“นายกฯ” เปิดประชุม APEC CEO Summit ชู BCG โมเดล จะเกิดผลลัพธ์แบบทวีคูณ

“นายกฯ” เปิดประชุม APEC CEO Summit ชู BCG โมเดล จะเกิดผลลัพธ์แบบทวีคูณ

“นายกฯ” เปิดการประชุม APEC CEO Summit ชี้ ธุรกิจในภูมิภาคกลับมาเดินหน้าเต็มที่อีกครั้ง เผย เศรษฐกิจ BCG จะเกิดผลลัพธ์แบบทวีคูณ ระบุ ไทยตั้งเป้าลดปล่อยก๊าซเรือนกระจกเป็นศูนย์ในปี 2025 มุ่งเป็นฐานผลิต EV ใหญ่ที่สุดแห่งหนึ่งของโลก

ที่ห้อง Athenee Crystal Hall ชั้น 3 โรงแรม ดิ แอทธินี พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม กล่าวปาฐกถาในพิธีเปิดการประชุม APEC CEO Summit โดยระบุว่า ตนมีความยินดีที่ได้มาร่วมการประชุมเอเปค ซีอีโอ ซัมมิท กับทุกท่านในวันนี้ ในฐานะที่เอเปค ซีอีโอ ซัมมิท เป็นหนึ่งในการรวมตัวของภาคธุรกิจที่ยิ่งใหญ่ที่สุดในภูมิภาค การกลับมาอีกครั้งของการประชุมในรูปแบบพบหน้ากัน ถือเป็นการส่งสัญญาณบวกให้แก่ ภูมิภาคเอเชีย-แปซิฟิก และการที่ทุกท่านมาเข้าร่วมประชุมกันอย่างอุ่นหนาฝาคั่งในวันนี้ สะท้อนให้เห็นว่า ภูมิภาคของเรากลับมาเดินหน้าทางธุรกิจอย่างเต็มที่อีกครั้งหลังจากที่ชะงักงันมาหลายปี การกลับมาครั้งนี้เป็นโอกาสให้เราฟื้นฟูความเชื่อมโยง รื้อฟื้นความสัมพันธ์ และสานต่อความร่วมมือระหว่างกัน อย่างน่ายินดียิ่ง

ขณะที่โลกกลับมาเชื่อมโยงกันอีกครั้งในยุคหลังโควิด ไทยกำลังขับเคลื่อนความร่วมมือเอเปคในประเด็นที่ท้าทาย และมีวิสัยทัศน์ได้แก่ ประเด็นการค้า และการลงทุนใหม่ๆ การเปลี่ยนผ่านไปสู่ ดิจิทัลอย่างรวดเร็ว ความจำเป็นในการเชื่อมโยงห่วงโซ่อุปทาน และการเดินทาง วาระความยั่งยืนของโลก โดยคำนึงถึงเศรษฐกิจที่มีพลวัตสูงในปัจจุบัน ซึ่งประเด็นเหล่านี้ได้สะท้อนอยู่ในหัวข้อหลักของ เอเปคปีนี้ คือ OPEN.CONNECT.BALANCE

ภายใต้หัวข้อหลักนี้ ประเด็นสำคัญของเอเปคถูกนำทางโดยแนวคิดเศรษฐกิจบีซีจีที่เป็นวาระแห่งชาติและประเทศไทยได้นำมาเป็นยุทธศาสตร์ในการฟื้นฟูจากผลกระทบของโควิด-19 ตลอดจน เป็นแผนแม่บทสำหรับการพัฒนา และการเติบโตในระยะยาวที่สมดุล ยั่งยืน และครอบคลุม เศรษฐกิจ บีซีจีผสานแนวคิดเศรษฐกิจชีวภาพ เศรษฐกิจหมุนเวียน และเศรษฐกิจสีเขียวเข้าด้วยกัน โดยใช้ประโยชน์จากเทคโนโลยี และนวัตกรรมใหม่ๆ เพื่อสร้างคุณค่าเพิ่มประสิทธิภาพในการใช้ทรัพยากรให้ คุ้มค่า และส่งเสริมความยั่งยืนของสิ่งแวดล้อม

