“นายก อบจ.นครศรีฯ”แจงกรณีไลน์หลุด-ยันไม่เคยห้ามใครหาเสียงในพื้นที่

“นายก อบจ.นครศรีฯ”แจงกรณีไลน์หลุด-ยันไม่เคยห้ามใครหาเสียงในพื้นที่

“นายก อบจ.นครศรีฯ”แจงกรณีไลน์หลุด-ยันไม่เคยห้ามใครหาเสียงในพื้นที่ เผยปกติก็ไถ่ถามทุกข์สุขของกลุ่มสตรีอยู่ตลอด ชี้ต้องการช่วยเหลือและอำนวยความสะดวกให้โครงการส่งเสริมอาชีพดีพร้อม เชื่อชาวบ้านมีวิจารณญาณในการตัดสินใจเพื่ออนาคตของตัวเองและท้องถิ่น

จากกรณีที่การสนทนาในโปรแกรมแอปพลิเคชั่นไลน์ หลุดออกมาสู่ภายนอก โดยมีเนื้อหาทำนองสงสัยว่า นางกนกพร เดชเดโช นายกองค์การบริหารส่วนจังหวัด (อบจ.) นครศรีธรรมราช และประธานสภาสตรีจังหวัดนครศรีธรรมราช ระบุว่า ใครไปเชิญให้นายสุนทร รักษ์รงค์ คณะทำงานรองนายกรัฐมนตรี (พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ) และว่าที่ผู้สมัคร ส.ส.นครศรีธรรมราช พรรคพลังประชารัฐ มาเปิดโครงการส่งเสริมอาชีพดีพร้อม ของกรมส่งเสริมอุตสาหกรรม กระทรวงอุตสาหกรรม ในพื้นที่ อ.ร่อนพิบูลย์ จ.นครศรีธรรมราช และหากคนที่ไปเชิญนายสุนทร มาเปิดงาน มีท่าทีว่าจะเกิดปัญหากับคนในตระกูล เดชเดโช ก็พร้อมที่จะกราบ

นางกนกพร เดชเดโช นายกองค์การบริหารส่วนจังหวัด (อบจ.) นครศรีธรรมราช และประธานสภาสตรีจังหวัดนครศรีธรรมราช กล่าวว่า เนื่องจากตนเองมีบทบาทนำอย่างสูงในกลุ่มสตรีทั่วทั้งจังหวัดนครศรีธรรมราช และได้ดำเนินการช่วยเหลือในการทำงานของกลุ่มสตรีในหลายอำเภอของจังหวัด ดังนั้น ตนจึงต้องถามไถ่ถึงสารทุกข์สุขดิบและความเคลื่อนไหวภายในกลุ่มไลน์ของกลุ่มสตรีในอำเภอต่างๆ 
 

ซึ่งกรณีที่เกิดมีไลน์หลุดมานั้น เป็นช่วงที่ตนสอบถามว่า ใครเป็นผู้ไปเชิญนายสุนทร มาเปิดโครงการ เนื่องจาก โครงการดังกล่าว ตนทราบมาว่า เป็นโครงการเพื่อดำเนินการฟื้นฟูระบบเศรษฐกิจและสังคมของประเทศภายหลังวิกฤตโควิด-19 โดยมีเป้าหมายการฟื้นฟูเศรษฐกิจท้องถิ่นและชุมชนผ่านการดําเนินโครงการ หรือกิจกรรม เพื่อสร้างงาน สร้างอาชีพ การพัฒนาผลิตภัณฑ์ ท้องถิ่นและชุมชน รวมถึงการสร้างการเข้าถึงช่องทางการตลาด 

พร้อมทั้งยกระดับมาตรฐานคุณภาพและมูลค่าเพิ่มของสินค้าและผลิตภัณฑ์ท้องถิ่นและชุมชน  ผ่านรูปแบบการพัฒนา 4 หลักสูตรหลัก ได้แก่ 1) พัฒนาทักษะอาชีพพื้นฐานด้านการผลิต 2) พัฒนาทักษะอาชีพพื้นฐานด้านการบริการ 3) พัฒนาด้านผลิตภัณฑ์และบรรจุภัณฑ์ และ 4) พัฒนาต่อยอดทักษะที่จำเป็นต่อการประกอบธุรกิจ รวมทั้ง ที่ผ่านมา ทาง อบจ. และ สภาสตรีจังหวัดฯ ก็ได้ช่วยเหลืออำนวยความสะดวก ในการดำเนินการในการฝึกอาชีพของภาครัฐอยู่เสมอ 
 

ดังนั้น การที่ตนสอบถามว่า ใครมาเป็นผู้เปิดงานนั้น ก็เพื่อที่จะได้อำนวยความสะดวกในเรื่องต่างๆ เพื่อให้การดำเนินโครงการฯ เป็นไปด้วยความเรียบร้อย และบรรลุวัตถุประสงค์ที่วางไว้ ในการช่วยเหลือประชาชนเพื่อฟื้นฟูเศรษฐกิจหลังจากการระบาดของไวรัสโควิด – 19 

ส่วนที่ดิฉันบอกในบทสนทนาที่ว่า ขอให้ทีมงานกลุ่มสตรีและกลุ่ม อสม. ให้เป็นในทิศทางเดียวกัน โดยบอกว่า หากใครตัดสินใจไปช่วยงานกับคู่แข่งทางการเมืองหรือใครที่คิดไม่ดีกับครอบครัวดิฉันแล้ว จะไม่เสียใจและไปกราบนั้น ดิฉันเห็นว่า การปกครองในระบอบประชาธิปไตย ไม่มีใครคิดไปในทางเดียวกันโดยตลอด เพราะวันหนึ่งเมื่อถึงเวลา แต่ละคนก็มีแนวคิดเป็นของตนเอง ไม่มีใครไปบังคับใครได้ ซึ่งการที่จะไปกราบนั้น หมายความว่า เป็นการกราบขอบคุณที่ได้ร่วมงานกันมา และเข้าใจดีถึงเหตุผลความจำเป็นที่จะไปสนับสนุนบุคคลอื่นๆ ในการเลือกตั้งที่จะมาถึงด้วย เพราะดิฉันไม่เคยห้ามใครหรือนักการเมืองคนไหนมาหาเสียงในพื้นที่

“เนื่องจากดิฉันยึดถือหลักการประชาธิปไตยในการเปิดโอกาสให้บุคคลต่างๆ มีสิทธิ์ที่จะเสนอตัวเพื่อเป็นทางเลือกที่ดีให้กับชาวบ้าน พร้อมเชื่อว่าชาวบ้านทุกคนมีวิจารณญาณในการตัดสินใจเพื่ออนาคตของตนเองและท้องถิ่นที่ตัวเองอยู่ ” นางกนกพร กล่าว