิ่นอยู่แล้ว ส่วนแนวทางในครั้งนี้จะใช้บัตรคนละสีเพื่อให้เกิดความชัดเจน รวมทั้งประชาสัมพันธ์เพื่อสื่อสารกับประชาชนทุกช่องทางเพื่อให้ครอบคลุมทุกกลุ่มเป้าหมาย ให้ข้อมูลครบถ้วนสมบูรณ์และประชาชนเข้าใจง่าย ให้เกิดความเข้าใจว่าการเลือกตั้งครั้งนี้เป็นการเลือกตั้งระบบใหม่ ใช้บัตร 2 ใบ ด้วยองค์ประกอบเหล่านี้จึงไม่มีอะไรน่าหนักใจในเรื่องดังกล่าว

ส่วนการประชุมร่วมกับพรรคการเมือง ในสัปดาห์หน้า กกต.จะเน้นย้ำเรื่องอะไร นายแสวง กล่าวว่า การประชุมพรรคการเมืองเป็นการเตรียมความพร้อมร่วมกัน เพราะการเลือกตั้งจะออกมาดี มันต้องดีทุกองค์ประกอบ ทั้ง กกต. และพรรคการเมือง ซึ่งสิ่งที่จะเน้นย้ำคือการทำตามกฎหมาย โดยเฉพาะการคิดค่าใช้จ่ายของแต่ละพรรค ว่าค่าใชเจ่ายในการเลือกตั้งแบบบัญชีรายชื่อจะใช้เงินเท่าไหร่ และค่าใช้จ่ายแบบแบ่งเขตจะใช้เงินเท่าไหร่ รวมถึงชี้แจงเรื่องการทำไพรมารีโหวตที่จะส่งผู้สมัครรับเลือกตั้ง ซึ่งมีทั้งความยากและความง่าย ความง่ายคือกฎหมายแก้ไขได้แก้ไขให้มีสาขาหรือตัวแทนเดียวในจังหวัดนั้น ก็ส่งผู้สมัครได้ทั้งจังหวัด 

“แต่ความยากก็คือมีขั้นตอนที่ตั้งจัดประชุมให้ถูกต้องตามข้อบังคับพรรคและกฎหมายพรรคการเมือง ซึ่งตรงนี้คงต้องมาซักซ้อมให้พรรคการเมืองได้ให้ความใส่ใจ ซึ่งสำนักงาน กกต.พร้อมเป็นพี่เลี้ยงให้ทุกพรรคการเมือง และทุกสาขาหรือตัวแทนพรรคการเมืองตามจังหวัดต่าง ๆ จะมีสำนักงาน กกต.ประจำจังหวัดคอยดูแลเกี่ยวกับการสรรหาผู้สมัครแต่ละพรรคตามจังหวัดต่าง ๆ เรื่องนี้พรรคการเมืองได้เตรียมตัวมาอยู่ตลอด เราทำงานร่วมกันมาโดยตลอดก็ไม่หนักใจอะไร” นายแสวง กล่าว