“หมออ๋อง” จับพิรุธ กกต.เพิ่มวงเงินหาเสียง 4 เท่า ส่อเอื้อพรรครัฐบาลหรือไม่

“หมออ๋อง” จับพิรุธ กกต.เพิ่มวงเงินหาเสียง 4 เท่า ส่อเอื้อพรรครัฐบาลหรือไม่

“หมออ๋อง” จับพิรุธ กกต.เพิ่มกรอบวงเงินหาเสียง 4 เท่า เอื้อพรรครัฐบาลหรือไม่ จี้ทำงานสร้างบรรยากาศการเมืองเป็นธรรม เชื่อประชาชนรู้ทัน เลือกพรรคที่ตรงไปตรงมา

เมื่อวันที่ 15 ธ.ค. 2565 นายปดิพัทธ์ สันติภาดา ส.ส.พิษณุโลก เขต 1 พรรคก้าวไกล กล่าวถึงกรณีที่คณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) ได้ส่งหนังสือถามพรรคการเมืองถึงกรอบวงเงินค่าใช้จ่ายในการเลือกตั้งของผู้สมัคร ส.ส. และพรรคการเมือง ที่เพิ่มกรอบวงเงินหาเสียงเลือกตั้งสูงสุดกรณีสภาอยู่ครบวาระมากกว่า 4 เท่า ว่ากรอบวงเงินที่ กกต. ออกมามีความย้อนแย้งกับกฎการคำนวณค่าใช้จ่ายเลือกตั้ง 180 วัน ที่ออกมาก่อนหน้านี้หรือไม่ น่าสงสัยว่า กกต. อาจได้สัญญาณจากผู้มีอำนาจเหนือ กกต. ว่าพวกเขาอาจอยู่ครบอายุสภา

นายปดิพัทธ์ กล่าวว่า ก่อนหน้านี้ กกต. กำหนดออกกฎ 180 วัน เจตนาเพื่อป้องปรามไม่ให้นักการเมืองใช้จ่ายเงินในการหาเสียงมาก โดยอ้างเหตุผลเรื่องความเสมอภาคและความเป็นธรรม แต่การกำหนดกรอบวงเงินของ กกต. รอบใหม่ที่ออกมานี้ ย้อนแย้งกับสิ่งที่ กกต. เคยอ้างหรือไม่ เพราะการกำหนดกรอบวงเงินในการหาเสียงของ ส.ส. เพิ่มขึ้นจาก 1.5 ล้านบาท เป็น 6.5 ล้านบาท หรือเพิ่มขึ้นมากกว่า 4 เท่า ถือเป็นค่าใช้จ่ายที่มากกว่าเงินเดือน ส.ส. 4 ปีรวมกันเสียอีก

“กฎแบบนี้แปลว่า กกต. กำลังส่งเสริมให้คนที่จะเข้ามาเป็นผู้แทนราษฎร ต้องออกไปหาผลประโยชน์ทางอื่นนอกจากเงินเดือนใช่หรือไม่” นายปดิพัทธ์ กล่าว

นายปดิพัทธ์ กล่าวอีกว่า การปล่อยให้พรรคการเมืองมีกรอบวงเงินหาเสียงจากเดิมที่กำหนดพรรคละ 35 ล้านบาท เพิ่มขึ้นเป็นมากกว่า 152 ล้านบาท ไม่รู้หลักการนี้ลอยมาจากไหน หรือเป็นเพราะใบสั่งจากรัฐบาลที่มีอำนาจเหนือ กกต. เพราะตอนแรกยังไม่ชัดเจนว่า พล.อ.ประยุทธ์ จะมีพรรคสังกัด จึงต้องสกัดการรณรงค์หาเสียงของนักการเมืองพรรคอื่น แต่เมื่อ พล.อ.ประยุทธ์มีพรรคที่สิงอยู่ชัดเจนแล้ว จึงส่งสัญญาณกลับลำให้กฎ กกต. เพื่อเปิดโอกาสให้ใช้เงินเต็มที่ ทุ่มงบประมาณหาเสียงในโค้งสุดท้าย ซึ่งพรรคที่จะได้ประโยชน์ คือพรรครัฐบาล ที่มีทุนใหญ่และแหล่งผลประโยชน์หนุนหลัง ทำให้มีแต้มต่อเหนือพรรคการเมืองอื่นที่ตั้งใจทำงานการเมืองอย่างตรงไปตรงมา

“สำหรับพวกเราพรรคก้าวไกล เราเชื่อมั่นในพลังสนับสนุนของประชาชน เชื่อว่าประชาชนเห็นว่าพรรคใดและนักการเมืองคนไหนทำงานอย่างตรงไปตรงมา ตั้งใจทำงานขับเคลื่อนนโยบายที่จะเกิดประโยชน์กับพวกเขามากกว่าเงินเพียงหลักร้อยหรือหลักพันที่จะได้ในช่วงเลือกตั้ง แต่ กกต. ในฐานะองค์กรอิสระก็ต้องทำงานเพื่อสร้างบรรยากาศทางการเมืองที่เสมอภาคและเป็นธรรม เพื่อให้ประชาธิปไตยของประเทศมีความเข้มแข็ง อำนาจสูงสุดเป็นของประชาชนจริง ๆ” นายปดิพัทธ์กล่าว