สามมิตร สิบทิศ ดาวกระจาย อิงผู้ชนะ ถ่างขาจอง รมต.ถ้วนหน้า

สามมิตร สิบทิศ ดาวกระจาย  อิงผู้ชนะ ถ่างขาจอง รมต.ถ้วนหน้า

กลยุทธ์ของสามมิตร พร้อมอยู่ทุกที่ที่มีผู้ชนะ เพื่อกลุ่มก๊วนตัวเอง แม้ต้องดาวกระจายกันออกไปเป็นสิบทิศ จนดูเหมือนอ่อนแอลงไป แต่นั่นคือวิธีปรับตัวอยู่รอด และขยับขยาย เพื่อกลับมารวมกันใหม่พร้อมอำนาจนั่นเอง

ไม่ใช่เรื่องเหนือความคาดหมาย สำหรับกลุ่มสามมิตร ที่คอนเซ็ปต์การทำการเมืองคืออยู่ข้างผู้ชนะ หลังเด้งเชือกมานาน ไม่ยอมปริปากจะขยับจากพลังประชารัฐ ไปไหนหรือไม่อย่างไร 

ล่าสุด สมศักดิ์ เทพสุทิน รมว.ยุติธรรม ในฐานะประธานยุทธศาสตร์พลังประชารัฐ ก็ได้ฤกษ์ยอมรับว่ายังอยู่กับพลังประชารัฐ พร้อมกับย้ำว่า พลังประชารัฐ เป็นรัฐบาล 99% 

ถึงอย่างนั้นก็ตาม กลยุทธ์สามมิตร ก็ไม่ได้เลือกเทหมดหน้าตักทุ่มให้พลังประชารัฐ ที่เดียว แต่กลับเลือกกระจายความเสี่ยง ผ่องถ่ายขุมกำลังไปอยู่ตามพรรคต่างๆ ตามสูตรที่พอจะเห็นคือสมศักดิ์ และ สุริยะ จึงรุ่งเรืองกิจ รมว.อุตสาหกรรม และรองหัวหน้าพรรคพลังประชารัฐ ปักหลักอยู่พลังประชารัฐ กับพล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ 

ขณะที่ อนุชา นาคาศัย รมต.ประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เตรียมย้ายไปรวมไทยสร้างชาติ ซึ่งธนกร วังบุญคงชนะ รมต.ประจำสำนักนายกฯ ย้ายไปก่อนหน้านี้แล้ว เพื่อเป็นขุนพลช่วยพล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา สู้ศึกเลือกตั้ง

นอกจากนั้น ส.ส.เก่าของพลังประชารัฐ ที่อยู่ในปีกสามมิตร ก็กระจายตัวไปอยู่กับทั้ง เพื่อไทยและภูมิใจไทย เต็มไปหมด 

โดยก่อนหน้านี้ มีการพูดกันหนาหูว่า สามมิตร เร่เอาคนของตัวเองไปฝากเลี้ยงตามพรรคอื่นๆเพียบ เพื่อเป้าหมายสำคัญคือสร้างขุมกำลังให้ตัวเองได้อยู่ในอำนาจ หรือได้เป็นรัฐบาล หลังการเลือกตั้ง

อีกปัจจัยสำคัญคือ การกระจายตัวแบบนี้ ก็อาจเปิดโอกาสให้ได้รัฐมนตรีในโควตามากขึ้น 

เช่น หากพลังประชารัฐ ภูมิใจไทย หรือรวมไทยสร้างชาติ จับมือเป็นรัฐบาล คนของสามมิตร ก็อาจนั่งรัฐมนตรี ในแต่ละพรรคด้วยโควตาสามมิตรได้ หากสามารถทำตามเงื่อนไข หรือมีข้อตกลงอะไรกันไว้กับพรรคนั้นๆ 

ไม่ใช่มากระจุกกันอยู่ที่พลังประชารัฐ โอกาสได้รัฐมนตรีแฮปปี้กันถ้วนหน้า โอกาสนี้เรียกว่าปิดประตูไปได้เลย 

การที่สมศักดิ์ เปรียบตัวเองเหมือนน้ำ คือปรับตัวให้เข้ากับสถานการณ์ต่างๆ ก็สะท้อนถึงความเก๋าของคนที่พาตัวเองขี่อำนาจมายาวนาน ว่ากันว่า ตำแหน่งที่สมศักดิ์ หมายปองในขณะนี้ คือมท.1 หรือ มหาดไทย นั่นเอง

"ผมเข้าใจว่ามันก็เหมือนครอบครัวใหญ่ มีลูกมีหลานก็ต้องออกเรือนกัน ถ้าออกเรือนไป ไปเติบใหญ่ ไปเป็นเถ้าแก่ ที่นู่น ที่นี่ ที่นั่นได้มันก็ดี ถ้าเราออกเรือนไปแล้วไม่สามารถเป็นผู้หลักผู้ใหญ่ได้ก็เท่าทุน ซึ่งต้องให้โอกาสแต่ละคน คงไม่ได้ไปบังคับว่าต้องอยู่ตรงนี้ ตรงนั้น เราไม่ใช่นักเลงเราเป็นคนทำงาน ต้องให้โอกาสคน เหมือนกับครอบครัวเมื่อแต่งงาน มีลูกมีหลาน ขยายออกไป " สมศักดิ์ ระบุ 

ประโยคดังกล่าวก็พอจะสะท้อนถึงวิธีคิด และกลยุทธ์ทางการเมืองของกลุ่มสามมิตร ได้เป็นอย่างดีว่า พร้อมอยู่ทุกที่ที่มีผู้ชนะ เพื่อกลุ่มก๊วนตัวเอง แม้ต้องดาวกระจายกันออกไปเป็นสิบทิศจนดูเหมือนอ่อนแอลงไป แต่นั่นคือวิธีปรับตัวอยู่รอด และขยับขยาย เพื่อกลับมารวมกันใหม่พร้อมอำนาจนั่นเอง