ทิ้งทวน“ซักฟอก”รวบตึง 4 ปี ลุ้นกระแส พลิกขั้ว“รัฐบาล”

ทิ้งทวน“ซักฟอก”รวบตึง 4 ปี  ลุ้นกระแส พลิกขั้ว“รัฐบาล”

"ฝ่ายค้าน" ยื่น อภิปรายทั่วไปแล้ว ประกาศจะใช้เป็นเวที “โหมโรง” เรียกเรตติ้ง หวังพลิกกระแส สร้างกำลังหนุนให้ ขึ้นแท่น พลิกขั้ว เป็น "ฝ่ายบริหาร" แทนรัฐบาลปัจจุบันที่สืบทอดอำนาจมาหลายปี

          พรรคฝ่ายค้านโหมโรง ก่อนพ้นปี 65 ขย่ม “รัฐบาลประยุทธ์” ด้วยการยื่นญัตติขอเปิดอภิปรายทั่วไป เพื่อซักถามข้อเท็จจริงหรือเสนอแนะปัญหาต่อคณะรัฐมนตรี เตรียมซักล้าง “รัฐบาลสืบทอดอำนาจ”

 

          แม้การยื่นอภิปรายทั่วไปครั้งนี้จะเป็น “ธรรมเนียมปฏิบัติ” ที่ทุกสมัยประชุม “ฝ่ายค้าน” ต้องใช้โอกาสตามรัฐธรรมนูญ ทำผลงานให้มีความเคลื่อนไหว

 

          ทว่า การอภิปรายทั่วไปรอบสุดท้าย ก่อนสภาฯ หมดวาระ ในวันที่ 23 มีนาคม 2566 ฝ่ายค้านการันตีว่า ไม่ใช่เรื่องของ “ประเพณี” เพราะหวังผลถึงการชิงคะแนนความนิยมจากผู้มีสิทธิเลือกตั้ง ที่จะเกิดขึ้นไม่เกินเดือนพฤษภาคม 2566

ทิ้งทวน“ซักฟอก”รวบตึง 4 ปี  ลุ้นกระแส พลิกขั้ว“รัฐบาล”

          เนื่องจากรายละเอียดของการอภิปราย แม้จะขึ้นหัวญัตติว่า “เพื่อซักถามข้อเท็จจริง” แต่เนื้อในแล้ว คือการชี้ให้เห็นความบกพร่อง ล้มเหลว การบริหารราชการแผ่นดินตลอด 4 ปีที่ผ่านมา

          ถอดความมาจาก นโยบายเร่งด่วน 12 ประการ ที่รัฐบาลแถลงต่อที่ประชุมสภาฯ แต่ไม่ถูกปฏิบัติ หรือดำเนินการให้เป็นรูปธรรม ทั้งประเด็นปัญหาสังคม การเมือง สิ่งแวดล้อม และด้านเทคโนโลยี 

 

          โดยเฉพาะการแก้ปัญหาสังคม ความเหลื่อมล้ำ ยาเสพติด รวมถึงประเด็นการยอมให้ “กลุ่มทุนสีเทา” ใช้ประเทศไทยเป็นแหล่งหากิน บ่มเพาะอาชญากรรม แก๊งคอลเซ็นเตอร์ การฟอกเงิน จนมีผลกระทบต่อความมั่นคงของชาติ

 

        ประเด็นที่คาดว่าจะเป็นไฮไลต์ คือ การแก้ปัญหาเศรษฐกิจที่ล้มเหลว มุ่งก่อหนี้สาธารณะ ใช้เงินเพื่อประโยชน์ทางการเมือง หวังคะแนนนิยม เพื่อความมั่นคงและความอยู่รอดของ “รัฐบาล” โดยไม่สนใจการแก้เรื่องทุจริต ทำให้ระบบการเมือง กลายเป็น “ธนกิจการเมือง”

ทิ้งทวน“ซักฟอก”รวบตึง 4 ปี  ลุ้นกระแส พลิกขั้ว“รัฐบาล”

          รวมถึงแก้ปัญหา ราคาพืชผลทางการเกษตรกรรม ให้เกษตรกร ที่ “ประกันไรไม่ได้” ปัญหาที่ดินทำกิน ทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม

 

          จากกรอบการอภิปราย คาดว่า “รัฐมนตรี” จะถูกอภิปรายแทบทุกคน โดยเฉพาะ “หัวหน้าพรรคการเมือง” 

 

          ไม่เว้นแม้แต่ “พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ” รองนายกฯ ในฐานะหัวหน้าพรรคพลังประชารัฐ ที่มีข่าวว่าจะเป็นพรรคในสมการการเมืองที่จะจับมือกับ “เพื่อไทย” ร่วมตั้งรัฐบาลหลังเลือกตั้ง

ทิ้งทวน“ซักฟอก”รวบตึง 4 ปี  ลุ้นกระแส พลิกขั้ว“รัฐบาล”

 

          ขณะที่ “พล.อ.ประยุทธ์” ถูกวางตัวให้เป็น “จำเลยหลัก” ที่ “ทุกพรรคฝ่ายค้าน” จะซักล้าง

          พร้อมเปรียบว่า “บิ๊กตู่" คือ “สิ่งแปดเปื้อน” ระบบรัฐสภา ระบอบประชาธิปไตยอันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุข ที่ฝ่ายค้านต้องซักล้าง พร้อมกับแสดงข้อมูลให้ “ประชาชน” ผู้มีสิทธิเลือกตั้ง ให้เห็นว่า “จะวางใจให้ รัฐบาลชุดนี้” สืบทอดอำนาจต่อไปหรือไม่

ทิ้งทวน“ซักฟอก”รวบตึง 4 ปี  ลุ้นกระแส พลิกขั้ว“รัฐบาล”

          ต้องยอมรับว่า “การอภิปรายทั่วไป” ครั้งนี้ แม้สภาฯ​ จะลงมติไม่ไว้วางใจไม่ได้ แต่ฝ่ายค้านตั้งเป้า ทำผลงาน เพื่อให้ “ประชาชน” ลงคะแนนเลือกตั้ง เพื่อชี้ขาดว่า จะให้​ “ประยุทธ์” กลับเข้าสู่วงการ และครองตำแหน่ง “ผู้บริหารประเทศ” รอบที่สามหรือไม่

 

          ดังนั้น การอภิปรายทั่วไปครั้งนี้ จึงเหมือนเป็นการ “โหมโรง” เวทีการเมือง คล้ายกับการเปิดปราศรัย โชว์วิสัยทัศน์ ของ “ฝ่ายค้าน” ประกาศความพร้อม ที่จะขึ้นแท่นเป็น “ผู้กุมอำนาจ” ขึ้นแท่นฝ่ายบริหาร ให้ประชาชนได้เห็นก่อนศึกเลือกตั้งจะเปิดฉาก ในอีกไม่กี่เดือนข้างหน้า.