ปีแห่งชินวัตร “อุ๊งอิ๊ง” ชนะขาด วาสนาชะตาคน

ปีแห่งชินวัตร “อุ๊งอิ๊ง” ชนะขาด วาสนาชะตาคน

ปีกระต่ายบิน “อุ๊งอิ๊ง” ปูพรมป้ายประชานิยมสูตรใหม่ทั่วไทย ตามรอย “ทักษิณ” ผู้สร้างปรากฏการณ์แลนด์สไลด์ 2 สมัยรวด

อุ๊งอิ๊ง” อุ้มท้องหาเสียง เคียงข้างเศรษฐา ทวีสิน ขายทั้งตลาดบน-ตลาดล่าง จะเป็นนายกฯได้หรือไม่ เป็นเรื่องวาสนาชะตาคน

พรรคเพื่อไทยประเดิมศักราชใหม่ ปูพรมติดป้ายหาเสียงทั่วไทย บนแผ่นป้ายมีภาพ อุ๊งอิ๊ง-แพทองธาร ชินวัตร พร้อมคำขวัญ “คิดใหญ่ ทำเป็น เพื่อไทยทุกคน” ขายนโยบาย 8 ด้าน อาทิเช่น ค่าแรงขั้นต่ำ 600บ./วัน ปริญญาตรี 25,000 บ./เดือน ภายในปี 2570, เพื่อไทยมายาเสพติดหมดไป และยกระดับ 30 บาท บัตรประชาชนใบเดียวรักษาทั่วไทย

นี่คือ ประชานิยมสูตรลูกสาวนายห้าง ถอดแบบมาจากนโยบายพรรคไทยรักไทย ปี 2544 อย่างพักชำระหนี้เกษตรกรรายย่อย, 30 บาทรักษาทุกโรค,กองทุนหมู่บ้าน ฯลฯ 

ปีแห่งชินวัตร “อุ๊งอิ๊ง” ชนะขาด วาสนาชะตาคน

ที่สำคัญ ผู้คิดคำทำการตลาด “คิดใหม่ ทำใหม่ เพื่อไทยทุกคน” และ “คิดใหญ่ ทำเป็น เพื่อไทยทุกคน” ก็คือคนหน้าเดิม ทรงศักดิ์ เปรมสุข อดีตผู้บริหาร SC Matchbox 

วันนี้ ทรงศักดิ์ เปรมสุข หัวขบวน SC Matchbox ก็นั่งอยู่ในกลุ่มงานรณรงค์และผลิตสื่อของพรรคเพื่อไทย ร่วมกับภูมิธรรม เวชยชัย 

ดังนั้น ช่วงวันหยุดยาวปีใหม่ เดินทางทั่วไทย ขึ้นเหนือล่องใต้เจอแต่ภาพ “อุ๊ง อิ๊ง แพทองธาร” นี่คือยกแรกของสงครามแอร์วอร์ ของทักษิณ

สามแลนด์สไลด์

สำหรับการเลือกตั้งปี 2566 เกจิการเมืองทุกสำนักพูดตรงกัน กติกาเลือกตั้งบัตร 2 ใบ 400 เขต เข้าทางทักษิณ ชินวัตร เพราะผลการเลือกตั้งในอดีต มันชี้ชัดว่า นายห้างดูไบทำได้จริง

การเลือกตั้งปี 2544 พรรคไทยรักไทย ขายแคมเปญคิดใหม่ ทำใหม่ ได้คะแนนรวมทั้งประเทศ 11 ล้านเสียง ส.ส.เขต 200 ที่นั่ง และ ส.ส.บัญชีรายชื่อ 48 ที่นั่ง รวม 248 ที่นั่ง 

ปีแห่งชินวัตร “อุ๊งอิ๊ง” ชนะขาด วาสนาชะตาคน
แม้จะพูดไม่ได้เต็มปากเต็มคำว่าแลนด์สไลด์ แต่ก็สร้างประวัติศาสตร์หน้าใหม่ในวงการเมืองไทย และคำขวัญคิดใหม่ ทำใหม่ ก็ติดตลาด

การเลือกตั้งปี 2548 พรรคไทยรักไทย ได้ 18 ล้านเสียง ส.ส.เขต 310 ที่นั่ง และ ส.ส.บัญชีรายชื่อ 67 ที่นั่ง รวม 377 ที่นั่ง นี่คือปรากฏการณ์แลนด์สไลด์ของจริง

ข้ามรัฐประหาร 2549 มาถึงการเลือกตั้งปี 2554  ทักษิณปั้นยิ่งลักษณ์ ในเวลา 49 วัน ก้าวสู่นายกรัฐมนตรี พรรคเพื่อไทย ได้ 15 ล้านเสียง และได้ ส.ส.ทั้งสองระบบ 265 คน

