ฆาตกรต่อเนื่องชื่อ"ธนาธิปไตย"ยังไม่หยุดฆ่า | ไสว บุญมา 

ฆาตกรต่อเนื่องชื่อ"ธนาธิปไตย"ยังไม่หยุดฆ่า | ไสว บุญมา 

“ธนาธิปไตย” เป็นข่าวใหญ่หลังนักการเมืองชั้นแนวหน้า นำมาใช้อ้างถึงปรากฏการณ์วุ่นวายในช่วงนี้ เมื่อมีนักการเมืองจำนวนมากย้ายพรรคกันจ้าละหวั่นเพื่อเตรียมลงเลือกตั้งครั้งหน้า

"ธนาธิปไตย” แปลมาจาก plutocracy หมายถึงระบอบการปกครองซึ่งมีคนรวยเป็นผู้กำอำนาจรัฐ อย่างไรก็ดี คำนี้ถูกใช้ในบริบทต่างๆ รวมทั้งในระบอบประชาธิปไตยที่ผู้กำอำนาจรัฐอาจมิใช่คนรวย แต่เข้าสู่อำนาจโดยอาศัยเงิน หรืออิทธิพลของคนรวยและดำเนินนโยบายเพื่อเอื้อประโยชน์ให้คนรวยเป็นสำคัญ 

ในปัจจุบัน มีผู้มองว่าแม้แต่สหรัฐก็เป็นเช่นนั้น ทั้งนี้เพราะการหาเสียงใช้เงินจำนวนมาก คนรวยจึงเข้าถึงนักการเมืองได้ง่ายผ่านการใช้เงินของตน สนับสนุนคนที่ยินดีสนองผลประโยชน์แก่ตนผ่านนโยบายของรัฐ ระบอบประชาธิปไตยในสหรัฐจึงกำลังถูกฆาตกรรมแบบผ่อนส่ง

ธนาธิปไตย เป็นต้นตอของการฆาตกรรมระบอบประชาธิปไตยในอาร์เจนตินา ประเทศนั้นถึงกับล้มละลายซึ่งคอลัมน์นี้อ้างถึงแล้วหลายครั้ง กล่าวคือ อาร์เจนตินาเคยร่ำรวยและปกครองด้วยระบอบประชาธิปไตยในแนวเดียวกับสหรัฐ หลังจากคนรวยเข้าครอบงำอำนาจรัฐเป็นเวลานาน การพัฒนาประเทศเริ่มไม่ทันยุคสมัยและไม่เป็นไปเพื่อคนส่วนใหญ่ 

นักการเมืองผู้เสนอนโยบายประชานิยมแบบเลวร้าย จึงสามารถโค่นคนรวยลงได้ แต่ต้นทุนของการโค่นนั้นสูงมากเนื่องจากอีก 40 ปีต่อมาอาร์เจนตินาล้มละลายเพราะใช้ประชานิยมแบบเลวร้ายจนคนทั่วไปเสพติด และรัฐมีเงินไม่พอจ่าย

สำหรับในเมืองไทย ผมเคยนำคำนี้มาใช้ตั้งแต่สมัยนายกรัฐมนตรีเป็นอดีตนายตำรวจ ซึ่งเข้าสู่ตำแหน่งในปี 2544 และเริ่มนำนโยบายประชานิยมแบบเลวร้ายเข้ามาใช้ ตอนนั้นผมเรียกแนวการบริหารประเทศของเขาว่า Taksinocracy

Taksinocracy ซึ่งมี 5 องค์ประกอบคือ อัตตาธิปไตย (Autocracy) โจราธิปไตย (Kleptocracy) ญาติกาธิปไตย (Cronismocracy) ประชานิยมาธิปไตย (Populismocracy) และธนาธิปไตย 

การเลือกตั้งปี 2544 เกิดจากการใช้รัฐธรรมนูญฉบับ 2540 ซึ่งนักรัฐศาสตร์มองว่าเข้าใกล้ระบอบประชาธิปไตยในอุดมการณ์มากที่สุดเทียบกับบรรดารัฐธรรมนูญจำนวนมากของไทย

ต่อมารัฐธรรมนูญฉบับนั้นรวมทั้งการพัฒนาระบอบประชาธิปไตย ซึ่งพยายามตั้งไข่อยู่หลายสิบปีก็ถูกฆาตกรรม ธนาธิปไตยในความหมายที่รวมทั้งเงินเป็นใหญ่มีบทบาทสำคัญในการฆาตกรรมนั้น

เงินมีบทบาทสูงมานานในกระบวนการประชาธิปไตยในเมืองไทย ในการเลือกตั้งหลายครั้งมักรับรู้กันอย่างกว้างขวางว่ามีการซื้อเสียงโดยตรง และนักการเมืองส่วนใหญ่ที่ประสงค์จะได้อำนาจรัฐ มิได้มีเจตนาจะเข้ามาช่วยพัฒนาประเทศด้วยการใช้นโยบายที่เหมาะสม หากเจตนาจะเข้ามาเพื่อแสวงหาผลประโยชน์ให้แก่ตัวเองและญาติมิตร 

อย่างไรก็ดี เรื่องแนวนี้มีนานแล้ว ผมจำได้เมื่อครั้งยังเป็นเด็กที่จังหวัดนครนายก ในการเลือกตั้งปี 2500 เป็นที่รับรู้กันว่าไม่มีการซื้อเสียงโดยตรง แต่มีการแจกของสารพัดจนกระทั่งพูดกันทั้งจังหวัดว่าแม้แต่น้ำปลายังขาดตลาดในวันเลือกตั้ง เพราะถูกเหมาจากร้านค้าไปแจกให้แก่ผู้มาลงคะแนน

การเลือกตั้งครั้งนั้นนักวิจารณ์จำนวนมากสรุปว่า สกปรกที่สุดในประวัติศาสตร์ประชาธิปไตยของไทย ส่งผลให้รัฐบาลถูกยึดอำนาจภายในเวลาไม่กี่เดือน

ปัจจัยที่ทำให้นักการเมืองชั้นแนวหน้าออกมาใช้ “ธนาธิปไตย” เรียกสภาวะของบ้านเมืองในปัจจุบัน น่าจะตีความหมายได้ว่า ไม่จำกัดอยู่เพียงในภาคการเมืองเท่านั้น หากครอบคลุมสังคมไทยทั้งหมด

ทั้งนี้เพราะคนไทยส่วนใหญ่ดูจะมองว่าเงินสำคัญกว่าทุกสิ่ง ยกย่องคนรวยแม้เขาจะทรามเป็นที่ประจักษ์ พร้อมรับเงินเพื่อเลือกผู้ที่หยิบยื่นเงินให้เข้าไปคุมอำนาจรัฐ มองนโยบายประชานิยมแบบเลวร้ายที่แจกของให้ตนว่าเป็นนโยบายที่ดี 

ในความหมายแบบครอบคลุมนี้ ธนาธิปไตยกำลังฆ่าไม่เฉพาะการพัฒนาประชาธิปไตยในเมืองไทยเท่านั้น หากยังกำลังฆ่าสังคมไทยพร้อมกันไปอีกด้วย.