ยลโฉมทรัพย์สิน 31 ล้าน! “พล.อ.เฉลิมพล” นั่ง ผบ.ทสส.ครบ 3 ปี

ยลโฉมทรัพย์สิน 31 ล้าน! “พล.อ.เฉลิมพล” นั่ง ผบ.ทสส.ครบ 3 ปี

ทรัพย์สินรวม 31.6 ล้านบาท! “พล.อ.เฉลิมพล ศรีสวัสดิ์” ผบ.ทสส. หลังนั่งเก้าอี้ครบ 3 ปี ไร้หนี้สิน “ภริยา” รับมรดกที่ดินปี 65 มูลค่า 3.6 ล้านบาท

เมื่อวันที่ 20 ม.ค. 2566 สำนักงานคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.) เผยแพร่บัญชีแสดงรายการทรัพย์สินและหนี้สินของ พล.อ.เฉลิมพล ศรีสวัสดิ์ ผู้บัญชาการทหารสูงสุด (ผบ.ทสส.) กรณีทุกสามปีตลอดเวลาที่ยังดำรงตำแหน่งเป็นเจ้าหน้าที่ของรัฐ 

พล.อ.เฉลิมพล พร้อมด้วยนางบุษกร ศรีสวัสดิ์ คู่สมรส แจ้งว่ามีทรัพย์สินทั้งสิ้น 31,622,003 บาท ไม่มีหนี้สิน

แบ่งเป็นทรัพย์สินของ พล.อ.เฉลิมพล 14,400,847 บาท ประกอบด้วย เงินฝาก 4 บัญชีรวม 2,179,306 บาท เงินลงทุน 2,452,685บาท ที่ดิน 53,750 บาท ในพื้นที่ อ.หนองแค จ.สระบุรี สิทธิและสัมปทาน 9,324,605 บาท โดยเป็นกรมธรรม์ประกันชีวิตรวม 12 รายการ ทรัพย์สินอื่น 390,500 บาท 

ส่วนทรัพย์สินนางบุษกร คู่สมรส 17,221,155 บาท ประกอบด้วย เงินฝาก 4 บัญชีรวม 2,969,100 บาท ที่ดิน 9,333,055 บาท 7 รายการ ซึ่งระบุว่าได้รับมรดกมาทั้งหมด โดยเป็นที่ดินในพื้นที่ ดอนเมือง กรุงเทพ, อ.เชียงดาว จ.เชียงใหม่ และ ที่ได้รับมาล่าสุดเมื่อเดือน ส.ค. 2565 เป็นที่ดิน 2 ไร่เศษ ในพื้นที่ อ.ลำลูกกา จ.ทุมธานี มูลค่า 3,360,000 บาท โรงเรือนและสิ่งปลูกสร้าง 2,000,000 บาท โดยเป็นบ้าน 2 ชั้นในพื้นที่ดอนเมือง กรุงเทพฯ ยานพาหนะ รถยนต์ยี่ห้อบีเอ็มดับบิว 1 คัน มูลค่า 1,500,000 บาท ทรัพย์สินอื่น 1,419,000 บาท 

ทรัพย์สินอื่นที่น่าสนใจ ของพล.อ.เฉลิมพล และคู่สมรส อาทิ อาวุธปืนขนาด .45 อาวุธปืนขนาด .357 และอาวุธปืนขนาด 9 ม.ม. รวม 6 กระบอก ของพล.อ.เฉลิมพล นอกนั้นเป็นทรัพย์สินของคู่สมรส สร้อยคอทองคำประดับเพชร สร้อยคอทองคำขาวจี้เพชร นาฬิกาข้อมือ 2 เรือน  แหวนทองประดับเพชร  สร้อยคอทับทิมสยาม ชุดสร้อยคอทองคำพร้อมต่างหู เป็นต้น

พล.อ.เฉลิมพล แจ้งมีรายได้ต่อปีโดยประมาณ จากเงินเดือนข้าราชการทหารรวม 1,580,553 บาท รายจ่ายต่อปี 970,000 บาท โดยเป็นค่าใช้จ่ายส่วนตัว ค่ากรมธรรม์ประกันชีวิต เงินบริจาค ท่องเทียว และซื้อกองทุน ส่วนคู่สมรสไม่ได้แจ้งรายได้ โดยมีรายจ่ายต่อปี 142,000 บาท

สำหรับ พล.อ.เฉลิมพล ดำรงตำแหน่งเจ้ากรมยุทธการทหารบก ระหว่างปี 2560-61 ดำรงตำแหน่งรองเสนาธิการทหารบก ระหว่างปี 2561-62 ดำรงตำแหน่งผู้ทรงคุณวุฒิพิเศษกองทัพบก ในปี 2562 ก่อนจะดำรงตำแหน่งเสนาธิการทหารบก ระหว่างปี 2562-63 และดำรงตำแหน่งผู้บัญชาการทหารสูงสุดตั้งแต่ปี 2563 ถึงปัจจุบัน