“ณัฐวุฒิ”ปัดโต้“จตุพร”วิจารณ์“ทักษิณ”-อัดนปช.ไม่ใช่องค์กรการเมือง

“ณัฐวุฒิ”ปัดโต้“จตุพร”วิจารณ์“ทักษิณ”-อัดนปช.ไม่ใช่องค์กรการเมือง

“ณัฐวุฒิ”ไม่ขอตอบโต้“จตุพร”ปมวิจารณ์ “ทักษิณ”-อัดนปช.ไม่ใช่องค์กรการเมืองแล้ว หลังหยุดเคลื่อนไหวมา 2-3 ปี มุ่งหน้าดันเพื่อไทยแลนด์สไลด์

นายณัฐวุฒิ ใสยเกื้อ ผู้อำนวยการครอบครัวเพื่อไทย และอดีตแกนนำ นปช. กล่าวถึงกรณีที่นายจตุพร พรหมพันธุ์ แกนนำคณะหลอมรวมประชาชนและ อดีตแกนนำ นปช.ออกมาวิพากษ์วิจารณ์พรรคเพื่อไทย และนายทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี ว่าทราบเรื่องดังกล่าวแล้ว เป็นท่าทีของคุณจตุพร ซึ่งแสดงออกทั้งตัวข้อความและอารมณ์ความรู้สึก โดยจุดยืนของพรรคเพื่อไทย ตนได้หารือกับผู้เกี่ยวข้องในพรรคเห็นตรงกันว่า จะไม่ตอบโต้  ไม่สร้างพื้นที่วิวาทะ จะไม่ทำให้เกิดการกระทบกระทั่งบานปลายระหว่างคนในพรรคเพื่อไทย และคุณจตุพรมากไปกว่าที่เป็นอยู่

“แม้คุณจตุพรกล่าวอ้างเหตุที่ออกมาแสดงบทบาทดังกล่าว เพราะว่าได้รับข่าวสารว่า นายทักษิณ พูดจาพาดพิงที่ฮ่องกง ซึ่งตนไม่ได้อยู่ในเหตุการณ์ จึงพูดไม่ได้ว่าเป็นข้อเท็จจริงหรือไม่อย่างไร แต่พูดได้ว่าเหตุการณ์นี้มันเกิดผลกระทบทางความรู้สึกของพี่น้องประชาชน ผู้สนับสนุนพรรคเพื่อไทย โดยเฉพาะอย่างยิ่งผู้ที่ร่วมต่อสู้ทางการเมืองเพื่อประชาธิปไตยมากว่า 10 ปี ในนามของคนเสื้อแดง”

นายณัฐวุฒิ กล่าวต่ออีกว่า มีหลายฝ่ายติดต่อมาสอบถามขอฟังคำอธิบาย ซึ่งได้บอกไปว่าจะไม่ตอบโต้ หรือเปิดประเด็นสวนกันไปมาอย่างแน่นอน เรายังคงรักษาสมาธิในการเดินหน้าเพื่อเป้าหมายแลนด์สไลด์ เพื่อตั้งรัฐบาลของประชาชน แก้ปัญหาให้กับประชาชนตามที่ได้ประกาศกันเอาไว้ 
 

สำหรับสื่อมวลชนที่ติดต่อมาจะให้ตนไปออกรายการคู่กับคุณจตุพรนั้น ในทางส่วนตัว ตนสามารถพบปะพูดคุยกับนายจตุพรได้ปกติ แต่ในภาวะการณ์แบบนี้ แม้จะดูน่าตื่นเต้น แต่ดูแล้วไม่มีประโยชน์กับประชาชน และขบวนการที่ต่อสู้ด้วยกันมา คนเสื้อแดงถูกกระทำ เจ็บปวด สูญเสียทั้งชีวิตและอิสรภาพมากเกินพอแล้ว ดังนั้นถ้าจะมีบางอย่างที่รักษาไว้ให้ได้  ผมก็จะรักษาไว้  คือความทรงจำที่ต่อสู้เพื่อประชาธิปไตยด้วยกันมาของแกนนำและมวลชนเสื้อแดง 

ทั้งนี้ตนเชื่อว่าพี่น้องร่วมอุดมการณ์ คงไม่มีใครอยากเห็นภาพว่าตนกับนายจตุพร จะต้องแสดงความคิดเห็นแตกต่างกันในบางแง่มุมบนพื้นที่สื่อสารมวลชน ปกติวิถีของตนไม่เคยตอบโต้วิวาทะกับพี่น้องผู้ร่วมแนวทางมาตั้งแต่ไหนแต่ไร ตั้งแต่ขึ้นบนเวทีการต่อสู้ทางเมืองจนถึงปัจจุบัน ก็ไม่เคยทำและเมื่อได้แสดงออกต่อกันเป็นระยะหนึ่งเวลาก็เพียงพอที่จะให้ประชาชนได้ใช้วิจารณญาณว่ามีความคิดอ่านอย่างไรต่อสิ่งที่เป็นอยู่
 

