ถึงเวลา “2 ป.” สร้างดาวคนละดวง “ประยุทธ์” รทสช.- “ประวิตร”พปชร.

ถึงเวลา “2 ป.” สร้างดาวคนละดวง  “ประยุทธ์” รทสช.- “ประวิตร”พปชร.

เกมการเมืองของพี่น้อง “2 ป.” ถึงเวลาต้องสร้างดาวคนละดวง “ประยุทธ์ - ประวิตร” ต้องแยกทางกันเดิน หากต้องแตกเป็นสองพรรค กติกาเลือกตั้งในมือของ “ศาลรัฐธรรมนูญ” ปมกฎหมายลูกที่จะอ่านคำวินิจฉัยในวันที่ 23 พ.ย.นี้ ยิ่งน่าจับตามอง

การเมืองเรื่อง “2 ป.” ระหว่าง “ป.ประยุทธ์” พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี รมว.กลาโหม กับ “ป.ป้อม” พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรี หัวหน้าพรรคพลังประชารัฐ (พปชร.) ใกล้ได้ข้อสรุป คาดการณ์กันว่าหลังการประชุมเอเปค “พล.อ.ประยุทธ์” จะประกาศอนาคตทางการเมือง

ตามสไตล์การเคลื่อนเกมการเมืองของ พล.อ.ประยุทธ์  หากเลือกที่จะ “ไม่ไปต่อ” คงเก็บเป็นความลับ เพื่อรักษาอำนาจให้เสถียรมากที่สุด แต่เมื่อคิด “ไปต่อ” จึงไม่แปลกที่จะต้องออกมาแสดงความชัดเจน เพื่อรวบรวม “ขุนพล” และ “นักเลือกตั้ง” ที่จะเคียงคู่สู้ศึกการเมืองที่ใกล้จะมาถึง

หลังการประชุมเอเปคน่าจะได้เห็น “ประยุทธ์” ประกาศไปต่อ แม้จะเหลือเวลาดำรงตำแหน่งนายกรัฐมนตรีเพียง 2 ปี แต่อย่าลืมว่าคำวินิจฉัยของ “ศาลรัฐธรรมนูญ” บอกเพียงว่าให้เริ่มนับวาระ 8 ปี ตั้งแต่วันที่ 6 เม.ย. 2560 ซึ่งเป็นวันที่รัฐธรรมนูญมีผลบังคับใช้ แต่ไม่ได้บอกว่าจะสิ้นสุดวันใด

จึงอาจจะมีอภินิหารทางกฎหมายซ่อนเกม ซ่อนกล อยู่อีก อาทิ 1 เดือนที่หยุดปฏิบัติหน้าที่นับรวมหรือไม่ รวมถึงกรณีอยู่ในตำแหน่งรักษาการนายกรัฐมนตรี ระหว่างการจัดการเลือกตั้ง จะนับรวม 8 ปีด้วยหรือไม่ ซึ่งจะต้องมีการยื่นตีความอีกรอบหนึ่ง

ฉะนั้น การจะฟันธงว่าเวลาของ “ประยุทธ์” เหลืออีกเพียง 2 ปีกว่า อาจจะไม่ถูกต้องเสียทั้งหมด เพราะในฐานะ “ผู้กำหนดเกม” ย่อมไม่ปิดประตูสืบทอดอำนาจของตัวเองให้ยาวนานที่สุด

ขณะเดียวกัน การลงมาคลุกฝุ่นการเมืองของ “ประยุทธ์” เที่ยวนี้ อาจจะต้องตัดขาดกับพี่ใหญ่ “ประวิตร” ขอแยกทางไม่อยู่ร่วมชายคาพรรคพลังประชารัฐ เพราะกว่าจะผ่านเกมแค้น-เกมรบกับ “ป. 4” บิ๊กบอสบ้านป่ารอยต่อ ต้องใช้พลังภายในรอบทิศทาง

แต่ในทางตรงข้าม “ประวิตร - ป. 4” รู้ดีว่า พรรคพลังประชารัฐในวันที่ไร้ “นายกฯตู่” จะฉุดให้เรตติ้งพรรคตกต่ำลงไปอีก เพราะคะแนนนิยมไม่ได้อยู่ที่ตัวพรรคพลังประชารัฐ แต่อยู่ที่ตัวบุคคล โดยเฉพาะพื้นที่ภาคใต้ หากให้ ส.ส. - ว่าที่ผู้สมัคร ส.ส. เลือก คงต้องขอไปต่อกับ “ประยุทธ์”

