“พิธา” ยันสัมพันธ์ “ก้าวไกล - เพื่อไทย” ยังแน่น เห็นต่างแต่หาจุดร่วมได้

“พิธา” ยันสัมพันธ์ “ก้าวไกล - เพื่อไทย” ยังแน่น เห็นต่างแต่หาจุดร่วมได้

“พิธา” ยันความสัมพันธ์ “ก้าวไกล - เพื่อไทย” ยังแนบแน่น อนาคตอาจเห็นไม่ตรงกันบ้าง เรื่องทำงาน แต่คิดว่าหาจุดร่วมกันได้ ลั่นค่าแรงต้องขึ้นสม่ำเสมอ ไม่ใช่แค่ช่วงเลือกตั้ง

เมื่อวันที่ 14 ธ.ค.2565 นายพิธา ลิ้มเจริญรัตน์ ส.ส.บัญชีรายชื่อ และหัวหน้าพรรคก้าวไกล กล่าวถึงกรณีที่พรรคเพื่อไทย ประกาศนโยบายค่าแรงวันละ 600 บาท ว่า ตนคิดว่า นโยบายค่าแรงเป็นสิ่งที่พรรคก้าวไกล และพรรคเพื่อไทย มีความคิดเห็นตรงกัน เป็นสิ่งที่ตนอยากจะชวนพรรคเพื่อไทยมาทำงานร่วมกันในระบบประชาธิปไตย ที่มีระบบรัฐสภา ซึ่งสามารถเสนอนโยบายของแต่ละพรรคได้ เพื่อให้เกิดผลดีที่สุดกับประชาชน ถือว่าเป็นนิมิตหมายที่ดีที่ทั้งสองพรรคเห็นผู้ใช้แรงงานเป็นจุดศูนย์กลาง ในภาพใหญ่เรายืนยันว่าเรามีความสัมพันธ์ที่ดีกับพรรคเพื่อไทยมาโดยตลอด รวมถึงในอนาคตอาจจะมีบางอย่างที่เห็นไม่ตรงกันบ้างในเรื่องของการทำงาน แต่ตนคิดว่าน่าจะหาจุดร่วมกันได้ ที่เห็นตรงกันชัดเจนที่สุดคือ สวัสดิการความเป็นอยู่ของประชาชนผู้ใช้แรงงาน

“ผมขอยืนยันว่า เรามีความสัมพันธ์ที่ดีกับพรรคเพื่อไทยมาตลอด ตั้งแต่ในอดีต ปัจจุบัน และหวังว่าในอนาคต เมื่อเราเริ่มแถลงนโยบายก็มีหลายเรื่องที่เห็นตรงกัน ถ้าเราเป็นรัฐบาลร่วมกันก็สามารถที่จะแบ่งงานกันทำได้ และทำงานไปในทิศทางเดียวกัน” นายพิธา กล่าว

เมื่อถามว่า หากมีการขึ้นค่าแรงอาจจะทำให้เกิดปัญหาทางเศรษฐกิจ และอาจจะเกิดภาวะเงินเฟ้อ พรรคก้าวไกลมีแนวทางแก้ไขหรือไม่ นายพิธา กล่าวว่า ขณะนี้ค่าแรงเท่าเดิมเงินก็เฟ้ออยู่แล้ว ความจริงเงินเฟ้อก็ไม่ได้ขึ้นอยู่กับค่าแรงเพียงอย่างเดียว ซึ่งตนคิดว่าหากขึ้นค่าแรงรัฐบาลจะต้องช่วยเหลือธุรกิจเอสเอ็มอีในช่วง 6 เดือนแรก เพื่อให้เกิดการปรับตัว และที่สำคัญในเรื่องการปรับขึ้นค่าแรงควรจะสม่ำเสมอ และอัตโนมัติ ไม่ใช่มีการเลือกตั้งก็กระชากขึ้น จะทำให้เรื่องที่ไม่น่าจะเป็นปัญหาก็จะกลายเป็นปัญหา หากเรายึดให้ค่าแรงของประเทศขึ้นตามค่าเงินเฟ้อ หรือจีดีพีอัตโนมัติทุกปี ตนคิดว่าจะเกิดความยั่งยืนมากขึ้น และผลกระทบต่อธุรกิจเอสเอ็มอีจะน้อยลง

 

 

 

 

พิสูจน์อักษร....สุรีย์  ศิลาวงษ์