"ศุภชัย" ไหว้ขอโทษกลางสภา หลัง 2 ส.ส.เพื่อไทย จี้รับผิดปราศรัยหมิ่นคนสกลนคร

7 ธ.ค.2565 ในการประชุมสภาผู้แทนราษฎร ก่อนเข้าสู่วาระการพิจารณาร่างกฏหมายต่อเนื่องจากสัปดาห์ที่แล้ว นายพัฒนา สัพโส ส.ส.สกลนคร พรรคเพื่อไทย ได้ลุกขึ้นหารือต่อที่ประชุมตอนหนึ่งว่า สภาผู้แทนราษฎรแห่งนี้ มีสมาชิกบอกว่าเป็นสภาอันทรงเกียรติ โดยเฉพาะตัวนายชวน หลีกภัย ประธานรัฐสภา ซึ่งส่วนตัวให้ความนับถือ มีการทำหน้าที่ที่ค่อนข้างตรง ได้รับการยอมรับ แต่กลับมีรองประธานสภาบางท่าน ทำให้เกียรติภูมิของสภาผู้แทนราษฎรแห่งนี้เสื่อมเสีย 

"สิ่งที่อยากจะกราบเรียนวันนี้ ในการที่มีรองประธานสภาผู้แทนราษฎร ที่อีกหนึ่งตำแหน่งเป็น ส.ส.ได้ไปเรียกสมาชิก ให้สรรพนามกับสมาชิก บอกว่าเป็นคนโง่ คำว่าโง่ บัญญัติในพจนานุกรมก็คือโง่ และเติมคำว่าเขลาเข้าไป มันแปลเป็นอย่างอื่นไปไม่ได้" 

เมื่อนายพัฒนาหารือถึงช่วงนี้ นายชวนได้ตัดบท และระบุว่า ก็ทราบเรื่องจากข่าวตามสื่อต่างๆ ซึ่งเป็นเรื่องภายนอกห้องประชุมสภา ความจริงก็ไม่ได้เกิดขึ้นเป็นครั้งแรก ก่อนหน้านี้ก็เคยเกิดเหตุการณ์ที่มีคนไปพูดในลักษณะ ลดความสำคัญของพรรคอื่น คนอื่น อย่างไรก็ตาม ถ้าเป็นกรณีที่อยู่ในสภา ก็เป็นหน้าที่ของสภาที่จะต้องถกกัน ถ้าอยู่ข้างนอกก็ต้องจัดการไปตามภาระของแต่ละฝ่าย พูดง่ายๆ ก็คือ ว่ากันตามสิทธิของแต่ละฝ่าย ถ้าเรานำเรื่องภายนอกเข้ามาใช้เวลาของสภา ตนคิดว่าจะสูญเสียเวลา และไม่ถูกแนวทางที่ควรจะปฏิบัติ

"บุคคลที่ท่านพูดถึง แม้จะไม่เอ่ยชื่อ แต่แน่นอนว่า หมายถึง รองศุภชัย โพธิ์สุ รองประธานสภาผู้แทนราษฎร ผมคิดว่าในฐานะเป็นรองประธาน ทำให้ท่านมีภาระที่หนักกว่า ส.ส.ธรรมดา การประพฤติปฏิบัติก็เลยต้องอยู่ในระเบียบที่กำหนดไว้ ผมจึงอนุญาตให้คุณพัฒนากับสมาชิก 2 ท่าน ได้มีการหารือ ทราบว่าท่านศุภชัยเองก็บอกกับผมว่า อยากจะขอหารือในเรื่องดังกล่าว เช่นเดียวกัน เพื่อที่จะขอโทษ ขออภัยสมาชิก ซึ่งสามารถทำได้ แต่ไม่ควรเอาข้อเท็จจริงมาวิพากษ์วิจารณ์ เพราะจะมีการอภิปรายกันไม่จบสิ้น สภาก็จะทำงานไม่ได้" นายชวนกล่าว

ทำให้นายพัฒนา ลุกขึ้นชี้แจงว่า ตนไม่ได้โกรธนายศุภชัยเป็นการส่วนตัว แต่มีสมาชิกที่มีตำแหน่งหน้าที่ไปพูดเช่นนี้ ทำให้เกียรติภูมิสภาผู้แทนราษฎรเสื่อมเสีย หากเป็นสมาชิกก็ว่าไปอย่าง แต่เป็นถึงรองประธานสภา ที่นั่งทำหน้าที่อยู่บนบัลลังก์ จึงขอเวลา ขอความเห็นจากสมาชิกสภาฯ เพื่อให้เป็นแบบอย่าง 