เศรษฐกิจชีวภาพเกี่ยวข้องกับการผลิตที่เน้นการนำเทคโนโลยี และนวัตกรรมมาสร้างมูลค่าเพิ่มให้แก่สินค้าที่มาจากทรัพยากร และวัตถุดิบชีวภาพที่ใช้แล้วไม่มีวันหมดไป เศรษฐกิจหมุนเวียนมุ่งให้เกิดระบบการผลิตและการบริโภคสินค้า และบริการแบบฟื้นสร้าง โดยมีการวางแผนตั้งแต่การออกแบบ ระบบที่ให้ความสำคัญกับการลดขยะและมลพิษ ในขณะเดียวกัน ก็พยายามใช้วัตถุดิบซ้ำให้เกิดประโยชน์สูงสุด สุดท้าย เศรษฐกิจสีเขียวส่งเสริมพฤติกรรมที่มีความรับผิดชอบ และโมเดลเศรษฐกิจที่ยั่งยืน ซึ่งสร้างผลกำไรควบคู่ไปกับความยั่งยืนด้านสิ่งแวดล้อมและสังคม

แนวทางเศรษฐกิจทั้งสามข้างต้นไม่ใช่เรื่องใหม่ แต่สิ่งที่ทำให้แนวคิดเศรษฐกิจ BCG แตกต่างออกไปคือ การตระหนักว่าความท้าทายหลากหลายที่เราประสบอยู่เป็นเรื่องที่เชื่อมโยง และคาบเกี่ยวกัน ดังนั้น การแก้ปัญหาของเราจึงต้องไม่เป็นไปแบบแยกส่วน ด้วยเหตุผลนี้ เศรษฐกิจ BCG จึงให้ความสำคัญ และผลักดันการใช้สามแนวทางเศรษฐกิจนี้ร่วมกันอย่างเป็นองค์รวมเพื่อให้เกิดผลลัพธ์แบบทวีคูณ ไม่ใช่ผลลัพธ์ที่ได้อย่างเสียอย่าง บนหนทางสู่การพัฒนาไปสู่การเจริญเติบโตที่ยั่งยืน ยืดหยุ่น และครอบคลุมนั้น ภาคเอกชนมีบทบาทที่สำคัญเป็นอย่างยิ่ง ผมขอใช้โอกาสนี้ขอบคุณเอแบคสำหรับความร่วมมือในการขับเคลื่อนประเด็นสำคัญของการเป็นเจ้าภาพเอเปคของไทย การร่วมมือกับภาคเอกชน เป็นส่วนสำคัญต่อกระบวนการเอเปค และผมให้ความสำคัญกับมุมมอง และการสนับสนุน จากภาคธุรกิจในการดำเนินความร่วมมือในด้านต่างๆ โดยมีสามประเด็นที่ผมเชื่อว่าภาครัฐ และภาคธุรกิจสามารถร่วมมือกันได้อย่างเข้มแข็งดังนี้

ประเด็นแรก การส่งเสริมความยั่งยืน ทุกวันนี้ เราเผชิญหน้ากับความท้าทายทางสิ่งแวดล้อมอย่างที่ไม่เคยประสบมาก่อน เราได้เห็นพายุ และภัยแล้งเกิดขึ้นบ่อย และรุนแรงมากขึ้น อุณหภูมิโลก และระดับน้ำทะเลที่เพิ่มสูงขึ้น คุณภาพอากาศที่ย่ำแย่ลง และการสูญเสียความหลากหลายทางชีวภาพ ซึ่งล้วนส่งผลกระทบต่อความเป็นอยู่ของพวกเรา เราจึงจำเป็นต้องดำเนินการเพื่อให้มั่นใจว่าการเติบโตเป็นไปอย่างยั่งยืนเพื่อความเจริญรุ่งเรืองในระยะยาวของภูมิภาค

ในการผลักดันการเติบโตที่สมดุล และครอบคลุม เราได้กำหนดให้ความยั่งยืนเป็นวาระสำคัญสูงสุดของเอเปคในปีนี้ และเรามุ่งมั่นที่จะนำเศรษฐกิจ BCG มาขับเคลื่อนการเจริญเติบโต ทางเศรษฐกิจที่ยืดหยุ่นในระยะยาว ควบคู่ไปกับการส่งเสริมความยั่งยืนทางสิ่งแวดล้อม อย่างครอบคลุม พร้อมทั้งหาหนทางที่เหมาะสมให้ธุรกิจยังสามารถมีผลกำไรได้

