กลยุทธ์ พปชร. “ล็อค-หลบ”เขต ลิมิตไซส์ ทางเปิด ร่วมรัฐบาล ฉลุย

กลยุทธ์ พปชร. “ล็อค-หลบ”เขต ลิมิตไซส์ ทางเปิด ร่วมรัฐบาล ฉลุย

ในภาพรวม พลังประชารัฐมีการประเมินกันแล้วว่า ขนาดของพรรคหลังการเลือกตั้งจะเล็กลงจากเดิม แต่โอกาสในการร่วมรัฐบาลมีมากกว่าเดิม

เช็กความพร้อมเลือกตั้งของพรรคพลังประชารัฐ ในช่วงโค้งสุดท้ายก่อนครบเทอมรัฐบาล ตอนนี้เริ่มเห็นเค้าโครงที่ชัดเจนเป็นลำดับ หลังเผชิญแรงดูด ส.ส.ให้ไหลไปรวมกันที่พรรครวมไทยสร้างชาติ

แม้จะเสียเลือด หรือขุนพลบางส่วนไป แต่ก็ไม่ได้ทำให้พลังประชารัฐ ต้องล้มหมอนนอนเสื่อ เมื่อบรรดาบ้านใหญ่หลายแห่งยังคงปักหลัก ไม่หนีไปไหน และยังช่วยระดมเติมคนมาลงสมัคร ส.ส. ทดแทนคนเก่า

เวลานี้ความเคลื่อนไหวภายในพรรคกำลังซุ่มจัดทำนโยบายเพื่อใช้หาเสียง โดยยังคงคอนเซ็ปต์ สานต่อ 3 พันธกิจประชารัฐ ได้แก่ สวัสดิการประชารัฐ สังคมประชารัฐ และเศรษฐกิจประชารัฐ ที่มี นฤมล ภิญโญสินวัฒน์ เป็นหัวเรี่ยวหัวแรง ขณะเดียวกัน ก็ยังมีคณะกรรมการนโยบายพรรคพลังประชารัฐ ทำหน้าที่กำหนดนโยบายหาเสียงเลือกตั้ง ที่มี ไพบูลย์ นิติตะวัน รองหัวหน้าพรรค เป็นประธาน ทำงานคู่ขนาน

โดยนโยบายของพรรคที่พอจะเห็นทิศทาง คือมุ่งเน้นต่อยอดบัตรสวัสดิการแห่งรัฐ หรือบัตรประชารัฐ ที่ได้ขับเคลื่อนมาแล้ว เช่น การเพิ่มเงินให้ผู้ถือบัตร เป็นต้น รวมถึงข้อมูลต่างๆ ของผู้ที่ถือบัตรดังกล่าว ก็สามารถคิดนโยบายที่ครอบคลุมกลุ่มเปราะบาง ตั้งแต่เด็ก เกษตรกร คนมีรายได้น้อย จึงเริ่มมีการหารือกันถึงเรื่องเงินอุดหนุนปัจจัยการผลิตของเกษตร การจัดสรรที่ดินทำกิน หรือมาตรการช่วยดูแลและกระตุ้นให้คนมีลูกเพิ่ม

ส่วนกลยุทธ์ในทางการเมืองเพื่อสู้ศึกเลือกตั้ง พลังประชารัฐ ก็โฟกัส ส.ส.เขต เป็นสำคัญ เนื่องด้วยระบบเลือกตั้งครั้งต่อไป ใช้บัตร 2 ใบ หาร 100 โดยจำนวนจะเพิ่มขึ้นเป็น 400 เขต บรรดาบ้านใหญ่หลายจังหวัดจึงมีพื้นที่ที่ล็อคเป้าได้ค่อนข้างแม่นยำ เพราะมีเครือข่าย ฐานเสียง และปัจจัยต่างๆ พร้อมสรรพ เรื่องตัวบุคคลจึงมาก่อนกระแสพรรค อาจจะยกเว้นเฉพาะใน กทม.

ถึงอย่างนั้นก็ตาม การต่อสู้ในหลายพื้นที่โดยเฉพาะในอีสานของพลังประชารัฐ ก็ต้องยอมรับว่าไม่ง่าย ถ้าพื้นที่ไหนประเมินแล้วว่า ตัวผู้สมัครพลังประชารัฐไม่แข็งพอ เมื่อเทียบกับพรรคพันธมิตรอย่างภูมิใจไทย ก็ต้องปล่อยให้ภูมิใจไทยออกหมัดสู้กับเพื่อไทยแทน ไม่เช่นนั้นจะกลายเป็นศึก 3 เส้า ตัดคะแนนกันเอง แล้วพากันแพ้ทั้งคู่ แต่ถ้าเขตไหน พลังประชารัฐมั่นใจว่าสู้กับเพื่อไทยได้ ก็จะลุยอัดเต็มที่ เพราะหลายเขตในอีสานครั้งที่แล้ว พลังประชารัฐแพ้เพื่อไทยไม่กี่พันคะแนนเท่านั้น

เช่นเดียวกับศึกใหญ่เมืองชลฯ ระหว่างบ้านใหญ่คุณปลื้ม ที่นำโดย สนธยา คุณปลื้ม ที่จะยกทัพลงเลือกตั้งในนามเพื่อไทย ชนกับ “บ้านใหม่ชมกลิ่น” ของสุชาติ ชมกลิ่น ที่โยกไปใส่เสื้อรวมไทยสร้างชาติ ที่จะสู้กันยิบตา เมื่อต่างฝ่ายต่างต้องการโค่นอีกฝ่าย โดยใช้ทุกสรรพกำลังระดมใส่กันไม่ยั้ง ทั้งกระแสและกระสุน

ทางพลังประชารัฐก็อาจใช้กลยุทธ์รู้หลบเป็นปีก รู้หลีกเป็นหาง ขืนเข้าไปผสมโรง กระสุนอาจตกน้ำ แถมยังต้องบาดเจ็บกลับมา ได้ไม่คุ้มเสีย และแนวโน้มในภาคใต้ ที่สู้กันอย่างหนักระหว่างประชาธิปัตย์ กับรวมไทยสร้างชาตินั้น ก็มีบางเขตที่พลังประชารัฐหมายตา กับเขตที่อาจจะต้องหลบเช่นเดียวกัน

ทว่าในภาพรวม พลังประชารัฐมีการประเมินกันแล้วว่า ขนาดของพรรคหลังการเลือกตั้งจะเล็กลงจากเดิม แต่โอกาสในการร่วมรัฐบาลมีมากกว่าเดิม

เงื่อนไขสำคัญคือ ไม่มีเรื่องตัวบุคคลอย่าง พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา มาปิดกั้นเส้นทางสู่ฝ่ายบริหาร จึงเปิดกว้างทั้งโอกาสร่วมกับขั้วรัฐบาลเดิมได้ หรือจบศึกแล้วจับมือเพื่อไทยก็ฉลุย