“ดร.ณัฎฐ์” ฟันธง ร่างรัฐธรรมนูญฉบับใหม่ ผ่านด่านอรหันต์ยาก เหตุติด 2 ตัวแปร

“ดร.ณัฎฐ์” ฟันธง ร่างรัฐธรรมนูญฉบับใหม่ ผ่านด่านอรหันต์ยาก เหตุติด 2 ตัวแปร

“ดร.ณัฎฐ์”ปรมาจารย์กฎหมายมหาชน ฟันธง ร่างรัฐธรรมนูญฉบับใหม่ ผ่านด่านอรหันต์ยาก ตัวแปรต้องจัดทำประชามติสองครั้งและต้องใช้เสียงมติ สว.หนึ่งในสาม

วันที่ 7 พฤศจิกายน 2565 ผู้สื่อข่าวรายงานว่า เมื่อวันที่ 3 พ.ย.ที่ผ่านมาที่ประชุมสภาผู้แทนราษฎร มีมติเอกฉันท์ 323 เสียง งดออกเสียง 1 เสียง ไม่ออกเสียง 7 เสียง กรณีขอให้สภาเสนอต่อคณะรัฐมนตรีดำเนินการตามที่สภามีมติในการออกเสียงประชามติเกี่ยวกับความเห็นของประชาชนต่อการจัดทำรัฐธรรมนูญฉบับใหม่ ที่เสนอโดย นายจุลพันธ์ อมรวิวัฒน์ ส.ส.จังหวัดเชียงใหม่และรองหัวหน้าพรรคเพื่อไทย และนายณัฐพงษ์ เรืองปัญญาวุฒิ ส.ส.กทม.พรรคก้าวไกล

ล่าสุด ดร.ณัฐวุฒิ วงศ์เนียมหรือ ”ดร.ณัฎฐ์” ปรมาจารย์ทางกฎหมายมหาชนและผู้เชี่ยวชาญรัฐธรรมนูญ โดยท่านได้อธิบายและให้ความเห็นดังกล่าวเพื่อให้ความรู้แก่ประชาชนว่า อำนาจการสถาปนารัฐธรรมนูญ เป็นอำนาจของประชาชน ในการจัดทำรัฐธรรมนูญใหม่ทั้งฉบับใหม่ เงื่อนไขตามรัฐธรรมนูญฉบับปัจจุบัน จะต้องฟังเสียงประชาชนทั้งประเทศก่อนว่าจะจัดทำรัฐธรรมนูญใหม่หรือไม่ กล่าวคือ จะต้องจัดทำประชามติ เพื่อฟังเสียงประชาชนว่าเห็นด้วยหรือไม่ 

เคยมีคำวินิจฉัยของศาลรัฐธรรมนูญที่ 4/2564  รัฐสภามีหน้าที่และอำนาจในการจัดทำรัฐธรรมนูญฉบับใหม่ได้ โดยต้องให้ประชาชนผู้มีอำนาจสถาปนารัฐธรรมนูญได้ลงประชามติเสียก่อน ว่าประชาชนประสงค์จะให้มีรัฐธรรมนูญฉบับใหม่หรือไม่ และเมื่อจัดทำร่างรัฐธรรมนูญฉบับใหม่เสร็จแล้ว ต้องให้ประชาชนลงประชามติเห็นชอบหรือไม่ กับร่างรัฐธรรมนูญฉบับใหม่อีกครั้งหนึ่ง 

จะเห็นว่า คำวินิจฉัยของศาลรัฐธรรมนูญฉบับดังกล่าว กำหนดเงื่อนไขในร่างรัฐธรรมนูญฉบับใหม่ อยู่ 2 เงื่อนไข คือ ก่อนจัดทำและภายหลังจัดทำ โดยจะต้องให้ กกต.ใช้อำนาจตามรัฐธรรมนูญมาตรา 224 วรรคหนึ่ง(1)(2) ข้อดี เป็นการรับฟังเสียงประชาชนส่วนใหญ่จะชอบด้วยหรือไม่เห็นชอบด้วย ข้อเสีย ต้องเสีย งบประมาณในการจัดทำประชามติจำนวนมากถึงสองครั้ง ก่อนที่จะได้รัฐธรรมนูญฉบับใหม่ 