ผมเชื่ออย่างยิ่งว่า เราทุกคนสามารถร่วมมือกันได้เพื่อปกป้องสิ่งแวดล้อม และพัฒนาวิถีการดำเนินธุรกิจที่ยั่งยืนมากขึ้น ความร่วมมือที่เข้มแข็ง และความมุ่งมั่นจากทุกภาคส่วน โดยเฉพาะอย่างยิ่งความเป็นหุ้นส่วนระหว่างภาครัฐกับเอกชนเป็นกุญแจสำคัญในการสร้างอนาคตที่ยั่งยืน และครอบคลุม เราจะต้องเปลี่ยนการกระทำของเราในวันนี้เพื่ออนาคตที่ดีกว่าเดิม

พวกเราสามารถร่วมมือกันเพื่อใช้ประโยชน์จากความหลากหลายทางชีวภาพที่เข้มแข็ง ของเราผ่านนวัตกรรมและเทคโนโลยี นำทรัพยากรอันมีค่ามาใช้ให้เกิดประโยชน์สูงสุดเพื่อบรรลุ เป้าหมายให้ของเสียเป็นศูนย์ในกระบวนการผลิต ที่สำคัญที่สุด ธุรกิจสามารถมุ่งไปสู่ความยั่งยืนด้าน สิ่งแวดล้อมโดยใช้เทคโนโลยีชีวภาพที่ล้าสมัยในการผลิตของภาคเกษตรและอุตสาหกรรม สิ่งเหล่านี้ยัง สอดคล้องกับแนวคิดเรื่องการดำเนินธุรกิจอย่างมีความรับผิดชอบ และวิธีการที่คำนึงถึงสิ่งแวดล้อม สังคม และธรรมาภิบาล หรือ ESG ที่ภาคเอกชน ทั่วโลกให้ความสำคัญมากในขณะนี้

ในการที่จะเปลี่ยนผ่านไปสู่เศรษฐกิจที่ยั่งยืนนั้นไม่ง่ายและต้องทำแบบรอบด้าน เรากำลังสร้างสภาพแวดล้อมทางธุรกิจที่เอื้อต่อภาคเอกชน เพื่อส่งเสริมการลดของเสีย และการปล่อยก๊าซมลพิษ การค้า และการลงทุนที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อมยิ่งขึ้น รวมถึงนวัตกรรม ที่สนับสนุนการเปลี่ยนผ่านไปสู่เศรษฐกิจคาร์บอนต่ำควบคู่ไปกับการพัฒนาทรัพยากรมนุษย์

ขณะเดียวกัน การเงิน การคลังที่ยั่งยืน ก็มีความสำคัญยิ่งต่องานของเรา การประชุมรัฐมนตรีคลังเอเปคเมื่อเดือนตุลาคมที่ผ่านมา ได้เน้นย้ำถึงความสำคัญของเรื่องนี้ ดังนั้น ภาคเอกชนสามารถมีบทบาทสำคัญในการพัฒนาระบบการเงินที่ยั่งยืนที่อิงกลไกตลาด ตราสารทางการเงิน และเทคโนโลยี รูปแบบใหม่ เพื่อส่งเสริมการไหลเวียนของเงินทุนไปสู่เศรษฐกิจที่ยั่งยืน เราจะสานต่อการทำงานเพื่อสร้างระบบนิเวศน์ทางการเงินที่เอื้อให้ทั้งภาครัฐ และภาคเอกชนสามารถบรรลุเป้าหมายด้านความยั่งยืนได้

