พลังประชารัฐ เนเวอร์ดาย ทีม “ตท.20” ขุนศึกบิ๊กป้อม

พลังประชารัฐ เนเวอร์ดาย ทีม “ตท.20” ขุนศึกบิ๊กป้อม

"บิ๊กป้อม" เดินเกม วางกลยุทธ์ ด้วยหนึ่งสมอง สองมือ ผลักดัน พปชร. ให้เป็นสถาบันการเมืองที่มั่นคง เข้มแข็ง ยั่งยืน ดังนั้นในยามเครื่องหมายทางการค้าอย่าง พล.อ.ประยุทธ์ ขายไม่ได้ ก็จะมีตัวตายตัวแทนเตรียมไว้เสมอ

"บิ๊กป้อม" พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ หัวหน้าพรรคพลังประชารัฐ (พปชร.) แสดงให้เห็นแล้วว่า พปชร. จะไม่เป็นเพียงองค์กรเฉพาะกิจ ที่ก่อตั้งเพื่อต่อยอดอำนาจหลังรัฐประหาร และรอวันล่มสลายเมื่อผู้นำหมดอำนาจเหมือนพรรคทหารในอดีต แต่หวังจะอยู่เป็นสถาบันการเมืองที่มั่นคงและเข้มแข็งต่อไป

ตามนโยบายขับเคลื่อนและสานต่อ 3 พันธกิจหลักสอดรับกับความต้องการประชาชน  ประกอบด้วย

1.สวัสดิการประชารัฐ ขจัดความเหลื่อมล้ำ 2.เศรษฐกิจประชารัฐ สร้างความสามารถและโอกาสที่เท่าเทียม และ 3.สังคมประชารัฐ สงบสุข เข้มแข็ง แบ่งปัน 

โดยมีคณะกรรมการ 1.นฤมล ภิญโญสินวัฒน์ 2.สุรสิทธิ นิธิวุฒิวรรักษ์ 3.สุรพร ดนัยตั้งตระกูล 4.พรชัย ตระกูลวรานนท์ 5.ชวน ชูจันทร์ 6.นัทธี ถิ่นสาคู  7.อรรถกร ศิริลัทธยากร 8.ธณิกานต์ พรพงษาโรจน์ 9.ชาญกฤช เดชวิทักษ์ 10.สุรดา จุนทะสุตธนกุล 11.ปรมะ บุญเขื่อง

นอกจากนี้ ยังมีคณะกรรมการย่อย ขับเคลื่อนสวัสดิการประชารัฐ ประกอบด้วย 1.สุรพร ดนัยตั้งตระกูล 2.นัทธี ถิ่นสาคู 3.ธณิกานต์ พรพงษาโรจน์ 4.สุรดา จุนทะสุตธนกุล

คณะกรรมการขับเคลื่อนเศรษฐกิจประชารัฐ ประกอบด้วย 1.ชาญกฤช เดชวิทักษ์ 2.ชวน ชูจันทร์ 3.วีระกร คำประกอบ 4.ภาคิน สมมิตรธนกุล

คณะกรรมการขับเคลื่อนสังคมประชารัฐ ประกอบด้วย 1.พรชัย ตระกูลวรานนท์ 2.ชวน ชูจันทร์ 3.สุทา ประทีป ณ ถลาง 4.อรรถกร ศิริลัทธยากร 5.พ.ต.ท.ฐนภัทร กิตติวงศา 6.อาญาสิทธิ์ ศรีสุวรรณ 7.กานต์ กิตติอำพน 8.ปรมะ บุญเขื่อง 9.เกณิกา อุ่นจิตร์ 10.รัฐภูมิ โตคงทรัพย์ 11.แสนหล้า พันธุ์ราดล 12.นิธิวุฒิ โรจน์ประสิทธิ์พร

ด้วยการเปิดให้ ส.ส.พปชร. เข้ามามีส่วนร่วมขับเคลื่อน 3 พันธกิจหลัก เพื่อให้การดำเนินงานเกิดมีประสิทธิภาพ บรรลุตามวัตถุประสงค์และนโยบายของพรรค คือประชาชนมีความเป็นอยู่ที่ดี  มุ่งขจัดปัญหาความเดือดร้อน ทั้ง แหล่งที่ทำกิน บัตรสวัสดิการแห่งรัฐ  การจัดหาแหล่งน้ำ ราคาสินค้าเกษตร และการดูแลความปลอดภัย คุณภาพชีวิต