จึงไม่แปลกที่จะมี “ทีมป่ารอยต่อ” ออกมาปล่อยข่าว เพื่อรั้งให้ “ประยุทธ์” ยอมไปต่อกับพรรคพลังประชารัฐ หาจุดลงตัวของ “2 ป.” เสริมจุดแกร่ง เพิ่มจุดแข็งให้กันละกัน เพื่อคัมแบ็คครองอำนาจอีกสมัย

 รุ่นใหญ่จอมเก๋า ที่ผ่านร้อนผ่านหนาวมาหลายพรรคอย่าง “วีระกร คำประกอบ” ส.ส.นครสวรรค์ ปัจจุบันสังกัดพรรคพลังประชารัฐ ส่งสัญญาณชัดเจนว่า หากพรรคพลังประชารัฐจะเป็นรัฐบาลอีก 4 ปี ต้องให้ “ประยุทธ์” หลีกทางให้ “ประวิตร” เนื่องจาก ส.ว. 250 เสียง จะโหวตได้อีกเพียงรอบเดียวเท่านั้น เนื่องจากจะครบวาระ 5 ปี ในวันที่ 11 พ.ค. 2567

“มีความเป็นไปได้สูงในครึ่ง 2 ปีหลัง ไม่ใช่พรรคพลังประชารัฐที่จะเป็นรัฐบาล พรรคพลังประชารัฐจะไปเป็นฝ่ายค้านมันก็ไม่ได้ คิดไปมันก็น่ากลัว เพราะถ้าไม่มี ส.ว.มาช่วยโหวตเลือกนายกฯใครมันจะมาช่วย เมื่อเงื่อนไขเป็นแบบนั้น พรรคพลังประชารัฐจะไปอยู่ตรงไหน ผมจึงจำเป็นต้องพูด เพราะเราจะอยู่ 4 ปีได้ ก็ต้องเอา พล.อ.ประวิตร ขึ้นเป็นนายกฯ”

“เราไม่ได้ลดเกรด พล.อ.ประยุทธ์ เราให้มาเป็นรองนายกฯ หรือรัฐมนตรีว่าการแทน ซึ่งมีศักดิ์ศรีเท่ากับที่ พล.อ.ประวิตร เป็นรองนายกฯ อยู่ในตอนนี้ มีบารมีไม่ต่างกันเลย เพราะทุกคนรู้ว่าทั้ง 2 คนใกล้ชิดและรักกันมาก ตายแทนกันได้ เมื่อมีความจำเป็นที่พรรคพลังประชารัฐจะเป็นรัฐบาลอีก 4 ปี ก็ให้ พล.อ.ประวิตรขึ้น”

ข้อเสนอของ “วีระกร” แม้พอจะฟังขึ้น และเป็นผลบวกต่อเครือข่ายอนุรักษ์นิยมมากที่สุด แต่ในโลกแห่งความจริง รอยร้าวของ “2 ป.” ยากเกินกว่าจะสมาน และหาจุดลงตัว เพราะ “ประยุทธ์” รู้ดีว่าหากไปต่อกับพรรคพลังประชารัฐ อาจจะโดนหักหลังในขั้นตอนเสนอชื่อโหวต “นายกรัฐมนตรี” จึงขอแยกทางเสียตอนนี้ดีกว่า

โดยมีกระแสข่าวว่า นายกฯประยุทธ์ ปักหมุดไปที่ “พรรครวมไทยสร้างชาติ” โดย ไพศาล พืชมงคล อดีตกรรมการผู้ช่วยรองนายกรัฐมนตรี (พล.อ.ประวิตร) ออกมาส่งสัญญาณว่า “วีไอพี ได้ฤกษ์งามยามดีเข้าสังกัดพรรครวมไทยสร้างชาติ 21 พ.ย.นี้”

หลังจาก “ประยุทธ์” ประกาศอนาคตทางการเมือง ต้องจับตากลุ่ม-ก๊วนภายในพรรคพลังประชารัฐ จะแยกย้าย ตามออกไปอยู่ด้วยกี่คน และจะมีใครปักหลักอยู่กับ “ประวิตร” ที่พรรคพลังประชารัฐต่อไป

เกมการเมืองของพี่น้อง “2 ป.” ถึงเวลาต้องสร้างดาวคนละดวง “ประยุทธ์ - ประวิตร” ต้องแยกทางกันเดิน หากต้องแตกเป็นสองพรรค กติกาเลือกตั้งในมือของ “ศาลรัฐธรรมนูญ” ปมกฎหมายลูกที่จะอ่านคำวินิจฉัยในวันที่ 23 พ.ย.นี้ ยิ่งน่าจับตามอง