นายณัฐวุฒิ กล่าวต่อว่า ทุกคนมีถูกได้ผิดได้ สามารถถูกวิพากษ์วิจารณ์ได้ สามารถถูกตั้งคำถามเรื่องราวในอดีต ปัจจุบันอนาคตได้ ในวิถีทางของมิตร ตนหวังใจว่าเรายังจะรักษาความเข้าใจเบื้องต้นระหว่างกันว่ามันไม่มีประโยชน์ที่จะวิวาทะอะไรให้ยาวความมากมายไปกว่านี้  ตนไม่มีอะไรแตกต่างไปกับคุณจตุพร เราต่อสู้ร่วมเป็นร่วมตายกันมา ถูกเขาไล่ยิง ไล่ฆ่า ติดคุกติดตะรางในคดีแบบเดียวกัน 

“วันนี้ไม่มีสิทธิ์ดำรงตำแหน่งทางการเมืองเหมือนกัน ผมเข้ามาทำหน้าที่ผู้อำนวยการพรรคเพื่อไทย ก็ไม่มีเงื่อนไขอื่นใด นอกจากตั้งใจจะเป็นส่วนหนึ่งในการเอาชนะคณะรัฐประหารที่สืบทอดอำนาจ เอาอำนาจนั้น กลับคืนมาให้ประชาชน ตนไม่เคยเจรจาเรื่องยศศักดิ์ หรือตำแหน่งใด ๆ กับพรรค แม้แต่ครั้งเดียว” 

นายณัฐวุฒิ กล่าวต่อว่า ตลอดเวลาที่ผ่านว่า คำว่า แกนนำ นปช. ไม่ได้ดำรงสภาพแบบเดิม ไม่ได้มีการประชุม ไม่ได้มีการขับเคลื่อนมา 2-3 ปี แล้ว แต่เพื่อนมิตรพี่น้องในส่วนที่ยังทำกิจกรรมร่วมกัน ยังมีอยู่จุดยืนแบบเดียวกันคือให้พรรคเพื่อไทยแลนด์สไลด์ในสนามเลือกตั้งให้ได้ อย่างเวทีในที่ 25-26 มกราคม 2566 นี้ ได้พานายก่อแก้ว พิกุลทอง นายวิภูแถลง พัฒนภูมิไท นายชินวัฒน์ หาบุญพาด นายพิพัฒน์ชัย ไพบูลย์ ลงพื้นที่พบประชาชนในภาคใต้ 

ส่วนนายวีระกานต์ มุสิกพงศ์ และ นายแพทย์เหวง โตจิราการ ทั้งสองท่านนี้อยากพัก ส่วนนางธิดา ถาวรเศรษฐ ไม่ได้เข้าสังกัดพรรคการเมืองใดมาตั้งแต่ต้นอยู่แล้ว ในทางส่วนตัวเราพูดคุยกันตลอด ส่วนเพื่อนมิตรที่เห็นต่างกันก็เป็นแนวทางของแต่ละคน ไม่ได้เป็นเรื่องบาดหมางใดๆ ทั้งสิ้น ดังนั้นสิ่งที่ตนอธิบายนี้ น่าจะเป็นที่ชัดเจน หลังจากนี้เราจะทำภารกิจแลนด์สไลด์ต่อไป

เมื่อผู้สื่อข่าวถามว่า สิ่งที่คุณจตุพร พรหมพันธุ์ พูดออกมาจะกระทบต่อภารกิจและเป้าหมายแลนด์สไลด์ของพรรคเพื่อไทยหรือไม่ นายณัฐวุฒิตอบว่า ถ้าพูดกันตรงๆ ผมยังไม่ใคร่จะห่วงใยเรื่องนั้นนัก เพราะจากการที่เราทำงานลงพื้นที่กันอย่างหนัก เราพบว่าพี่น้องประชาชนให้การสนับสนุนเป็นจำนวนมาก แต่ผมห่วงเรื่องความรู้สึกของพี่น้องที่เคยต่อสู้ด้วยกันมามากกว่า ซึ่งหลาย ๆ คนหาทางคลี่คลายสถานการณ์ และให้ทุกคนทุกส่วน หากเห็นต่างกันก็เดินไปตามวิถีทางของตัวเอง โดยที่สัมพันธภาพในฐานะเพื่อนพี่น้องก็ยังไม่มีอะไรเปลี่ยนแปลง ซึ่งตนคิดว่าแนวทางนี้จะเป็นประโยชน์สำหรับทุกฝ่าย อย่างไรก็ตามเรายังคงสื่อสารทำความเข้าใจกับพี่น้องอย่างต่อเนื่อง