“ไทยสร้างไทย” ติว ผู้สมัคร ส.ส.อีสาน ชูธง บำนาญประชาชน สร้างเครือข่าย 5 ล้านคน

“ไทยสร้างไทย” ติว ผู้สมัคร ส.ส.อีสาน ชูธง บำนาญประชาชน สร้างเครือข่าย 5 ล้านคน

“ไทยสร้างไทย” จัดเวิร์คช็อป ติวเข้ม ผู้สมัครส.ส.ภาคอีสาน วางแนวทางสร้างเครือข่ายบำนาญประชาชน มีแล้ว 1.1 ล้านคน ตั้งเป้าให้ได้ 5 ล้านคนก่อนเลือกตั้ง เผย นโยบายได้เสียงตอบรับดี ถูกใจชาวบ้าน รองรับสังคมสูงวัย ได้ประโยชน์ถึง 4 ด้าน

พรรคไทยสร้างไทย จัดสัมนา และทำเวิร์คช็อปในหัวข้อ "เส้นทางสู่ชัยชนะ" ติวเข้มผู้สมัครจากทุกภาคทั่วประเทศ เพื่อเตรียมความพร้อมสู่การเลือกตั้งตลอดทั้งสัปดาห์ โดยวันนี้เป็นในส่วนของผู้สมัครจากภาคอีสาน ต่อเนื่องเป็นวันที่สอง บรรยากาศยังคงเป็นไปด้วยความคึกคัก 

ขณะที่ผู้บริหารพรรค นำโดย นายโภคิน พลกุล ประธานคณะกรรมการยุทธศาสตร์ขับเคลื่อนประเทศ น.ต. ศิธา ทิวารี เลขาธิการพรรค นายสุพันธุ์ มงคลสุธี ประธานคณะกรรมการยุทธศาสตร์ด้านเศรษฐกิจ นายอุดมเดช รัตนเสถียร ประธานคณะกรรมการคัดสรรผู้สมัคร นายประวัฒน์ อุตตะโมต นายต่อพงษ์ ไชยสาส์นรองประธานกรรมการคัดสรรผู้สมัคร เข้าร่วมการเวิร์คช็อปอย่างพร้อมเพรียง

ด้านคุณหญิงสุดารัตน์ เกยุราพันธุ์ หัวหน้าพรรคไทยสร้างไทย ร่วมการประชุมผ่านระบบซูมเนื่องจากยังรักษาตัว ด้วยอาการป่วยจากโควิด โดยได้มอบแนวทางและภารกิจแก่ผู้สมัครในภาคอีสาน โดยเฉพาะการสร้างเครือข่ายบำนาญประชาชน ซึ่งพรรคไทยสร้างไทย ได้ส่งร่างกฎหมายให้ประธานสภาผู้แทนราษฎรแล้ว แม้จะยังไม่มีส.ส. ในสภาแม้แต่คนเดียว แต่พรรคไทยสร้างไทยขอผลักดันนโยบายบำนาญประชาชนของพรรคอย่างเต็มที่ตั้งแต่วันนี้ ถ้าไทยสร้างไทยได้เป็นรัฐบาลจะทำนโยบายบำนาญประชาชนทันที ซึ่งประชาชนให้ความสนใจร่วมลงชื่อเป็นเครือข่ายบำนาญประชาชนกับพรรคไทยสร้างไทยอย่างต่อเนื่อง ซึ่งขณะนี้ มีผู้ให้ความสนใจสมัครเป็นเครือข่ายบำนาญประชาชนแล้วกว่า 1,100,000 คน โดยพรรค มีเป้าหมายในการสร้างเครือข่ายให้ได้ 5 ล้าน คนก่อนการเลือกตั้ง  

ขณะที่ผู้สมัครลุกขึ้นอภิปราย ในทิศทางเดียวกันว่า ประชาชนให้การตอบรับเป็นเครือข่ายบำนาญประชาชนดีมาก พร้อมสมัครสมาชิกเครือข่ายบำนาญประชาชนกันอย่างต่อเนื่องทุกพื้นที่ เพื่อสนับสนุนร่างกฎหมายให้เป็นรูปธรรม เพราะนโยบายดังกล่าว เป็นนโยบายที่ถูกใจพี่น้องประชาชนและสร้างขึ้นเพื่อรองรับสังคมผู้สูงวัยจะทำให้ผู้สูงวัยสามารถอยู่ได้อย่างมีศักดิ์ศรี 

ซึ่งนโยบายดังกล่าว จะสร้างประโยชน์ถึง 4 ด้าน

1.ผู้สูงอายุที่มีรายได้ไม่เพียงพอต่อการยังชีพสามารถดำรงชีพได้อย่างมีศักดิ์ศรี 

2.เป็นการลดภาระคนหนุ่มคนสาวที่ต้องทำงานเลี้ยงดูพ่อแม่ ให้คนวัยทำงานสามารถตั้งตัวได้

3.ผู้สูงอายุ ต้องไปเข้าโปรแกรมสร้างสุขภาพให้แข็งแรงที่ศูนย์สุขภาพที่รัฐจัดหาให้ใกล้บ้านโดยตั้งเป้าลด 3 โรคสำคัญ ประกอบไปด้วยโรคความดันสูง โรคไขมันอุดตัน และโรคเบาหวาน 

4.นโยบายบำนาญประชาชน 3,000 บาท จะเป็นกำลังซื้อมหาศาลที่จะทำให้เศรษฐกิจไทยฟื้นตัว และหมุนเวียนในชุมชน จากการที่ผู้สูงวัยนำเงินไปใช้จ่ายในชีวิตประจำวัน ส่งผลทำให้เศรษฐกิจในภาพรวมดีขึ้นด้วย