‘2 ป.’ เปิดศึกแย่งนโยบาย ‘บัตรสวัสดิการแห่งรัฐ’  หวังโกยคะแนนเลือกตั้ง

‘2 ป.’ เปิดศึกแย่งนโยบาย  ‘บัตรสวัสดิการแห่งรัฐ’   หวังโกยคะแนนเลือกตั้ง

“2ป.” ประยุทธ์ - ประวิตร ชิงหาเสียงเข้มข้น ประวิตร เปิดตัวนโยบายบัตรสวัสดิการแห่งรัฐ 700 บาท/เดือน “ธนกร” แจงโครงการนี้พล.อ.ประยุทธ์ คิดตั้งแต่ปี 59 มั่นใจนายกฯจะกลับมาสานต่อนโนบายแน่นอน มั่นใจเดือน มี.ค.นี้ประชาชนได้ใช้โคงการรอบใหม่เพิ่มสวัสดิการมากกว่าเดิม

เพียงแค่ยกแรกของการเปิดตัวนโยบายที่จะใช้ในการเลือกตั้งก็เห็นถึงความขัดแย้งของพี่น้อง “2 ป.” ที่เคยเป็นเนื้อเดียวกัน แต่วันนี้แยกกันเดินทางการเมืองชัดเจน ระหว่าง พล.อ.ปะวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรี ที่สวมหมวกหัวหน้าพรรคพลังประชารัฐ (พปชร.)  และ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี  และรมว.กลาโหม แคนดิเนตนายกรัฐมนตรี พรรครวมไทยสร้างชาติ (รทสช.) 

พล.อ.ประวิตร ใช้เวทีแถลงนโยบายของพรรคพลังประชารัฐ เมื่อวันที่ 17 ม.ค.2566 ที่ผ่านมาประกาศสานต่อนโนบายบัตรสวัสดิการแห่งรัฐ หรือ “บัตรคนจน” โดยจะเพิ่มเงินเป็น 700 บาทต่อคนต่อเดือน เพื่อดูแลผู้มีรายได้น้อยและกลุ่มเปราะบางต่อเนื่องโดยจะทำทันทีเมื่อกลับเข้ามาเป็นรัฐบาลอีกครั้ง

‘2 ป.’ เปิดศึกแย่งนโยบาย  ‘บัตรสวัสดิการแห่งรัฐ’   หวังโกยคะแนนเลือกตั้ง

ทันทีที่พล.อ.ประวิตรประกาศนโยบายพรรคพลังประชารัฐในเรื่องเพิ่มบัตรสวัสดิการแห่งรัฐ ธนกร วังบุญคงชนะ รัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี ที่เรียกได้ว่าเป็นสายตรงของพล.อ.ประยุทธ์ ก็รีบออกมาให้ข่าวทันที ว่าโครงการลงทะเบียนเพื่อสวัสดิการแห่งรัฐ เริ่มดำเนินการครั้งแรกเมี่อปี 2559 จนถึงปัจจุบัน ซึ่ง พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกฯ และรมว.กลาโหม เป็นผู้ให้แนวคิดเพื่อยกระดับประสิทธิภาพการจัดสรรสวัสดิการของประเทศไทยในรอบหลายสิบปี โดยให้เงินช่วยเหลือของภาครัฐตรงไปยังกลุ่มเป้าหมาย จนสามารถระบุตัวตนผู้มีรายได้น้อยได้อย่างแท้จริง 

 

ซึ่งผู้รับสิทธิโครงการสวัสดิการแห่งรัฐ ปี 2559 จำนวนทั้งสิ้น 7.7 ล้านราย อย่างไรก็ตาม ล่าสุดข้อมูลผู้มีบัตรสวัสดิการแห่งรัฐปัจจุบัน (ณ วันที่ 1 มกราคม 2566) มีจำนวน 13.22 ล้านราย

 

สำหรับโครงการลงทะเบียนเพื่อสวัสดิการแห่งรัฐ  ปี 2565 ซึ่งขณะนี้อยู่ระหว่างการตรวจสอบคุณสมบัติของผู้ลงทะเบียนกว่า 19.63 ล้านรายนั้น ได้ปรับรูปแบบให้ใช้บัตรประจำตัวประชาชนเป็นบัตรสวัสดิการฯ แทน คาดว่าจะสามารถประกาศผลการตรวจสอบคุณสมบัติของผู้ลงทะเบียนได้ในช่วงปลายเดือนม.ค. 2566 และเริ่มใช้สิทธิได้ภายในเดือนมีนาคมนี้ 

นอกจากนี้ งบประมาณที่จัดสรรสำหรับสวัสดิการให้แก่ผู้มีบัตรสวัสดิการแห่งรัฐในปี 2565 นั้น ยังช่วยสนับสนุนการขยายตัวทางเศรษฐกิจได้อีกด้วย คาดว่าจะมีเม็ดเงินเข้าสู่ระบบเศรษฐกิจประมาณ 7.5 หมื่นล้านบาท

 

“  พูดได้ว่าการจัดสวัสดิการสังคมและการให้เงินช่วยเหลือของรัฐในยุค พล.อ.ประยุทธ์ ช่วยแก้ไขปัญหาความยากจนในสังคมไทย และส่งต่อคุณภาพชีวิตที่ดีสำหรับพี่น้องประชาชนผู้มีรายได้น้อย และกลุ่มเปราะบางในสังคมไทยได้อย่างยั่งยืน และหากการเลือกตั้งสมัยหน้า ท่านนายกฯ ได้กลับมาบริหารประเทศ ผมเชื่อว่าทุกนโยบายจะถูกนำมาคิดเพื่อต่อยอดและพัฒนาให้ดีขึ้นกว่าในปัจจุบันอย่างแน่นอน เพราะท่านนายกฯ ลุยงานหนักทุกวัน ย่อมทราบถึงข้อดีในทุกนโยบาย สิ่งที่ดีท่านนายกฯ ก็พร้อมสานต่อและเพิ่มเติมให้โดนใจประชาชนมากขึ้น ส่วนสิ่งที่ต้องปรับปรุงก็พร้อมที่จะอุดช่องโหว่เหล่านี้ บนพื้นฐานที่ประชาชนต้องได้ประโยชน์สูงสุด” นายธนกร กล่าว

ต้องจับตามองต่อไปว่าพรรค รทสช.จะประกาศนโยบายเกี่ยวกับบัตรสวัสดิการแห่งรัฐอย่างไร เมื่อนโยบายนี้ถูกพรรค พปชร.ประกาศไปก่อนหน้านี้แล้ว