“พิธา” หวังเสียง ส.ว.เกินครึ่งหนุนชง ครม.ทำประชามติร่าง รธน.ใหม่

“พิธา” หวังเสียง ส.ว.เกินครึ่งหนุนชง ครม.ทำประชามติร่าง รธน.ใหม่

“พิธา” หวัง ส.ว.เสียงเกินครึ่ง ร่วมกันโหวตหนุนญัตติชง ครม.จัดทำประชามติร่างรัฐธรรมนูญใหม่พร้อมเลือกตั้ง เปิด 3 เหตุผลสำคัญ ประหยัดงบประมาณ ทำให้ร่างเร็วสุด เปลี่ยนประเทศเป็นประชาธิปไตยมากสุด

เมื่อวันที่ 3 พ.ย. 2565 นายพิธา ลิ้มเจริญรัตน์ ส.ส.บัญชีรายชื่อ และหัวหน้าพรรคก้าวไกล แถลงข่าวหลังที่ประชุมสภาผู้แทนราษฎรลงมติในญัตติด่วนเรื่อง ขอให้สภาพิจารณาเสนอต่อคณะรัฐมนตรี (ครม.) ดำเนินการตามที่สภามีมติในการออกเสียงประชามติเกี่ยวกับความเห็นของประชาชนต่อการจัดทำรัฐธรรมนูญฉบับใหม่ ผลการลงคะแนนมีเสียงเป็นเอกฉันท์ ด้วยคะแนน 323 ต่อ 0 งดออกเสียง 1 ไม่ออกเสียง 7 เสียง ให้สภาผู้แทนราษฎร ส่งเรื่องไปยัง ครม. ให้ทำประชามติเพื่อจัดทำรัฐธรรมนูญฉบับใหม่ว่า 3 เหตุผลสำคัญที่จะต้องจัดประชามติพร้อมเลือกตั้ง ข้อแรก คือประหยัดงบประมาณในการจัดการ ข้อที่สอง เป็นเรื่องของหลักการทำให้การร่างรัฐธรรมนูญเกิดขึ้นได้เร็วที่สุด และข้อสาม เป็นเรื่องการแสดงออกอย่างนัยเพราะหากมีการจัดประชามติ  ประเทศไทยมีโอกาสจะเปลี่ยนกฎหมายสูงสุดของประเทศให้เป็นประชาธิปไตยมากที่สุด

นายพิธา กล่าวว่า หวังว่า ส.ว. จะร่วมเห็นชอบกับแนวทางของพรรคก้าวไกล ด้วยการโหวตให้เกินครึ่งเพราะหากย้อนกลับไปเมื่อเดือน พ.ย. ปี 2563 สภาฯเคยมีญัตติโหวตให้มี ส.ส.ร. จากนั้น เดือน มี.ค. 2564 ส.ว. คว่ำญัตติดังกล่าว โดยหยิบยกเหตุผลว่าการแก้รัฐธรรมนูญ ต้องจัดประชามติก่อน ดังนั้นครั้งนี้ ส.ว.คงไม่มีเหตุผลอะไรที่จะไม่เห็นชอบกับพรรคก้าวไกล

“พิธา” หวังเสียง ส.ว.เกินครึ่งหนุนชง ครม.ทำประชามติร่าง รธน.ใหม่

ส่วนนายพริษฐ์ วัชรสินธุ ผู้จัดการการสื่อสารและการรณรงค์นโยบายของพรรคก้าวไกล ในฐานะผู้เสนอแคมเปญ reset ประเทศไทย กล่าวว่า ในส่วนของภาคประชาชน แคมเปญ reset ประเทศไทยใช้การเข้าชื่อของประชาชนจำนวน 60,000รายชื่อโดยไม่ต้องอาศัยเสียงของ ส.ว. หากมีประชาชนร่วมเข้าชื่อครบตามจำนวนดังกล่าว สามารถส่งไปยังที่ประชุมคณะรัฐมนตรีได้ทันทีโดยไม่ต้องหวังเสียงของ ส.ว. ดังนั้นเชื่อว่าไม่มีเหตุผลอะไรที่ทำให้ ครม. ล้มมตินี้