 

ผู้สื่อข่าวถามว่า โอกาสที่จะจัดทำรัฐธรรมนูญฉบับใหม่ มีตัวแปรและเงื่อนไขอย่างไร โอกาสจะผ่านหรือไม่ “ดร.ณัฎฐ์” กล่าวว่า ตามรัฐธรรมนูญมาตรา 211 วรรคท้าย คำวินิจฉัยของศาลรัฐธรรมนูญให้เป็นเด็ดขาด ย่อมมีผลผูกพัน รัฐสภา คณะรัฐมนตรี ศาล องค์กรอิสระ และหน่วยงานของรัฐ ส่วนการแก้ไขรัฐธรรมนูญ เป็นบทบัญญัติที่สำคัญของรัฐธรรมนูญเนื่องจากสภาพสังคมและบริบททางการเมืองของประเทศเปลี่ยนแปลงไปตามช่วงเวลา การใช้รัฐธรรมนูญอาจไม่สอดรับกับสภาพสังคมการเมืองที่เปลี่ยนแปลงไป รัฐธรรมนูญแต่ละประเทศจึงมีบทบัญญัติให้สามารถแก้ไขเพิ่มเติมได้เพื่อให้บทบัญญัติของรัฐธรรมนูญให้ทันสมัย ทันเหตุการณ์และเป็นไปตามความต้องการของประชาชนส่วนใหญ่ในระบอบประชาธิปไตย โดยกำหนดเงื่อนไขรัฐธรรมนูญฉบับปัจจุบันในหมวด 15 ตามมาตรา 255 และ 256  ตัวแปรที่สำคัญ อยู่ที่ วาระสาม ลงมติ เงื่อนไขที่สำคัญ ต้องมีสมาชิกวุฒิสภาเห็นชอบด้วยหนึ่งในสามของจำนวนสมาชิกทั้งหมดที่มีอยู่ของวุฒิสภา 

ตามที่รัฐสภามีมติเอกฉันท์ 323 เสียง เป็นเพียงขั้นตอนแรกในชั้นก่อนจะจัดทำประชามติเพื่อรับฟังความเห็นของประชาชนว่าจะเห็นด้วยหรือไม่เห็นด้วย ขั้นตอนต่อไปจะต้องส่งเรื่องให้วุฒิสภาเพื่อลงมติเห็นชอบหรือไม่เห็นชอบ หากเห็นชอบ จะต้องส่งเรื่องไปยังคณะรัฐมนตรีต่อไป คือ ช่องทางมาตรา 256 วรรคหนึ่ง แต่หากวุฒิสภาไม่เห็นชอบถือว่าเรื่องนี้ย่อมตกไป ดังนั้น รัฐธรรมนูญ 2560 ฉบับเรือแป๊ะ “ลงเรือแป๊ะ จะต้องตามใจแป๊ะ” นั้นมีด่านเหล็กสำคัญที่ซ่อนเงื่อนไขเอาไว้ แก้ไขยากมาก ตัวแปร คือ จะต้องจัดทำประชามติรับฟังเสียงส่วนใหญ่ของประชาชนก่อนและหลังว่าเห็นชอบหรือไม่เห็นชอบ และมีตัวแปรด่านหิน คือ ต้องใช้เสียงสมาชิกวุฒิสภา จำนวน 84 เสียง มีมติเห็นชอบในวาระสาม  เทียบเคียงกับการปิดสวิตซ์ สว.ตามมาตรา 272 ยังไม่ผ่านด่านอรหันต์วุฒิสภา จะมาคิดการใหญ่ร่างรัฐธรรมนูญทั้งฉบับ จึงมีโอกาสน้อย