กกต.เล็งฎีกาปมแพ้คดีใบส้ม "สุรพล" ไม่หวั่นแจกอีกเลือกตั้งครั้งหน้า

กกต.เล็งฎีกาปมแพ้คดีใบส้ม "สุรพล" ไม่หวั่นแจกอีกเลือกตั้งครั้งหน้า

"ประธาน กกต." เผยสั่งคัดสำเนาคำพิพากษาศาลอุทธรณ์ หลังตัดสินให้แพ้ปมแจกใบส้ม "สุรพล เกียรติไชยากร" ชดใช้ 56.7 ล้านบาท ชงที่ประชุม กกต.ถกสัปดาห์หน้า เล็งฎีกาสู้ต่อ ไม่หวั่นกระทบการใช้อำนาจแจกใบส้มเลือกตั้งครั้งหน้า

เมื่อวันที่  21 ธ.ค. 2565 ที่โรงแรมรามา การ์เด้น นายอิทธิพร บุญประคอง ประธานกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) ให้สัมภาษณ์กรณีศาลอุทธรณ์มีคำพิพากษายืนตามศาลชั้นต้นให้ กกต.ชดใช้ค่าเสียหายจำนวน 56.7 ล้านบาทพร้อมดอกเบี้ย ให้แก่นายสุรพล เกียรติไชยากร อดีตผู้สมัคร ส.ส.เชียงใหม่ เขต 8 พรรคเพื่อไทย กรณีจ่ายใบส้มนายสุรพลในช่วงการเลือกตั้งปี 2562 นั้นว่า ได้รับทราบคำพิพากษาของศาลอุทธรณ์เมื่อวันที่ 20 ธ.ค.ที่ผ่านมา เราเคารพคำพิพากษา

นายอิทธิพร กล่าวว่า ส่วนในรายละเอียดหลักปฏิบัติในการทำงาน สำนักงาน กกต. จะไปศึกษารายละเอียด และคัดคำพิพากษา เพื่อศึกษาแนะนำมาแจ้งต่อที่ประชุม กกต.ทราบ ในสัปดาห์หน้า และอาจจะเสนอแนวทางการพิจารณาดำเนินการต่อไป ส่วนการยื่นฎีกาคำพิพากษา ซึ่งจะเป็นประเด็นหนึ่งที่อยู่ในวาระการพิจารณาของ กกต.ในการประชุมสัปดาห์หน้า โดยจะพิจารณาในรูปแบบขององค์คณะ รวมทั้งจะฟังความเห็นของสำนักงาน กกต.ที่ได้เสนอต่อคณะกรรมการด้วย และคาดว่าจะมีมติที่ชัดเจนต่อกรณีดังกล่าวภายในสัปดาห์หน้า

เมื่อถามว่าจากคำพิพากษาดังกล่าวจะส่งผลกระทบต่อกกต. ในการพิจารณาการแจกใบเหลืองใบแดงในการเลือกตั้งครั้งหน้าหรือไม่ นายอิทธิพร กล่าวว่า ไม่เป็นปัญหาเพราะกกต.ทำตามอำนาจหน้าที่ ถ้าเราเห็นว่าเป็นอย่างไรก็ต้องทำไปตามนั้น ซึ่งการตัดสินใจจะเป็นอย่างไรขึ้นอยู่กับคณะกรรมการ กกต.

เมื่อถามว่า กรณี ส.ส.พรรคพลังประชารัฐ ติดประกาศป้ายไวนิลปฏิทินปีใหม่คู่กับ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา และมีสัญลักษณ์ของพรรครวมไทยสร้างชาติ ซึ่งมีบางคนชี้ว่ามีความผิด ประธาน กกต. กล่าวว่า ได้รับทราบจากข่าวแล้ว สำนักงาน กกต.ซึ่งเป็นฝ่ายเลขาจะต้องตรวจสอบข้อเท็จจริงเบื้องต้นควบคู่กันไป ไม่ว่าจะมีผู้ร้องหรือไม่ก็ตาม แต่ผลเป็นอย่างไรก็ต้องเสนอเข้าสู่ที่ประชุมกกต.

เมื่อถามอีกว่ามีการดูด ส.ส.ไปมา มีสัญญาณอะไรผิดปกติหรือไม่ นายอิทธิพร กล่าวว่า  เรื่องนี้ตนไม่สามารถตอบได้ เพราะเป็นเรื่องการตัดสินใจของแต่ละปัจเจกบุคคล ในฐานะที่ตนเองเป็นสมาชิกพรรคการเมืองเป็นเรื่องของแต่ละบุคคล ส่วนเรื่องของการสังกัดพรรคนั้นเชื่อว่ามีความชัดเจนแล้วว่าจะนับวันอย่างไร