สำหรับเส้นทางไปสู่ความยั่งยืนของไทย เรากำลังเปลี่ยนผ่านไปสู่พลังงานสะอาดเพื่อบรรลุเป้าหมายความเป็นกลางทางคาร์บอน ภายในปี ค.ศ.2050 และเป้าหมายการปล่อยก๊าซเรือนกระจกสุทธิเป็นศูนย์ ภายในปี ค.ศ. 2025โดยเฉพาะอย่างยิ่ง การเปลี่ยนผ่านไปสู่อุตสาหกรรม EV และการพัฒนาระบบนิเวศน์ที่เกี่ยวข้อง ในการนี้ไทยมุ่งจะเป็นฐานการผลิต EV ที่ใหญ่ที่สุดในโลกแห่งหนึ่งในอนาคตอันใกล้ โดยเราพร้อมร่วมมือทางด้านการเงิน และด้านวิชาการ ตลอดจนการแบ่งปัน ความรู้ การเผยแพร่เทคโนโลยี และการพัฒนาขีดความสามารถกับทุกท่านอย่างรอบด้าน เพื่อบรรลุเป้าหมายที่ยิ่งใหญ่นี้

ประเด็นที่สอง การเจริญเติบโตที่ครอบคลุม เราต้องมั่นใจว่าเราไม่ทิ้งใครไว้ข้างหลังใน เส้นทางการพัฒนาของเรา ซึ่งสอดคล้องกับแนวคิดเศรษฐกิจ BCG ที่ผลักดันให้เรามองไกล ไปกว่าเพียง แค่การสร้างผลกำไรให้มากที่สุด และหันมาให้ความสำคัญกับการทำธุรกิจที่สมดุลครอบคลุม และยั่งยืน การเจริญเติบโตนี้ต้องเป็นประโยชน์ต่อทุกภาคส่วนในภูมิภาคของเราจึงเป็นหน้าที่ของภาครัฐ ที่ต้องทำให้ทุกคนได้รับประโยชน์จากการเจริญเติบโตทางเศรษฐกิจ และการทำธุรกิจ ผ่านการเสริมทักษะที่จำเป็น ขยายโอกาสในการจ้างงาน และสร้างสภาพแวดล้อมที่เอื้ออำนวยต่อการประกอบธุรกิจ

เอเปคผลักดันให้มีการปฏิรูปทางโครงสร้าง และมาตรการที่จำเป็น เพื่อสร้างแรงจูงใจ ทางการเงินสำหรับการลงทุนที่มีคุณภาพ และขจัดอุปสรรคของการทำธุรกิจ ไม่ว่าจะเป็นการปฏิรูป กฎระเบียบภายใน การส่งเสริมบรรยากาศของการดำเนินธุรกิจ และการลงทุน การช่วยเหลือ MSMEs และกลุ่มที่ยังไม่ได้รับการปลดปล่อยศักยภาพทางเศรษฐกิจ ซึ่งจะส่งเสริมการดำเนินธุรกิจอย่างมีความรับผิดชอบ และเอื้อต่อการเข้าถึงแหล่งเงินทุน เทคโนโลยีดิจิทัล และปัจจัยสนับสนุนอื่นๆ

เราต้องดูแล MSMEs ของพวกเรา ซึ่งมีสัดส่วนกว่าร้อยละ 98 ของธุรกิจทั้งหมด ในภูมิภาค และคิดเป็นร้อยละ 40-60 ของ GDP ในเขตเศรษฐกิจเอเปคส่วนใหญ่ ด้วยเหตุนี้ เรามุ่งที่จะร่วมมือกับพวกท่านเพื่อทำให้ MSMEs ของพวกเรามีขีดความสามารถในการแข่งขัน และสร้างนวัตกรรม ตลอดจนส่งเสริมให้สามารถเข้าถึงตลาด และแหล่งเงินทุนได้มากขึ้น

นอกจากนี้ สตรีและเยาวชนก็มีบทบาทสำคัญในการขับเคลื่อนกิจกรรมทางเศรษฐกิจ โดยเฉพาะการส่งเสริมการเจริญเติบโตที่ยั่งยืน และครอบคลุม ควบคู่กับการคำนึงถึงเพศสภาวะในการจัดทำนโยบายต่างๆ เราจะผลักดันการเสริมพลังสตรี และสนับสนุนการมีส่วนร่วมในเศรษฐกิจอย่างแท้จริง สำหรับเยาวชนซึ่งเป็นอนาคตของเรา เราต้องรับฟังเสียงของพวกเขาเมื่อไม่กี่วันมานี้ ตนได้รับปฏิญญาผู้แทนเยาวชนจากกลุ่มการประชุมผู้แทนเยาวชนเอเปค ซึ่งหนึ่งในประเด็นสำคัญคือ การเร่งรัดการเปลี่ยนผ่านไปสู่ความยั่งยืน และการปกป้องโลกเพื่อคนรุ่นหลัง