แม้ขณะนี้ยังไม่ชัดว่า เลือกตั้งครั้งหน้า พปชร.ยังชู พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา เป็นนายกรัฐมนตรี ต่อหรือไม่ แต่เป้าหมายที่จะคว้าเก้าอี้ ส.ส.ให้ได้ 150 ที่นั่ง ตามประกาศิตของหัวหน้าพรรค ก็ยังคงอยู่

พร้อมๆ กับการปรากฎชื่อแคนดิเดตนายกฯ คนใหม่มาเป็นตัวเลือก กลยุทธ์มัดใจ ส.ส.ไม่ให้ย้ายสังกัด ในยาม พล.อ.ประยุทธ์ ไม่ขึ้นหม้อ ด้วยการยกให้เป็นมติของพรรคในการเฟ้นหาคนที่เหมาะสม และหากเป็นชื่อของ "บิ๊กป้อม" เสียเองดูเหมือนเจ้าตัวก็ไม่ขัด

วิเคราะห์กันว่า หาก "บิ๊กป้อม" ได้เป็น นายกฯ กลุ่มคนที่ได้ประโยชน์ที่สุด น่าจะเป็น บรรดาน้องรักก๊วนเตรียมทหารรุ่น 20 (ตท.20) ที่รายล้อมอยู่รอบๆ ตัว  

"บิ๊กณัฐ" พล.อ.ณัฐ อินทรเจริญ อดีตปลัดกลาโหม "บิ๊กตู่เล็ก" พล.อ.กู้เกียติ ศรีนาคา อดีตรอง ผบ.ทบ. "บิ๊กหน่อย" พล.อ.วรเกียรติ รัตนานนท์ อดีตปลัดกลาโหม "บิ๊กปั๊ด" พล.ต.อ.สุวัฒน์ แจ้งยอดสุข ผบ.ตร. และยังโยงไปถึง "บิ๊กแดง" พล.อ.อภิรัชต์ คงสมพงษ์ รองราชเลขาธิการ และ อดีต ผบ.ทบ.

จึงได้เห็นชื่อ "บิ๊กแป๊ะ" พล.อ.จักรทิพย์ ชัยจินดา อดีต ผบ.ตร. ติดโผแคนดิเดตนายกฯ อีกคน ที่เพิ่งหลุดบ่วง 2 ปี เว้นวรรคทางการเมืองจากตำแหน่งสมาชิกวุฒิสภา ที่ "บิ๊กป้อม" ดึงตัวมาช่วยงาน พปชร.ก่อนหน้านั้น โดยให้ช่วยทำพื้นที่ในภาคอีสาน และยังถูกมองเป็นคนที่มารับไม้ต่อดูแล พปชร.ในอนาคต

เมื่อพูดถึง "ภาคอีสาน" พื้นที่เป้าหมายแลนด์สไลด์ของเพื่อไทย ที่"บิ๊กป้อม" ส่งสองมือดีคู่กายมานั่งคณะกรรมการบริหารพรรค (กก.บห.) พปชร. เมื่อปีที่แล้ว อย่าง “บิ๊กอี๊ด” พล.อ.ธัญญา เกียรติสาร อดีตแม่ทัพภาคที่ 2 และ “บิ๊กโย” พล.อ.กฤษณ์โยธิน ศศิพัฒนวงษ์ อดีตผู้ทรงคุณวุฒิ สำนักงานปลัดกระทรวงกลาโหม ในฐานะอนุกรรมการฝ่ายหารายได้ มูลนิธิป่ารอยต่อฯ 

โดยตั้งเป้าสกัดแลนด์สไลด์เพื่อไทย โกยเสียง ส.ส.เข้า พปชร.ให้มากที่สุดในการเลือกตั้งหน้า ด้วยดีกรี พล.อ.ธัญญา อดีตแม่ทัพภาคที่ 2 คร่ำหวอดพื้นที่ภาคอีสานมาตลอดชีวิตรับราชการ คุ้นเคยนักการเมือง หัวคะแนน ในพื้นที่เป็นอย่างดี

จะเห็นได้ว่า "บิ๊กป้อม" เดินเกม วางกลยุทธ์ เป็นขั้นเป็นตอน ด้วยหนึ่งสมอง สองมือ ในการผลักดัน พปชร. ให้เป็นสถาบันการเมืองที่มั่นคง เข้มแข็ง ยั่งยืน และไม่มีวันสลายเมื่อผู้นำหมดอำนาจ เหมือนพรรคทหารในอดีต

ดังนั้นในยามเครื่องหมายทางการค้าอย่าง พล.อ.ประยุทธ์ ขายไม่ได้ ก็จะมีตัวตายตัวแทนเตรียมไว้เสมอ