“ชัยชนะ”ปราศรัยชูนโยบายภูเก็ตเมืองมหานครเศรษฐกิจที่ทันสมัย

“ชัยชนะ”ปราศรัยชูนโยบายภูเก็ตเมืองมหานครเศรษฐกิจที่ทันสมัย

“ชัยชนะ”ปราศรัยชูนโยบายภูเก็ตเมืองมหานครเศรษฐกิจที่ทันสมัย เตรียมดึงรายได้ 1 แสนล้านกลับมาพัฒนาพื้นที่ให้เทียบชั้นฮ่องกง อ้อนขอชาวบ้านหนุน 3 ว่าที่ผู้สมัคร ส.ส. ภูเก็ต ทั้ง 3 เขต ชี้ 2 ส.ส. ไม่ได้ทำหน้าที่ตามที่ชาวบ้านหวัง ทำให้สูญเสียโอกาสไปมาก

นายชัยชนะ เดชเดโช ส.ส.นครศรีธรรมราชและรองเลขาธิการพรรคประชาธิปัตย์ กล่าวถึงการปราศรัยเปิดตัวว่าที่ผู้สมัคร ส.ส. ภูเก็ต ที่อาคารยิมเนเซียม 4000 ที่นั่ง (สะพานหิน) อ.เมือง จ.ภูเก็ต ว่า ในการปราศรัยของตนในวันนี้ มีประเด็นที่สำคัญคือ การขอร้องให้ประชาชนชาวภูเก็ตที่เคยเปลี่ยนใจไปเลือกพรรคการเมืองที่มี ส.ส.ภูเก็ตในปัจจุบัน เมื่อปี 2562 

เนื่องจากสถานการณ์การเมืองที่ไม่ปกติ กลับมาเลือกว่าที่ผู้สมัคร ส.ส.พรรคประชาธิปัตย์ทั้ง 3 เขต คือ เขต 1 นายกวี ตันสุคตานนท์ อดีตรองนายกเทศมนตรีนครภูเก็ต, เขต 2 นายชัยยศ ปัญญาไวย ประธานสภาทนายความจังหวัดภูเก็ต 2 สมัย และเขต 3 น.ส.พลอยทะเล ลักษมีแสงจันทร์ อดีตสมาชิกสภาเทศบาลตำบลวิชิต และเป็นคนรุ่นใหม่ของพรรคฯ 

ที่ผ่านมา พิสูจน์ว่า ส.ส. ทั้ง 2 คน กลับไม่ได้แสดงบทบาทในสภาผู้แทนราษฎรเท่าที่ควรจะเป็น ทำให้คนภูเก็ตสูญเสียโอกาสไปมากมาย และการเสนอนโยบายที่สำคัญของชาวภูเก็ต คือการผลักดันให้เกิดเมืองมหานครเศรษฐกิจที่ทันสมัย โดยใช้เทคโนโลยีเป็นตัวขับเคลื่อนและนำรายได้ของชาวภูเก็ตที่ทำให้ประเทศไทย 5 แสนล้านบาทต่อปี  กลับมาพัฒนาท้องถิ่นภูเก็ตในสัดส่วนที่เพิ่มมากขึ้น แทนที่จะนำเงินทั้งหมดมากองไว้ที่รัฐบาลกลางและรอการจัดสรร หรือรอการอนุมัติแผนงานโครงการซึ่งใช้เวลานาน กว่าที่จะได้เงินกลับมาพัฒนาจังหวัด 
 

ทั้งนี้เป็นการส่งเสริมให้คนท้องถิ่นมีอำนาจตัดสินใจกำหนดอนาคตของตัวเองมากขึ้น ถือเป็นการปลูกฝังระบอบประชาธิปไตยให้กับคนในท้องถิ่น เพราะตนทราบมาว่า จังหวัดภูเก็ตมีปัญหาหลายประการที่ระบบการบริหารราชการแบบปกติไม่สามารถทำได้อย่างทันท่วงที เช่น ปัญหาการขาดแคลนน้ำสะอาด ปัญหาการจราจร การดำเนินโครงการขนาดใหญ่ที่ยังมีความล่าช้า  เป็นต้น ซึ่งถ้าได้กลับคืนมา 20 % หรือ 1 แสนล้านบาทต่อปี ก็น่าจะทำให้จังหวัดภูเก็ต มีศักยภาพในการแก้ไขปัญหาและพัฒนาสิ่งใหม่ๆ ได้มากขึ้น 