ประเด็นที่สาม การมุ่งไปสู่ดิจิทัล เศรษฐกิจดิจิทัลเป็นมิติใหม่ของการสร้างอาชีพ และการเจริญเติบโตในภูมิภาคของเรา เอเปคจึงเน้นให้เรื่องการมุ่งไปสู่ดิจิทัลเป็นหนึ่งในประเด็น สำคัญในปีนี้ การเปลี่ยนผ่านไปสู่ดิจิทัลที่มีประสิทธิภาพจะสร้างโอกาสอย่างมหาศาลสำหรับธุรกิจทั้งใน และนอกภูมิภาค อนาคตของภูมิภาคขึ้นอยู่กับเราที่จะต้องร่วมมือกัน เพื่อใช้ประโยชน์จากศักยภาพ ของการเปลี่ยนผ่านไปสู่ดิจิทัล ซึ่งจะเป็นตัวเร่งทางเศรษฐกิจที่สำคัญขณะที่เราฟื้นตัวจากผลกระทบ ของโรคระบาด และจะมีส่วนต่อการพัฒนาของภูมิภาคในระยะยาวต่อไป

ปีนี้เราได้วางรากฐานสำหรับภูมิภาคในการปฏิรูปทางโครงสร้างให้สอดรับกับสถานการณ์ปัจจุบัน ขับเคลื่อนงานที่ส่งเสริมการเปลี่ยนผ่านไปสู่การค้าดิจิทัล และความเชื่อมโยง และเร่งรัดการดำเนินการตามแผนงานด้านอินเทอร์เน็ต และเศรษฐกิจดิจิทัลของเอเปค อย่างไรก็ตาม ยังมีอีกหลาย เรื่องที่เราต้องทำ เราจะร่วมมือกับภาคเอกชนต่อไปในการลดช่องว่างด้านดิจิทัล ไม่ว่าจะเป็นการสร้าง ความตระหนักรู้ พัฒนาขีดความสามารถ และส่งเสริมทักษะทางดิจิทัล เพื่อยกระดับความสามารถของภาคแรงงานในยุคดิจิทัล ในส่วนของไทย เรากำลังปรับตัวเพื่อให้เท่าทันต่อการพัฒนาอย่างรวดเร็วในภาคดิจิทัล และดำเนินการปฏิรูปทางโครงสร้างที่จำเป็น เพื่อให้เปลี่ยนผ่านไปสู่ดิจิทัลได้อย่างรวดเร็ว และเป็นธรรมมากยิ่งขึ้น ปัจจุบัน เศรษฐกิจดิจิทัลคิดเป็นสัดส่วนประมาณร้อยละ 14 ของ GDP ของไทย ไทยมีเครือข่ายอินเทอร์เน็ตที่ดีที่สุดลำดับต้นๆ ของโลก โดยมีอินเทอร์เน็ตบ้านเร็ว ติดอันดับ หนึ่งในห้าของโลก ตามการจัดอันดับความเร็วอินเทอร์เน็ตโลก ด้วยปัจจัยนี้ ไทยมองว่าภาคธุรกิจ ดิจิทัลจะมีสัดส่วนถึงร้อยละ 30 ของ GDP ของไทยภายในปี 2573 

ประเทศไทยมีความกระตือรือร้นที่จะร่วมมือกับท่าน และยินดีต้อนรับการลงทุน และแรงงานที่มีทักษะและแรงงานขั้นสูงเพิ่มเติมในภาคอุตสาหกรรมดิจิทัล เรากำลังส่งเสริม อุตสาหกรรมดิจิทัล ผ่านมาตรการจูงใจทั้งทางภาษี และไม่ใช่ภาษี โดยเน้นการพัฒนาซอฟต์แวร์ โครงสร้างพื้นฐานดิจิทัล และธุรกิจที่ส่งเสริมการพัฒนาระบบนิเวศน์ดิจิทัล เพื่อดึงดูดชาวต่างชาติที่มี ความสามารถเข้ามาทำงานในไทยมากขึ้น เมื่อไม่นานมานี้ เราได้เปิดตัวโครงการตรวจลงตราประเภท ผู้พำนักระยะยาว 10 ปี พร้อมสิทธิประโยชน์ต่างๆ โดยเฉพาะ สำหรับผู้ที่มีความเชี่ยวชาญด้านดิจิทัล

