หลังม่าน"คดีข้าวจีทูจี" - “บุญทรง”ดับฝัน“นายใหญ่”

หลังม่าน"คดีข้าวจีทูจี" - “บุญทรง”ดับฝัน“นายใหญ่”

ปฏิเสธไม่ได้ว่า คดีนี้เมื่อถูกรื้อฟื้นกลับมาอีกครั้ง แม้จะยังไม่ถึงที่สุด แต่กลายเป็นชนักปักหลังชิ้นสำคัญทำให้การเคลื่อนไหว “แลนด์สไลด์” อาจเข้า “เงื่อนไข” ยากขึ้น และการ “กลับบ้านแบบเท่ ๆ” ของ “โทนี่ วู้ดซัม” ก็เลือนรางลงไปทุกที

ใกล้รูดม่านปิดฉากลงไปทุกขณะ สำหรับคดีทุจริตระบายข้าวแบบรัฐต่อรัฐ (จีทูจี) ว่ากันว่าในช่วงเดือน พ.ย.2565 จะมีการชงเรื่องเข้าที่ประชุมใหญ่คณะกรรมการ ป.ป.ช.เพื่อพิจารณา ซึ่งล้อไปกับกรณี พล.ต.อ.วัชรพล ประสารราชกิจ ประธานกรรมการ ป.ป.ช. ให้สัมภาษณ์กับสื่อมวลชนว่า ปลายเดือนนี้จะมีคดีใหญ่ 3-5 คดีเข้าสู่ที่ประชุมเพื่อพิจารณาวินิจฉัย

มหากาพย์ทุจริตระบายข้าวจีทูจี ผ่านกาลเวลามาราว 10 ปี ยังคงถูกพูดถึงเสมอเมื่อเกิดวิวาทะกันระหว่าง “แฟนคลับ” ของ 2 ขั้วการเมือง

ข้อเท็จจริงตามสำนวนการไต่สวนของ ป.ป.ช. และในคำพิพากษาของศาลฎีกาแผนกคดีอาญาของผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมือง สรุปได้ว่า

โครงการระบายข้าวจีทูจี เกิดขึ้นสมัยรัฐบาลยิ่งลักษณ์ ชินวัตร เป็นนายกรัฐมนตรี จำนวน 10 สัญญา โดยพบว่ามี 8 สัญญาที่เกิดการทุจริตเกิดขึ้น ระหว่างปี 2554-2556 ในช่วงที่ "บุญทรง เตริยาภิรมย์" เป็น รมว.พาณิชย์ "ภูมิ สาระผล" เป็น รมช.พาณิชย์ มูลค่าความเสียหายหลายหมื่นล้านบาท 

ส่วนอีก 2 สัญญาสุดท้าย เกิดขึ้นสมัย "นิวัฒน์ธำรง บุญทรงไพศาล" เป็น รมว.พาณิชย์ และไม่พบการทุจริต

สำหรับพฤติการณ์การทุจริตโดยสรุปคือ โครงการระบายข้าวจีทูจี เกิดขึ้นภายใต้ร่มใหญ่ของนโยบาย “จำนำข้าว” โดยเป็นการนำข้าวที่ถูกฝากไว้กับโรงสีจากการจำนำขายแบบจีทูจีให้กับต่างประเทศ เพื่อระบายข้าวออกจากสต็อก ทว่าข้อเท็จจริงกลับไม่ได้เป็นเช่นนั้น เมื่อมีการอ้างว่าดำเนินการซื้อขายข้าวแบบจีทูจีกับจีน ทั้งที่รัฐวิสาหกิจจีน 2 แห่งคือ “กว้างตุ้งฯ” และ “ไห่หนานฯ” ที่มาซื้อข้าวนั้น ไม่ได้ถูกทางการจีนรับรอง และไม่ได้ทำวัตถุประสงค์เกี่ยวกับการซื้อขายข้าว

