"นฤมล" ประเมินสมการตั้งรัฐบาลยังคาดเดายาก เหตุฐานการเมือง2ขั้ว สูสี

         นางนฤมล ภิญโญสินวัฒน์ เหรัญญิกพรรคพลังประชารัฐ  กล่าวถึงการเตรียมความพร้อมของพรรคในการสู้ศึกเลือกตั้ง  ว่า พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ​ รองนายกฯ และหัวหน้าพรรคพลังประชารัฐ ได้เตรียมพร้อมผู้สมัคร ส.ส.เขตไว้พร้อมแล้ว ส่วนที่มีส.ส.ออกจากพรรค มีบุคลที่รับการพิจารณามาเติมเต็ม ทั้งนี้คาดว่าจะตกผลึกในที่สุด ส่วนนโยบายที่ขับเคลื่อนเพื่อสร้างประเทศไทยให้มั่นคง ยั่งยืน  ควบคู่ไปกับการแก้ปัญหาความยากจน ประชาชนอยู่ดีกินดีทุกพื้นที่  อาทิ บัตรสวัสดิการแห่งรัฐหรือบัตรประชารัฐเป็นนโยบายหลักที่ต้องต่อยอด การพลิกฟื้นเศรษฐกิจหลังโควิด-19 กลายเป็นโจทย์ใหญ่ก็มีนโยบายที่ตอบโจทย์ โดยเฉพาะผู้ประกอบการขนาดกลางและย่อม (เอสเอ็มอี ) ภาคการเกษตร โดยจะทยอยเปิดตัว 

         นางนฤมล กล่าวโดยเชื่อว่า นโยบาย และผู้สมัคร ส.ส.ที่เข้มแข็ง รวมถึงภาวะผู้นำของพรรค จะสามารถทำให้ประชาชนเชื่อมั่น และผลักดันให้ พล.อ.ประวิตร เป็นนายกฯคนที่ 30 ได้ อีกทั้งภาพที่ประชาชนได้เห็นว่าพล.อ.ประวิตร  เป็นผู้มีภาวะการเป็นผู้นำที่กล้าตัดสินใจในสถานการณ์ของประเทศไทยในปัจจุบัน อีกทั้งไม่เคยขัดแย้งกับใคร  และสามารถทำงานได้กับทุกพรรคการเมือง

             “พล.อ.ประวิตรเป็นผู้นำที่มีลักษณะพิเศษ ไม่ขัดแย้ง ไม่โกรธ ให้อภัยทุกคนตลอด กวาดสายตามองออกไปคนที่เป็นเช่นนี้มีไม่เยอะในประเทศไทย ซึ่งจะมาเป็นผู้นำที่ทำให้ประชาชนเห็นว่า ประเทศไทยมีผู้นำที่นำพาประเทศ ก้าวข้ามความขัดแย้งทั้งหมดได้จริงๆ หากไม่ได้ผู้นำเช่นนี้   ประชาชนยังตีกันอยู่”นางนฤมล กล่าว

         นางนฤมล กล่าวด้วยว่า ส่วนการจับขั้วตั้งรัฐบาลนั้น ขณะนี้ยังตอบได้ยาก เพราะต้องรอดูตัวเลขหลังเลือกตั้ง อย่างไรก็ดีพรรคพลังประชารัฐ มีฐานเสียงเดิม 8.4 ล้านเสียง ดังนั้นในการเลือกตั้งครั้งหน้า ฐานเสียงของ 2 ขั้วการเมือง  คือ ขั้วพรรคเพื่อไทย, พรรคก้าวไกล, พรรคไทยสร้างไทย, พรรคเสรีรวมไทย กับขั้วของพรรคพลังประชารัฐ , พรรคประชาธิปัตย์, พรรครวมไทยสร้างชาติ , พรรคสร้างอนาคตไทย ,พรรคชาติพัฒนากล้า พรรคไทยภักดี ที่ยังสูสี ดังนั้นจึงตอบได้ยาก  แต่ที่แน่นอนและชัดเจนคือ พรรคพลังประชารัฐมีอุดมการณ์ตั้งแต่ก่อตั้งพรรค ปี 61 พร้อมร่วมมือกับทุกคนเพื่อพาประเทศก้าวข้ามความขัดแย้ง