ปี 2566 ทักษิณกำลังเดินไปสู่เป้าหมายแลนด์สไลด์ครั้งที่ 4 ด้วยการปั้นลูกสาวคนเล็ก อุ๊งอิ๊งอุ้มท้องพาเพื่อไทย กวาด ส.ส.ทั้งสองระบบให้ได้มากกว่า 250 คน

พิมพ์นางพญา

นับวันเรตติ้ง “อุ๊งอิ๊ง แพทองธาร” จะได้รับความนิยมเพิ่มขึ้น และทิ้งห่างคู่แข่งไปเรื่อยๆ อีกด้านหนึ่ง อุ๊งอิ๊งก็ฉายชัดภาพผู้นำหญิง โดยมีเงาคุณหญิงพจมาน ดามาพงศ์ ทาบทับ ในฐานะที่ปรึกษาทางจิตวิญญาณ 

ปีแห่งชินวัตร “อุ๊งอิ๊ง” ชนะขาด วาสนาชะตาคน


ทักษิณเคยพูดในแคร์คลับเฮาส์ กรณีอุ๊งอิ๊งหรืออิ๊งค์ จะเป็นแคนดิเดตนายกรัฐมนตรี พรรคเพื่อไทยได้หรือไม่ ลูกสาวต้องชนะใจคุณแม่-พจมาน ให้ได้เสียก่อน

ในรอบปีที่ผ่านมา อดีตนายกฯคนไกลบ้าน พูดถึงคุณหญิงพจมานบ่อยครั้ง อย่างวันที่ทักษิณให้สัมภาษณ์ฟาโรส ช่องไกลบ้าน ได้ย้ำเรื่องสาเหตุที่อยากกลับเมืองไทย เพราะสงสารคุณหญิงพจมาน 

“อยากอยู่กับหลาน จะเป็นที่ปรึกษาให้ลูก และสงสารคุณหญิงพจมาน ดามาพงศ์ ภริยา แบ่งเบาภาระคุณหญิง”

เรื่องลูกทั้งสามคน ทักษิณเล่าให้ฟาโรสฟังว่า “โอ๊คนั้น ตอนเด็กๆ ชอบเลี้ยงสัตว์ เวลาให้ไปเรียนหนังสือเหมือนไล่ไปตายเลย ไม่ชอบเลย พอเลี้ยงสัตว์ อ่านหนังสือแต่ละเรื่องจริงจังมาก เอมนั้นสไตล์พ่อ ชอบซื้อเครื่องเขียน ตำรา ชอบวิชาการ ส่วนอิ๊งค์ หน้าพ่อจริง แต่นิสัยแม่ เป็นคนที่นิ่ง เด็ดขาด ดุเหมือนแม่ แรงมาก็แรงไป”

“อุ๊งอิ๊ง แพทองธาร” มีใบหน้าเหมือนพ่อ แต่นิสัยเหมือนแม่คือ “เป็นคนที่นิ่ง เด็ดขาด ดุเหมือนแม่ แรงมาก็แรงไป” จริงหรือไม่ ต้องไปดูตัวตนของคุณหญิงพจมาน ดามาพงศ์ 

ปีแห่งชินวัตร “อุ๊งอิ๊ง” ชนะขาด วาสนาชะตาคน

ในหนังสือ Thaksin Shinawatra Theory and Thought ภาค Thaksin & Family ได้มีการเผยแพร่บทสัมภาษณ์คุณหญิงพจมาน ดามาพงศ์ ซึ่งเป็นการให้สัมภาษณ์เดี่ยวครั้งแรก

ภาพความนิ่งของคุณหญิงอ้อ สะท้อนผ่านคำถามที่ว่า วันแรกที่ทราบว่าสามี-ทักษิณ ถูกรัฐประหาร และครอบครัวเตรียมรับมืออย่างไร

“รับมือด้วยความนิ่ง และดูความปลอดภัยของลูกๆเป็นหลักในตอนนั้น” คุณหญิงอ้อตอบเยี่ยงผู้นำตัวจริง

เมื่ออุ๊งอิ๊ง ตัดสินใจเข้าสู่การเมือง ในฐานะหัวหน้าครอบครัวเพื่อไทย คุณหญิงอ้อพูดว่า “ลูกก็มาบอกว่ามีความตั้งใจ พอเห็นความตั้งใจของลูกเลยแล้วแต่ลูก เพราะลูกโตแล้ว เราต้องเคารพในการตัดสินใจและไม่อยากให้ลูกกดดัน ก็คอยสนับสนุนให้กำลังใจเขาห่างๆ”

แน่นอน เมื่อคุณหญิงอ้อ อนุญาตให้ลูกสาวเล่นการเมือง ย่อมไม่ไปปล่อยให้อุ๊งอิ๊งไปเผชิญคมหอกคมดาบตามลำพัง