ต่อมาพบว่า ข้าวที่ถูกอ้างว่านำไปซื้อขายจีทูจีกับ 2 รัฐวิสาหกิจจีนดังกล่าว ถูกนำมาเวียนขายภายในประเทศ โดยมีโต้โผสำคัญคือ บริษัท สยามอินดิก้า จำกัด นำโดย “เสี่ยเปี๋ยงอภิชาติ จันทร์สกุลพร อดีตคนใกล้ชิด “นายใหญ่” โดยมีคีย์แมนสำคัญที่เดินเรื่องนี้คือ “หมอโด่งพ.ต.นพ.วีระวุฒิ วัจนะพุกกะ คอยบัญชาการ “หลังม่าน” มี “บุญทรง” กับ “ภูมิ” ในฐานะ “รัฐมนตรี” รับช่วงต่อ

พยานหลายรายให้การตรงกันว่า หากต้องการจะซื้อข้าวต่อจาก “เสี่ยเปี๋ยง” นั้น ให้ติดต่อกับ “หมอโด่ง” ก่อนเพื่อเดินเรื่อง

ท้ายที่สุดคดีข้าวจีทูจีล็อตแรก คือการทุจริตใน 4 สัญญาแรก มูลค่าความเสียหายกว่า 2 หมื่นล้านบาท คดีนี้สิ้นสุดลงแล้ว เมื่อปี 2560 ศาลฎีกาแผนกคดีอาญาของผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมืองพิพากษาจำคุกบรรดานักการเมือง 3 ราย ได้แก่ “บุญทรง เตริยาภิรมย” อดีต รมว.พาณิชย์ 42 ปี “ภูมิ สาระผล” อดีต รมช.พาณิชย์ 36 ปี พ.ต.นพ.วีระวุฒิ วัจนะพุกกะ อดีตเลขานุการ รมว.พาณิชย์ 50 ปี แต่เจ้าตัว “หลบหนี” ไปตั้งแต่คดีอยู่ในชั้นการไต่สวนของ ป.ป.ช. และไม่เคยพบเจอตัวมาจนถึงปัจจุบัน

นอกจากนี้ “บิ๊กข้าราชการ” ในกระทรวงพาณิชย์ ได้แก่ “มนัส สร้อยพลอย” อดีตอธิบดีกรมการค้าระหว่างประเทศ 40 ปี “ฑิฆัมพร นาทวรทัต” อดีต ผอ.สำนักบริหารการค้าข้าว 32 ปี และ “อัครพงศ์ ช่วยเกลี้ยง” อดีตเลขานุการกรมการค้าต่างประเทศ โดนคุก 24 ปี ส่วนบรรดาโรงสีข้าวพิพากษายกฟ้อง

อย่างไรก็ดีในปี 2562 ตามกฎหมายใหม่ของศาลฎีกา มีการอุทธรณ์เรื่องนี้เข้าที่ประชุมใหญ่ศาลฎีกา เพื่อตั้งองค์คณะวินิจฉัยการอุทธรณ์คดีดังกล่าว สุดท้ายองค์คณะฯ พิพากษา “เพิ่มโทษ” แก่ “บุญทรง” กลายเป็นติดคุกรวม 48 ปี เนื่องจากพบว่า มีการแก้ไขสัญญาฉบับแรกด้วย ขณะที่บรรดา “โรงสีข้าว” ที่เคยอ้างว่า ไม่มีส่วนเกี่ยวข้องก่อนหน้านี้ โดนโทษจำคุกกราวรูด 3 ปี แต่โทษรอลงอาญาไว้ก่อน

นับเป็นการปิดฉากคดีระบายข้าว “ภาคแรก” ลงไป แต่นอกจากคดีอาญาแผ่นดินแล้ว บรรดาบุคคลเหล่านี้ยังถูก ป.ป.ช.ไต่สวนทรัพย์สินเชิงลึก กรณี “ร่ำรวยผิดปกติ” อีกด้วย ปัจจุบันยังอยู่ระหว่างการไต่สวน

ถัดมาในช่วงระหว่างคดีข้าวจีทูจีล็อตแรกดำเนินอยู่ ป.ป.ช.ซุ่มไต่สวนคดีข้าวจีทูจีล็อตสองทันที โดยพบว่าอีก 4 สัญญา มีการทุจริตเกิดขึ้น ลักษณะเดียวกับล็อตแรกไม่มีผิดเพี้ยน แต่เปลี่ยนตัวละครโรงสีข้าว และ “บิ๊กข้าราชการ” บางคนที่สับเปลี่ยนตำแหน่งตามฤดูกาลโยกย้าย แต่ด้วยการซุ่มดำเนินคดีอยู่นี้ ทำให้ฝ่ายผู้ถูกกล่าวหาไหวตัวยังไม่ทัน มีการอายัดทรัพย์สินเป็น “แคชเชียร์เช็ค” ไว้ได้เบื้องต้นหลายพันล้านบาท

