“ศิริกัญญา” หอบหลักฐานยื่น ป.ป.ช.เอาผิด กสทช.ข้างมากปมควบ “ทรู-ดีแทค”

“ศิริกัญญา” หอบหลักฐานยื่น ป.ป.ช.เอาผิด กสทช.ข้างมากปมควบ “ทรู-ดีแทค”

“ศิริกัญญา ก้าวไกล” หอบพยานหลักฐานยื่น ป.ป.ช.เอาผิด กสทช.เสียงข้างมากไฟเขียวควบรวม “ทรู-ดีแทค” ส่อทำให้ค่าบริการแพงขึ้น ศักยภาพด้อยลง เตรียมยื่นศาลปกครองระงับมติต่อ

เมื่อวันที่ 11 พ.ย. 2565 น.ส.ศิริกัญญา ตันสกุล ส.ส.บัญชีรายชื่อ และรองหัวหน้าพรรคก้าวไกล เดินทางไปยังสำนักงานคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.) สนามบินน้ำ จังหวัดนนทบุรี เพื่อยื่นหนังสือให้มีการไต่สวนและตรวจสอบกรณีการปล่อยให้มีการควบรวมทรู-ดีแทค ตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา 157 การปฏิบัติหรือละเว้นการปฏิบัติหน้าที่โดยมิชอบ หลัง กสทช.มีการลงมติเพียงแค่รับทราบการควบรวมกิจการ 2 ค่ายมือถือ โดยทำการยังยั้งการควบรวมตามอำนาจหน้าที่ที่ตนเองมี

น.ส.ศิริกัญญา กล่าวถึงปัญหาของการควบรวมกิจการว่า ได้ทำการศึกษาราคาค่าบริการหลังควบรวมพบว่า ราคาค่าบริการจะสูงขึ้นและศักยภาพการให้บริการจะด้อยลง แตกต่างจากในตลาดมือถือที่มีการแข่งขันของรายใหญ่ 3 เจ้า แต่ กสทช. ไม่ทำหน้าที่ของตนให้เหมาะสมในการยับยั้งความเสียหายที่จะเกิดขึ้น นอกจากนี้ ในการลงมติของ กสทช. ที่เป็นมติพิเศษ มีหลักเกณฑ์ว่า จะต้องได้เสียงกึ่งหนึ่งในการลงมติ และคณะกรรมการในครั้งนี้มีทั้งหมด 5 คน จึงจะต้องลงเสียงให้ได้คะแนน 3:2 แต่มติในครั้งนี้คือ 2:2:1 งดออกเสียงหนึ่งเสียง หากว่ากันตามข้อบังคับการประชุมจะต้องได้ทั้งหมด 3 เสียงขึ้นไป ดังนั้นกสทช. กำลังทำผิดกฏหมายที่ตนเองร่างขึ้นมา 

น.ส.ศิริกัญญา กล่าวอีกว่า ประเด็นถัดมา คือเรื่องผลประโยชน์ทับซ้อน การถือหุ้นโยงไปมา มีการตรวจสอบพบผลประโยชน์ทับซ้อนก็คือ นายต่อพงศ์ เสลานนท์ รับผลประโยชน์ต่าง ๆ จากกลุ่มเอกชน ไม่ว่าจะเป็นกรรมการรถไฟฟ้าความเร็วสูงสามสนามบิน และรับผลประโยชน์อื่น ๆ ในฐานะนายกสมาคมคนตาบอด หากว่ากันด้วยเรื่องคุณสมบัติ นายต่อพงศ์ ไม่มีคุณสมบัติที่จะลงคะแนนเสียงด้วยซ้ำ แต่กลับลงมติรับทราบกิจการควบรวม ขณะเดียวกันยังมีคณะกรรมการอีกท่านอย่าง พล.อ.ท. ดร.ธนพันธุ์ หร่ายเจริญ ก็ได้แต่งตั้งที่ปรึกษารายหนึ่ง ซึ่งเป็นกรรมการอิสระของกลุ่มเอกชน ชัดเจนว่าเป็นผลประโยชน์ทับซ้อน 

“ศิริกัญญา” หอบหลักฐานยื่น ป.ป.ช.เอาผิด กสทช.ข้างมากปมควบ “ทรู-ดีแทค”

รองหัวหน้าพรรคก้าวไกล กล่าวด้วยว่า ทั้งนี้การลงมติควบรวมทรู-ดีแทค ของ กสทช.เป็นการละเว้นการปฏิบัติหน้าที่ตามกฎหมายที่ตนเองได้รับมอบอำนาจ และผลประโยชน์ทับซ้อนของคณะกรรมการ ในหนังสือที่ยื่นแก่ ป.ป.ช. มีการขอไต่สวน นพ.สรณ บุญใบชัยพฤกษ์ ต่อพงศ์ เสลานนท์ กสทช. และพล.อ.ท. ดร.ธนพันธุ์ หร่ายเจริญ หลังจากนี้จะมีการยื่นเรื่องต่อศาลปกครองเพื่อขอคำสั่งระงับฉุกเฉินเพื่อระงับการควบรวม เพราะถ้าหากปล่อย ให้กระบวนการเดินไปข้างหน้าจะมีผลเสียมากกว่านี้จะแก้ไขก็ไม่ทันการณ์