อุ้มท้องหาเสียง
 

ปลายปีที่แล้ว ทักษิณ ชินวัตร เป็นคนแรกที่แจ้งข่าวว่า กำลังจะมีหลานชายคนใหม่ เมื่ออุ๊งอิ๊ง-แพทองธาร กำลังตั้งครรภ์ และจะคลอดในช่วงเดือน พ.ค.2566

“ผมจะบอกว่ากำลังจะมีหลานคนที่ 7 คนที่ไม่ชอบหน้าผม ไม่สงสารผมเหรอ อยากไปเลี้ยงหลานแล้ว หลานกำลังจะ 7 คนแล้ว”

หลังทราบข่าวหัวหน้าครอบครัวเพื่อไทยกำลังตั้งครรภ์ ลูกคนที่สอง เอฟซีชินวัตรก็มีความเห็นหลากหลาย บางคนกังวลเรื่องแคนดิเดตนายกรัฐมนตรี หรือบางเสียงสะท้อนว่า เป็นแผนการถอนตัวจากแคนดิเดตนายกฯ หรือไม่

อย่างไรก็ตาม อุ๊งอิ๊งได้แจ้งข่าวกับทุกคนผ่านเฟซบุ๊คและทวิตเตอร์ว่า “ตื่นเต้นกับการเดินทางครั้งนี้ เพราะมีภารกิจที่ต้องทำ ทั้งการเป็นคุณแม่ที่แข็งแรง และเป็นคนทำงานกับประชาชนที่รักอย่างดีและเต็มที่ที่สุด ไม่ต้องห่วงค่ะ แม่ๆรู้ดี เราทำงานได้จนถึงวันเดินไปคลอดแหละเนาะ กำลังใจให้กันด้วยเด้อ”

อุ๊งอิ๊งพยายามอธิบายว่า เรื่องการอุ้มท้องไม่เป็นอุปสรรคในการหาเสียงเลือกตั้ง อีกด้านหนึ่ง ช่วงเดือน ก.พ.2565 พรรคเพื่อไทย จะเปิดตัว เศรษฐา ทวีสิน นักธุรกิจอสังหาริมทรัพย์ ในฐานะแคนดิเดตนายกฯ คู่กับลูกสาวทักษิณ

ปีแห่งชินวัตร “อุ๊งอิ๊ง” ชนะขาด วาสนาชะตาคน

เศรษฐา เป็นนักบริหารที่มีสไตล์คล้ายทักษิณ บรรดาวงศาคณาญาติชินวัตร จึงเห็นว่า น่าจะตอบโจทย์ผู้นำประเทศยุคหลังโควิด ที่ประชาชนต้องการเห็นการฟื้นฟูเศรษฐกิจ และการเพิ่มรายได้ในกระเป๋าชาวบ้าน

ขายแพ็คคู่

ตอนแรก แกนนำเพื่อไทยบางกลุ่มมองว่า ถ้าไม่ชิงเปิดตัว เศรษฐา ทวีสิน อาจจะไม่ทันการณ์ เนื่องจากคนทั่วไป โดยเฉพาะกลุ่มรากหญ้าในต่างจังหวัด ยังไม่รู้จักซีอีโอคนนี้

มาถึงวันนี้ ก็ค่อนข้างชัดว่า เพื่อไทยน่าจะเปิดตัวแคนดิเดตนายกฯ ช่วงก่อนยุบสภาฯ เพื่อไม่ให้บอบช้ำเร็วเกินไป และอีกอย่างหนึ่ง กระแสอุ๊งอิ๊งกำลังไปได้ดี

ภาพลักษณ์ เศรษฐา ทวีสิน ตอบโจทย์คนเมือง คนชั้นกลางมากกว่าอุ๊งอิ๊ง เพราะลูกสาวทักษิณ ถูกมองเป็นตัวแทนตระกูลชินวัตร ไม่ใช่มืออาชีพแบบเศรษฐา

ในแง่การตลาดการเมือง คลังสมองเพื่อไทยคงวางสินค้าการเมืองชื่อ “เศรษฐา” ไว้ขายคนเมือง ส่วน “อุ๊งอิ๊ง” คงเจาะตลาดต่างจังหวัด โดยเฉพาะกลุ่มคนรากหญ้า

ปีแห่งชินวัตร “อุ๊งอิ๊ง” ชนะขาด วาสนาชะตาคน
อย่าลืมว่า คนเสื้อแดงในภาคอีสาน และภาคเหนือ ยังภักดีต่อแบรนด์เดิม “ทักษิณ-ยิ่งลักษณ์” ถ้านำชื่อเศรษฐาไปขาย คงไม่ได้รับการตอบรับเท่ากับอุ๊งอิ๊ง  

ดังนั้น ชื่อของเศรษฐา-อุ๊งอิ๊ง จึงเป็นสินค้าการเมืองที่ต้องขายคู่กัน เพื่อบรรลุเป้าหมายเพื่อไทยแลนด์สไลด์ ในการเลือกตั้งปี 2566