แต่คดีนี้กลับเพิ่มความร้อนแรงมากขึ้น พลันที่ “บุญทรง” ต้องโทษอยู่ในเรือนจำ ว่ากันว่าช่วงปี 2561 มีเจ้าหน้าที่ระดับสูงของสำนักงาน ป.ป.ช. เดินทางเข้าไปพบกับ “บุญทรง” เพื่อขอให้ “รับสารภาพ” ในคดีระบายข้าวจีทูจีล็อตสอง แลกกับการขอ “กันตัวเป็นพยาน” เพื่อให้ไม่ต้องโทษในคดีต่อไป

ขณะเดียวกันบรรดา “เอกชน-โรงสีข้าว” บางแห่งให้การต่อ ป.ป.ช. โดยอ้างว่า ในการเจรจาซื้อขายข้าวจีทูจีนั้น ได้บินไปพบ “นักการเมืองใหญ่” ที่ดูไบ สหรัฐอาหรับเอมิเรตส์ โดยนักการเมืองรายนี้ชี้ช่องมาว่า หากต้องการซื้อข้าวให้ติดต่อกับ “เสี่ยเปี๋ยง” ได้เลยโดยตรง

นอกจากนี้ยังมีเสียงลือเสียงเล่าอ้างอีกว่า “จำเลยสำคัญ” คดีระบายข้าวจีทูจีเก๊ “ซัดทอด” ว่า “นายใหญ่แดนไกล” เป็นคนโฟนอินเข้ามาสั่งการเกี่ยวกับการระบายข้าวจีทูจี โดยมี “นักการเมืองชื่อดัง” พรรคการเมืองใหญ่ ร่วมฟังด้วย และมีการมอบคลิปวีดีโอเป็นพยานหลักฐานชิ้นสำคัญให้แก่ ป.ป.ช. ไปไต่สวนแล้ว แต่เรื่องนี้คงต้องรอการพิสูจน์ทราบข้อเท็จจริงกันต่อไป เพราะ ป.ป.ช.ไม่มีการยืนยันว่ามีคลิปวีดีโอนี้เป็นพยานหลักฐานจริงหรือไม่

ด้วยเหตุผลข้างต้นจึงทำให้คดีระบายข้าวจีทูจีล็อตสอง มีการเพิ่มชื่อ “ทักษิณ ชินวัตร-ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร” 2 พี่น้องอดีตนายกรัฐมนตรี พ่วงด้วย “เจ๊แดง” เยาวภา วงศ์สวัสดิ์ น้องสาว “ทักษิณ” อดีต ส.ส.พรรคเพื่อไทย แกนนำกลุ่ม “วังบัวบาน” ต้นสังกัดการเมืองของ “บุญทรง” ตกป็นผู้ถูกกล่าวหาในคดีนี้

บทสรุปสุดท้ายมหากาพย์ระบายข้าวจีทูจีล็อตสองจะเป็นอย่างไร คงต้องรอผลที่ประชุมใหญ่คณะกรรมการ ป.ป.ช.ในเดือน พ.ย.นี้

อย่างไรก็ดีการชี้มูลความผิดทางอาญาของคณะกรรมการ ป.ป.ช.ยังไม่ถือเป็นที่สุด ผู้ถูกกล่าวหาทุกรายยังถือว่าเป็นผู้บริสุทธิ์จนกว่าจะมีคำพิพากษาของศาลอันถึงที่สุด

แต่ปฏิเสธไม่ได้ว่า คดีนี้เมื่อถูกรื้อฟื้นกลับมาอีกครั้ง แม้จะยังไม่ถึงที่สุด แต่กลายเป็นชนักปักหลังชิ้นสำคัญทำให้การเคลื่อนไหว “แลนด์สไลด์” อาจเข้า “เงื่อนไข” ยากขึ้น และการ “กลับบ้านแบบเท่ ๆ” ของ “โทนี่ วู้ดซัม” ก็เลือนรางลงไปทุกที