“การเลือกตั้งครั้งที่จะถึงนี้มีความหมายต่อประชาชนชาวภูเก็ตเป็นอย่างมาก เพราะที่ผ่านมา พรรคประชาธิปัตย์ได้รับความไว้วางใจจากประชาชนชาวภูเก็ตและชาวใต้มาตลอด แต่การเลือกตั้งเมื่อปี 2562 พรรคประชาธิปัตย์ กลับได้ ส.ส.เพียงแค่ 50 % เท่านั้น ซึ่งในการเลือกตั้งคราวนี้ มีหลายพรรคที่จะเข้ามาหาเสียงกับชาวภาคใต้ เพื่อมามุ่งหวังชิงเก้าอี้ ส.ส. เพราะฉะนั้น การเลือกตั้งครั้งหน้า อยู่ที่มือพี่น้องว่าจะใครโอกาสใคร โดยเฉพาะพี่น้องชาวภูเก็ต ที่เคยเปลี่ยนแปลงเปลี่ยนใจไปเลือกพรรคการเมืองหนึ่ง”
 

โดยคาดหวังว่า ภูเก็ตจะได้อะไรกลับมามากมาย แต่สุดท้าย เมื่อประชาชนเลือกไปแล้ว และได้คนที่ไม่เป็นมืออาชีพมาทำงาน ทำให้ไม่สามารถทำงานหรือตอบสนองความต้องการของพี่น้องประชาชนได้ โดยผมได้ติดตามความเคลื่อนไหวของพรรคการเมืองต่างๆ ที่มาลงพื้นที่ภาคใต้ ปรากฏว่า สุดท้ายแล้ว น่าผิดหวัง เพราะบางพรรคการเมืองสนับสนุนนโยบายที่ไม่เป็นประโยชน์ต่อสังคมและประเทศชาติ  บางพรรคการเมืองก็มาทำกิจกรรมแบบฉาบฉวยและก็กลับไป และบางพรรคถึงขนาดใช้จังหวัดภูเก็ตมาโจมตีว่า พรรคประชาธิปัตย์ทำเป็นแต่ประกันรายได้  สุดท้ายพรรคที่ว่านั้นอาจจะไม่ได้ลงมาสู้ศึกในสนามเลือกตั้งในคราวนี้  เพราะคนสำคัญต่างหนีตายย้ายซบกลับพรรคที่เคยจากมา

“แต่พรรคประชาธิปัตย์อยู่คู่กับคนภูเก็ต โดยได้รับเลือกตั้งติดต่อกันตั้งแต่เดือนกันยายน 2535 แต่การเลือกตั้งครั้งที่ผ่านมา คนภูเก็ตได้ตัดสินใจลองสิ่งใหม่ๆ ซึ่งผมถือว่า เป็นเรื่องที่ไม่ผิดที่เราสามารถลองได้ ว่าลองเลือกพรรคอื่นดูบ้าง เผื่อว่าจะดีขึ้น  ซึ่งเมื่อได้คำตอบแล้ว ผมหวังว่า ในการเลือกตั้งที่กำลังจะถึงนี้ คนภูเก็ตจะเลือกว่าที่ผู้สมัคร ส.ส. ทั้ง 3 คน เข้าไปทำหน้าที่เป็นปากเสียงแทนประชาชน เพื่อผลักดันนโยบายให้ภูเก็ตเป็นเมืองมหาเมืองมหานครเศรษฐกิจที่ทันสมัยเทียบเท่ากับฮ่องกงให้ได้ ” นายชัยชนะกล่าว