"เมื่อเช้านี้ท่านรองประธานสภาก็โทรหาผมแล้ว บอกว่าเป็นพี่น้องกัน ยอมรับผิด ส่วนตัวผมก็ให้อภัย ในคดีความอาญา มาตรา 393 ผมไม่ขอดำเนินการในฐานะพี่น้อง ในฐานะคนไทยด้วยกัน และเป็นผู้แทนราษฎรด้วยกัน" นายพัฒนากล่าว 

ทำให้นายชวน กล่าวตัดบทอีกครั้งว่า เรื่องดังกล่าวหากเป็นเรื่องจริยธรรมก็ร้องไปได้ หรือหมิ่นประมาทก็สามารถไปดำเนินการทางกฎหมายได้ ในสภาก็ได้เปิดโอกาสให้ เท่าที่เห็นว่าเหมาะสมแล้ว จึงขอให้พอได้แล้ว ตนให้โอกาสพอสมควรแล้ว

 

ขณะที่นายนิยม เวชกามา ส.ส.สกลนคร พรรคเพื่อไทย ลุกขึ้นหารือต่อว่า 2 วันที่ผ่านมา มีประชาชนในพื้นที่ได้สอบถามตนในเรื่องดังกล่าว ว่าศักดิ์ศรีของสภาผู้แทนราษฎรมีแค่นี้หรือ ถึงขนาดที่รองประธานสภา บอกว่าโง่ ถ้าพวกตนซึ่งเป็น ส.ส.ไม่พูดก็ไม่ได้ โดยส่วนตัวเคารพนับถือกัน แต่นี่เป็นเรื่องของประชาชนชาวสกลฯ 

หลังจากมีการตอบโต้กันไปมา ทำให้นายศุภชัย โพธิ์สุ ซึ่งนั่งอยู่บริเวณที่นั่งของ ส.ส.พรรคภูมิใจไทย ได้ลุกขึ้นชี้แจงว่า "ผมยอมรับว่า ในวันที่ 4 ธันวาคม ที่ผ่านมา ผมได้มีโอกาสเปิดเวทีปราศรัยหาเสียง เปิดตัวว่าที่ผู้สมัคร ส.ส.นครพนม พรรคภูมิใจไทย และผมก็เป็นคนขึ้นปราศรัยหาเสียงกับพี่น้องชาวนครพนม แต่ปรากฏว่าในขณะที่ปราศรัย ผมต้องยอมรับตรงๆ ว่า ผมอาจจะเพลินไปหน่อย เนื่องจากอยู่ท่ามกลางบรรยากาศที่พี่น้องมากมาย ก็คงจะยืนยันกับท่านประธาน และท่านสมาชิกว่า คำพูดที่มีการกล่าวถึง ยอมรับในสภาว่าผมได้พูดจริง แต่ผมไม่ได้หมายถึงว่า เป็นการกล่าวหาพี่น้องจังหวัดสกลนครโง่ อยากให้ทั้ง 2 ท่านไปเปิดคลิปดูใหม่ก็ได้" 

"ในวันนั้นผมปราศรัยกับพี่น้องประชาชน ในฐานะที่เป็นว่าที่ผู้สมัคร ส.ส.ของพรรคภูมิใจไทย ไม่ได้ปราศรัยในฐานะ ส.ส.หรือรองประธานสภาผู้แทนราษฎร ในเมื่อตัวผมได้พูดออกไปแล้ว พลาดพลั้งไปแล้ว ผิดไปแล้ว ผมยอมรับกับท่านประธาน ฝากไปถึงสมาชิกทั้งสองท่าน และทุกๆ ท่านที่เกี่ยวข้อง ด้วย ผมขอกราบขออภัยในสิ่งที่ผมพูดขึ้นมา ผมกราบขออภัย และกราบขอโทษเพื่อนๆ ขอกราบขอโทษครับ"

ขณะที่พูด นายศุกชัย ได้ยกมือขึ้นไหว้ต่อสมาชิกในที่ประชุมสภาฯ ด้วย นายชวน จึงได้กล่าวว่า ขอยุติเรื่องนี้ ขณะที่มี ส.ส.พยายามจะอภิปรายต่อ โดยระบุว่าได้ให้โอกาสทั้งสองฝ่ายแล้ว เพราะเป็นเรื่องภายนอก