นอกจากนี้ ไทยได้จัดตั้งเขตส่งเสริมอุตสาหกรรม และนวัตกรรมดิจิทัล หรือ อีอีซีดี เป็นเขตนวัตกรรมดิจิทัลแห่งใหม่ ซึ่งเป็นส่วนหนึ่งของโครงการ EEC และเป็นศูนย์กลางด้านดิจิทัล และนวัตกรรมของภูมิภาค ที่นักลงทุน และนักบุกเบิกด้านดิจิทัลสามารถเข้ามาเป็นหุ้นส่วน และสนับสนุน การเติบโตของระบบนิเวศน์ที่มีนวัตกรรมและโครงการเรียนรู้ผ่านเทคโนโลยีโลกเสมือนจริง ผู้มีเกียรติทุกท่านครับ

สิ่งที่ผมกล่าวไปข้างต้นคือ ทิศทางที่ไทยเชื่อว่า เป็นหนทางที่ภูมิภาคและโลก ต้องก้าวไปให้ ถึงหากเราจะฟื้นตัวอย่างยั่งยืนจากผลกระทบของโควิด-19 และเติบโตในระยะยาวอย่างสมดุลยั่งยืน และครอบคลุม

ดังนั้น เพื่อบูรณาการปัจจัยขับเคลื่อนเป้าหมายที่กล่าวมาทั้งหมด ไทยจึงจะเสนอให้ผู้นำเอเปครับรองเป้าหมายกรุงเทพฯ ว่าด้วยเศรษฐกิจ BCG ในปลายสัปดาห์นี้ เอกสารฉบับนี้จะกำหนดทิศทางของเอเปคไปสู่เป้าหมายด้านความยั่งยืน วางเป้าหมายเพื่อสนับสนุนความพยายามในการจัดการปัญหาการเปลี่ยนแปลงของสภาพภูมิอากาศ ขับเคลื่อนการค้า และการลงทุนที่ยั่งยืน ผลักดัน การอนุรักษ์สิ่งแวดล้อม และปรับปรุงการใช้ทรัพยากรอย่างมีประสิทธิภาพเพื่อลดขยะให้เป็นศูนย์

ความสำเร็จจะเกิดขึ้นได้ขึ้นอยู่กับการสนับสนุนจากภาคเอกชน การเป็นหุ้นส่วนที่เข้มแข็งระหว่างภาครัฐกับภาคธุรกิจเป็นสิ่งสำคัญที่จะช่วยให้ภูมิภาคของเราก้าวไปข้างหน้า และเติบโตไปสู่ อนาคตที่ยั่งยืน ครอบคลุม และสมดุล ด้วยกัน โดยไม่ทิ้งใครไว้ข้างหลัง และในขณะที่รัฐบาลสามารถ ดำเนินมาตรการต่างๆ เพื่อมุ่งสู่การปฏิรูปโครงสร้างที่มีประสิทธิภาพ ซึ่งจะสร้างระบบนิเวศน์ที่เอื้อต่อ การเจริญเติบโตทางเศรษฐกิจ แต่ท้ายที่สุด ทั้งหมดขึ้นอยู่กับความมุ่งมั่น ยืดหยุ่น และสร้างสรรค์ของภาคเอกชนที่จะขับเคลื่อนความมั่งคั่งทางเศรษฐกิจในเอเปคให้ก้าวหน้าต่อไป

ผมยินดีที่ได้แลกเปลี่ยนข้อคิดเห็นเกี่ยวกับภูมิภาคของเราในช่วงเช้านี้ และขอเน้นย้ำว่าเรา ต้องร่วมมือกันเพื่อสานต่อความเป็นหุ้นส่วน และทำให้ความมุ่งหวังของเรากลายเป็นจริงได้อย่างเป็นรูปธรรมสูงสุดในอนาคต 

 

 

พิสูจน์อักษร....สุรีย์  ศิลาวงษ์