"วิปรัฐบาล" มีมติไม่เลื่อน วาระแก้รธน. ของ "ธนาธร"

"วิปรัฐบาล" มีมติไม่เลื่อน วาระแก้รธน. ของ "ธนาธร"

"ชินวรณ์" เผยวิปรัฐบาลขอความร่วมมือฝ่ายค้าน ใช้เวลาประชุมรัฐสภาให้มีประสิทธิภาพ ไม่เลื่อนวาระแก้รธน. พร้อมขอความร่วมมือฝ่ายค้านร่วมเป็นองค์ประชุม

         นายชินวรณ์ บุญยเกียรติ ส.ส.นครศรีธรรมราช พรรคประชาธิปัตย์  ฐานะรองประธานคณะกรรมการประสานงานพรรคร่วมรัฐบาล (วิปรัฐบาล)  แถลงผลการประชุมวิป3ฝ่าย เพื่อพิจารณาถึงวาระการประชุมร่วมรัฐสภาวันที่ 28 - 30 พฤศจิกายน ซึ่งมีประเด็นของการพิจารณาร่างรัฐธรรมนูญแก้ไขเพิ่มเติม ที่เสนอโดย นายธนาธร จึงรุ่งเรืองกิจ ประธานคณะก้าวหน้า และประชาชนผู้มีสิทธิเลือกตั้ง 76,591 คนเสนอ ว่า วิปฝ่ายค้าน ขอเลื่อนวาระดังกล่าว ซึ่งกำหนดไว้ในลำดับที่4 ขึ้นมาพิจารณาก่อน แต่ฝ่ายวิปรัฐบาลมองว่าควรพิจารณาไปตามระเบียบวาระ เพราะร่างกกฎหมายที่บรรจุมีความสำคัญเช่นกัน ทั้งนี้ตนตั้งข้อสังเกตว่า การใช้เวลาควรใช้เวลาให้มีประสิทธิภาพ หากพิจารณาวาระที่บรรจุก่อนแล้วเสร็จในวันที่ 29 พฤศจิกายน ต่อจากนั้นวันที่ 30 พฤศจิกายน สามมารถพิจารณาร่างรัฐธรรมนูญฉบับแก้ไขเพิ่มเติมได้  และสมาชิกสามารถพูดได้เต็มที่ โดยฝ่ายค้านรับปากว่าจะไปประสานงาน รวมทั้งเรื่องเวลาในการที่จะอภิปรายเรื่องแก้ไขรัฐธรรมนูญด้วย   ทั้งนี้วิปรัฐบาลเตรียมพร้อมต่อการตั้งกมธ.จำนวน 49 คนแล้ว

         นายชินวรณ์ กล่าวตอบคำถามต่อปัญหาองค์ประชุม ด้วยว่า ฝ่ายรัฐบาลและฝ่ายค้านต้องรับผิดชอบเรื่ององค์ประชุมร่วมกัน  ทั้งนี้ฝ่ายรัฐบาลขอความร่วมมือ  เนื่องจากเป็นสมัยประชุมสุดท้ายแล้ว ส.ส.ควรได้แสดงผลงานทางด้านฝ่ายนิติบัญญัติให้ชัดเจน ดังนั้นตนมั่นใจว่าส.ส. ทุกคนก็สำนึกที่ได้ปฏิญาณตนตามรัฐธรรมนูญ และทำหน้าที่ในฐานะผู้แทนปวงชนชาวไทยที่ไม่อยู่ใต้อาณัติ และการครอบงำใดๆ จึงเข้าใจว่า จะได้รับความร่วมมือผ่านกฎหมายที่มีความสำคัญต่อไป 

 

 

            เมื่อถามว่า มองอย่างไรที่หลังเกิดองค์ประชุมล่มจนมีกระแสว่า ควรยุบสภา นายชินวรณ์ กล่าวว่า คิดว่าประชาชนเข้าใจรัฐสภาชุดนี้ ว่ามีเสียงที่ก้ำกึ่งกัน และมีลักษณะของการต่อรองในทางการเมืองที่แตกต่างไปจากเดิม ซึ่งเดิมเราจะเอาผลประโยชน์ของประชาชนเป็นตัวตั้ง และภาพรวมแต่ละพรรคเจรจากันได้ชัดเจน แต่ในช่วงหลัง ฝ่ายค้านกับฝ่ายค้านก็ไม่เป็นเอกภาพ ฝ่ายรัฐบาลกับฝ่ายรัฐบาลก็ไม่เป็นเอกภาพ ดังนั้น ฝ่ายรัฐบาลกับฝ่ายค้านจึงเป็นปัญหาปกติอยู่แล้ว แต่ตนก็ยังมั่นใจว่า จะต้องใช้วิธีการแลกเปลี่ยนความคิดเห็นกันให้มากขึ้น เพื่อร่วมกันขับเคลื่อนเรื่ององค์ประชุม ให้เป็นไปด้วยดีต่อไป

         เมื่อถามว่า ปัญหาที่เกิดขึ้นโยงไปถึงการปรับคณะรัฐมนตรี (ครม.) ที่ขณะนี้นายกรัฐมนตรียังไม่ชัดเจนว่าจะส่งชื่อ นายนริศ ขำนุรักษ์ ส.ส.พัทลุง พรรคประชาธิปัตย์ ไปดำรงตำแหน่งรมช.มหาดไทย นายชินวรณ์ กล่าวว่า พรรคประชาธิปัตย์ได้ดำเนินการตามขั้นตอนทันทีที่นายนิพนธ์ บุญญามณี ลาออกจากรมช.มหาดไทย ซึ่งหัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ได้เรียนชี้แจงต่อนายกรัฐมนตรี และส่งหนังสือถึงนายกรัฐมนตรี เมื่อวันที่ 17 ต.ค. ที่ผ่านมา ซึ่งในช่วงเอเปกเข้าใจได้ว่านายกฯมีภารกิจ แต่เมื่อผ่านช่วงเอเปกมาแล้ว จึงขอให้มองเรื่องดังกล่าวโดยเอาผลประโยชน์ของประชาชนเป็นตัวตั้ว เพราะการที่ปล่อยให้ตำแหน่งรัฐมนตรีว่างลง ไม่ว่ารัฐบาลชุดไหนส่วนใหญ่จะแต่งตั้งอย่างรวดเร็ว เพื่อเข้ามารับผิดชอบต่อการแก้ปัญหาของประชาชน 

 

            “ขอเรียนให้นายกฯรับทราบว่านายนริศ เป็นส.ส.อาวุโส เป็นรองประธานวิปรัฐบาล และช่วงงานวิปเป็นอย่างดีตลอดมา ผมคิดว่าถ้าท่านายกฯได้กรุณาแต่งตั้งนายนริศ นอกจากจะเกิดผลประโยชน์ต่อผู้ปฏิบัติงานที่ดีแล้ว ก็จะเกิดผลประโยชน์ต่อประชาชนด้วย โดยเฉพาะพี่น้องภาคใต้ ที่ช่วงนี้เป็นช่วงมรสุม ถ้ามีรัฐมนตรีที่กำกับดูแล โดยตรงก็จะเป็นประโยชน์ต่อประชาชน ดังนั้น ควรเอาผลประโยชน์ของประชาชนเป็นตัวตั้ง ส่วนประเด็นทางการเมืองว่าจะไปเกี่ยวข้องกับว่านายกฯจะไปอยู่พรรคไหน จะอยู่สั้นอยู่ยาว  ก็เป็นการตัดสินใจของท่านเอง” นายชินวรณ์ กล่าว