“นิติพล” สวน “วราวุธ” ใช้เวที COP27 ฟอกเขียวเอื้อทุนใหญ่ ไม่จริงใจแก้ปัญหา

“นิติพล” สวน “วราวุธ” ใช้เวที COP27 ฟอกเขียวเอื้อทุนใหญ่ ไม่จริงใจแก้ปัญหา

“นิติพล ก้าวไกล” ออกโรงสวน “วราวุธ” ใช้เวที “COP27” ใช้วาทกรรมอ้างไทยต่อสู้เพื่อปกป้องสิ่งแวดล้อม ชี้แค่ “ฟอกเขียว” เอื้อ “ทุนใหญ่” ไม่จริงใจแก้ไขปัญหาภูมิอากาศโลก

เมื่อวันที่ 18 พ.ย. 2565 นายนิติพล ผิวเหมาะ ส.ส.บัญชีรายชื่อ สัดส่วนสิ่งแวดล้อม พรรคก้าวไกล กล่าวถึงกรณีนายวราวุธ ศิลปอาชา รมว.ทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม ประกาศกลางที่ประชุมระดับสูงของการประชุมรัฐภาคีกรอบอนุสัญญาแห่งสหประชาชาติ ว่าด้วยการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ หรือ COP27 โดยระบุว่า ประเทศไทยต่อสู้กับการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศเช่นเดียวกับประเทศอื่น ๆ ทั่วโลก โดยมีหลักปรัชญาเศรษฐกิจพอเพียง เป็นแนวทางสำคัญ ส่งเสริมในเรื่องของเศรษฐกิจชีวภาพ เศรษฐกิจหมุนเวียน เศรษฐกิจสีเขียว หรือ Bio-Circular-Green Economy (BCG  Economy) สนับสนุนการใช้เทคโนโลยีเพื่อการดูดกลับก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์ในเชิงพาณิชย์ก่อนปี 2040 รวมถึงการกำหนดเป้าหมายเพิ่มพื้นที่สีเขียวให้เป็น 55% ของพื้นที่ประเทศเพื่อเพิ่มแหล่งเก็บก๊าซเรือนกระจกในปี 2037 โดยมีการจัดทำแนวทาง กลไกการบริหารการจัดการคาร์บอนเครดิตเพื่อถ่ายโอนผลการลดก๊าซเรือนกระจกระหว่างประเทศไทยภายใต้ข้อตกลงปารีสนั้น

นายนิติพล กล่าวว่า สิ่งที่นายวราวุธ ประกาศต่อเวที COP27 เป็นวาทกรรมฟังแล้วชวนเคลิ้ม แต่สวยแต่เปลือกทั้งสิ้น เพราะข้างในไม่เคยมีประชาชนอยู่ในสมการ เป็นเพียงการฟอกเขียวที่มีผลประโยชน์ของนายทุนซ่อนอยู่เป็นเนื้อในทั้งสิ้น และท้ายที่สุดจะไม่นำไปสู่ความเปลี่ยนแปลงใดต่อสภาพภูมิอากาศโลกหรือมลพิษทางอากาศของไทยเลย

นายนิติพล กล่าวอีกว่า ขณะนี้ประเทศไทยกำลังเผชิญวิกฤตทางภูมิอากาศในหลายมิติ รวมถึงมลพิษทางอากาศจากการเผาพื้นที่เกษตรในภูมิภาคแม่น้ำโขงตอนบน โดยมีฝุ่นพิษลอยข้ามพรมแดนมายังประเทศไทย ซึ่งเป็นที่รับรู้กันดีว่าเป็นผลมาจากการปล่อยให้กลุ่มทุนใหญ่ทางการเกษตรต่างๆของไทยทำธุรกิจได้อย่างไร้ความรับผิดชอบ โดยไม่มีการผลักดันทางกฎหมายเพื่อสิ่งแวดล้อมที่ดี ผลลัพธ์ที่ได้ก็คือคนไทยทางภาคเหนือโดยเฉพาะเชียงใหม่ต้องป่วยเป็นมะเร็งปอดมากที่สุด จากการสูดฝุ่นพิษ P.M.2.5 จากการเผาไหม้

นายนิติพล กล่าวด้วยว่า ในด้านแหล่งกำเนิดมลพิษ ในฐานะรัฐมนตรีด้านสิ่งแวดล้อม กลับไม่คิดหาทางควบคุมแก้ไข ตรงนี้มีผลต่อสภาพภูมิอากาศโลกมาก แต่ไม่พูดถึงเลย พอมาในด้านการดูดซับก็พยายามอ้างการเพิ่มพื้นที่ป่าและประโยชน์จากคาร์บอนเครดิต แต่เอาเข้าจริงแนวทางของท่าน ประชาชนแทบไม่ได้ประโยชน์ใด ๆ เป็นเพียงการระบายสีเขียวบนแผนที่เพื่อเตรียมเอาไปประเคนให้นายทุน แต่ที่ชั่วร้ายกว่านั้น คือจะได้ใช้เป็นข้ออ้างในการเอาคนออกจากป่าโดยเฉพาะผู้คนที่มีวิถีดั้งเดิม ทั้งที่พวกเขามีบทบาทมากในการดูแลผืนป่าให้ยั่งยืนได้อย่างแท้จริง แทนที่จะหาวิธีพิทักษ์สิทธิ์ แต่กลับไม่รีบทำให้มีแผนที่ one map เพื่อพิสูจน์สิทธิการอยู่มาก่อนให้ประชาชน ใช้ความคลุมเครือทางกฎหมายเพื่อเป็นอาวุธขับไล่คนออกจากพื้นที่ที่ระบายสีไว้เตรียมมอบให้นายทุนหากินกับคาร์บอนเครดิต 

“สิ่งเหล่านี้จึงไม่ใช่เพื่อความยั่งยืนทางสิ่งแวดล้อมและความยั่งยืนเพื่อประชาชนอย่างแน่นอน คำว่าเศรษฐกิจคู่สิ่งแวดล้อมของรัฐบาลนี้ล้วนแล้วแต่เป็นขนมหวานสีสวยแต่เคลือบยาพิษ ไม่จริงใจ เป็นประโยชน์มากกับนายทุน แต่ไม่เป็นประโยชน์ใดๆกับประชาชนที่เป็นเจ้าของทรัพยากรตรงนั้นทั้งสิ้น” นายนิติพล กล่าว